ภายในพิพิธภัณฑ์
การจัดพิพิธภัณฑ์ให้เกิดความสนใจใคร่รู้แม้มีการจัดทำมาช้านาน ก็ยังเชื่อว่าการเรียนรู้จากพิพิธภัณฑ์นั้นจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น จากการติดตามโครงการวิจัยเรื่อง “การวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับพิพิธภัณฑ์วัดพระรูป จังหวัดสุพรรณบุรี ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เหมาะสมกับสังคมไทยในศตวรรษที่ ๒๑” ของสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น อาทิตย์นี้จึงไปร่วมในความสำเร็จของการถอดบทเรียนว่าด้วยการพัฒนาพิพิธภัณฑ์วัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ต้นแบบในการเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต จนทำให้มองเห็นประโยชน์ทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการนำไปใช้ในลักษณะของการต่อยอดองค์ความรู้ในอนาคตของพิพิธภัณฑ์วัดและท้องถิ่นขนาดเล็ก...โครงการนี้มี ดร.สิโรตม์ ภินันท์รัชตธร เป็นหัวหน้าโครงการและคณะวิจัย โดย ผศ.ดร.เสาวธาร โพธิกลัดผอ.สถาบันไทยคดีศึกษา และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้สนับสนุนโครงการ ซึ่งทำให้มีการศึกษาประเด็นทางวิชาการ สร้างการเรียนรู้ร่วมกัน และเอื้อให้ผู้สนใจได้เรียนรู้ที่สอดคล้องกับยุคสมัยและเทคโนโลยีโดยเฉพาะการจัดการโบราณวัตถุ สิ่งของต่างๆ ที่วัดและท้องถิ่นได้เก็บรักษาไว้นั้น ให้สามารถสร้างองค์ความรู้ สะท้อนถึงภูมิปัญญา การเล่าเรื่องและการรักษาคุณค่าให้ยั่งยืนสืบไป ด้วยเหตุที่วัดพระรูปนั้นมีต้นทุนเดิมของแหล่งโบราณวัตถุของวัดสำคัญอยู่แล้ว จึงทำให้โครงการนี้สำเร็จได้สาระความรู้ ซึ่งมีผลงานศึกษา ๒ เล่มเผยแพร่
เจดีย์ศิลปอู่ทอง
วัดพระรูปแห่งนี้ เป็นวัดขนาดเล็กอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี หรือแม่น้ำท่าจีนถนนขุนช้าง ในท้องที่ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี อยู่ตรงกันข้ามกับตัวตลาดสุพรรณบุรีปัจจุบัน มีโบราณสถานที่อยู่ในวัดพระรูปนี้ มีเจดีย์เก่าแก่ทรงแปดเหลี่ยมยอดระฆังกลมซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีรูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมที่นิยมในศิลปะสุพรรณภูมิหรืออู่ทอง ในราวก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๙ หลังจากการขุดแต่งบูรณะเจดีย์โดยกรมศิลปากรเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔ นั้น ได้พบซากอิฐซึ่งเป็นรากฐานองค์เจดีย์เดิมที่มีมาก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ภายหลังนั้นน่าจะสร้างเจดีย์ขึ้นบนฐานเจดีย์เดิมในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙โดยฉาบปูนทับและปั้นลายปูนปั้นใหม่ ก่อนกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ต่อมากรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดพระรูปในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๘ จึงเป็นวัดสำคัญที่มีโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญของวัดอยู่คือ แผ่นไม้จำหลักลายพระพุทธบาท หนึ่งเดียว ศิลปกรรมแบบอู่ทอง ที่งดงามมากไว้ด้วย พระพุทธบาทนี้มีขนาดกว้างประมาณ ๖๐ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑ เมตร๘๐ เซนติเมตร ด้านหลังสลักเป็นรูปผจญมารอีกทั้งยังมีซากเจดีย์ที่ยังไม่ได้รับการขุดแต่งและบูรณะในบริเวณวัดอีกหลายองค์ วิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ศิลปกรรมอู่ทองและศาลาเก๋งจีน
ดร.เสาวธาร โพธิ์กลัด ผอ.สถาบันไทยคดีศึกษา
ก่อนนั้น พระครูสุนทรสุวรรณกิจ (ดี จตฺตมโล)หรือหลวงพ่อดี อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวสุพรรณบุรี ได้มีดำริและจัดพิพิธภัณฑ์ให้ความสำคัญกับวัดและท้องถิ่น ซึ่งได้ร่วมกับชาวบ้านชุมชนวัดพระรูป สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓ ครั้งนั้นได้ปรับพื้นที่ชั้นบนเป็นที่จัดแสดงพระพุทธบาทไม้และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ไว้เป็นเบื้องต้น จนถึงปี พ.ศ.๒๕๖๑วัดโดย พระครูสังฆรักษ์วุฒิพันธุ์ สิริธโร (เพ็งสุวรรณ)เจ้าอาวาสวัดพระรูป ได้ฟื้นฟูการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัดพระรูปขึ้นจาก คณะกรรมการและชาวชุมชนวัดพระรูป ตลอดจน เครือข่ายชมรมนักโบราณคดี (สมัครเล่น) เมืองสุพรรณ ที่ต่างต้องการฟื้นฟูและสืบสานงานพิพิธภัณฑ์ที่พระครูสุนทรสุวรรณกิจ (หลวงพ่อดี) ได้ทำไว้ จนได้รับการสนับสนุนงานวิชาการจากคณะนักวิจัย สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ร่วมกันถอดบทเรียนและจัดพิพิธภัณฑ์วัดพระรูปให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบที่เหมาะสมสำหรับวัดและท้องถิ่นที่สนใจจะจัดพิพิธภัณฑ์ของตนเองในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี