การประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก (The World’s Best Rice) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดย ไทย กัมพูชา และเวียดนาม เป็น 3 ประเทศ แข่งขันกันอย่างสูสี และผลัดกันเป็นแชมป์มาโดยตลอด
ในปีนี้การประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก จัดขึ้นระหว่างการประชุมข้าวโลก ที่จังหวัดภูเก็ต พบว่า “ข้าวหอมมะลิผกาลำดวน” จากกัมพูชา คว้ารางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลกไปครอง
ส่วนข้าวหอมมะลิไทย ได้อันดับ 2
อันดับ 3 คือ ข้าวหอมจากเวียดนาม
อันดับ 4 ข้าวหอมจาก สปป.ลาว
โดยปีนี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยส่งข้าวหอมมะลิจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าประกวดเพียง 1 ตัวอย่างจาก 20 ตัวอย่าง จากผู้เข้าประกวดทั้งไทย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ลาว อินเดีย ปากีสถาน จีน และสหรัฐฯ ก่อนที่ข้าวไทยและข้าวจากกัมพูชาเข้ารอบสุดท้ายเพียง 2 ชาติ แต่น่าเสียดายว่า ข้าวหอมมะลิไทยแพ้ข้าวหอมมะลิผกาลำดวน จากกัมพูชา ซึ่งเป็นการแพ้แบบสูสีมาก เพราะแพ้ไปเพียง1 คะแนน โดยกรรมการตัดสิน ซึ่งเป็นเชฟใหญ่จากสหรัฐฯ บอกว่า “แพ้กันที่กลิ่น”หลังการหุงแล้ว ข้าวผกาลำดวนกลิ่นหอมมาก แต่ข้าวหอมมะลิไทยกลิ่นอ่อนมากส่วนในตัวคุณภาพข้าว ก็น่าแปลกใจว่าในปีนี้ข้าวหอมมะลิไทยกลิ่นไม่หอมเหมือนปกติ หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันอาจเพราะน้ำมาก ฝนตกชุก ทำให้ข้าวไม่ได้สร้างกลิ่นที่แรงเหมือนปีก่อนที่ข้าวหอมมะลิไทยชนะเลิศ เพราะมีกลิ่นหอมมาก
ถ้าดูตามสถิติในการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก กัมพูชา ครองแชมป์ข้าวโลก รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 คือใน ปี 2555 ต่อมา 2556 กัมพูชาครองอันดับ 1ร่วมกับสหรัฐฯ ปี 2557 ไทยร่วมกับกัมพูชาปี 2561 กัมพูชาประเทศเดียว และในปีนี้ที่กัมพูชาเฉือนชนะไทย ส่วนข้าวหอมมะลิไทยเป็นแชมป์ถึง 7 ครั้ง ในปีแรกที่ประกวดคือ 2552 ต่อมาปี 2553 และปี 2557ไทยเป็นแชมป์ร่วมกับกัมพูชา ปี 2559 ไทยประเทศเดียว หลังจากนั้นครองแชมป์อีกในปี 2560, 2563 และในปี 2564
การเสียแชมป์ครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าไทยควรปรับปรุงพันธุ์ข้าวเก่าให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแข่งขันกับข้าวหอมของเพื่อนบ้านได้ เพราะหลายปีมาทั้งเวียดนาม เมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว พัฒนาพันธุ์ข้าวหอมให้มีคุณภาพดีขึ้นมากทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญของข้าวหอมมะลิของไทย
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มองว่าในฤดูการผลิตปี 2565/66 ข้าวหอมมะลิไทยและข้าวหอมมะลิผกาลำดวนจะแข่งขันกันรุนแรงในด้านส่งออก เพราะผลผลิตเพิ่มขึ้นมากเหมือนกัน และอาจทำให้ข้าวหอมมะลิไทยมีราคาลดลง ล่าสุด ข้าวหอมมะลิไทยราคาส่งออกตันละ 750 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผกาลำดวนตันละ 720 ดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อได้รางวัล ราคาคงขยับขึ้นอีก
ข้าวหอมมะลิไทย ที่มีชื่อเสียงในการส่งออกมากที่สุด คือ ข้าวหอมมะลิ 105 มีชื่อเรียกทางการว่า พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 รองลงมาคือ กข15 ซึ่งข้าวหอมมะลิ 105 เป็นพันธุ์ที่ถูกคัดไปประกวดในปีนี้ ที่ผ่านมาข้าวพันธุ์นี้สามารถครองความนิยมในใจของผู้บริโภคมานาน 60 ปี นับตั้งแต่ผ่านการรับรองพันธุ์ ส่วนข้าวหอมมะลิผกาลำดวน (Phka Rumduol) ของกัมพูชา เป็นข้าวหอมมะลิเมล็ดยาวพันธุ์หนึ่ง ที่กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้ซื้อจากต่างประเทศ และเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ส่งออกภายใต้เครื่องหมายรับรอง มะลิ อังกอร์ (Malys Angkor) ซึ่งพัฒนาสายพันธุ์โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาการเกษตรของกัมพูชา และได้แจกจ่ายพันธุ์นี้ให้เกษตรกรใช้ปลูกในปี 2542 หลังจากพัฒนาและทดลองมา 10 ปี จนผกาลำดวน เป็นข้าวที่สร้างชื่อเสียงและเม็ดเงินเข้ากัมพูชามาโดยตลอด ซึ่งรัฐบาลกัมพูชามุ่งมั่นพัฒนาผกาลำดวนอย่างเต็มกำลัง
สำหรับการส่งออกข้าวของไทยในภาพรวมจะได้รับผลกระทบจากการประกวดครั้งนี้หรือไม่นั้น ถ้าดูจากคาดการณ์ทั้งจากการประเมินของกระทรวงพาณิชย์และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ก็ยังมั่นใจว่า ในระยะสั้นการส่งออกข้าวไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากการประกวดครั้งนี้
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ทำให้เห็นว่า การส่งออกข้าวไทยยังโตต่อเนื่องโดยในเดือนมกราคมถึงกันยายน ไทยส่งออกไปแล้ว 5.41 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 39 คิดเป็นมูลค่า95,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 35.5 ตลาดส่งออกหลักไทยยังขยายตัว ทั้ง สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้จีน มูลค่า ฮ่องกง รวมถึงตลาดใหม่ที่ขยายตัวดี คือ อิรัก พบว่าการส่งออกข้าวไทยในตลาดนี้เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าตัว
คาดว่าภาพรวมการส่งออกข้าวไทยปี 2565 น่าจะทำได้ถึง 7.5 ล้านตัน เนื่องจากโลกขาดแคลนอาหาร เงินบาทอ่อนค่าทำให้ความสามารถแข่งขันด้านราคาข้าวของไทยแข่งขันได้กับอินเดียและเวียดนามได้ดีขึ้น และที่สำคัญอิรักได้กลับมาซื้อข้าวไทยในรอบ 7 ปี โดยคาดเฉพาะอิรักตลาดเดียวจะซื้อข้าวจากไทยปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน ส่วนปี 2566น่าจะแตะ 8 ล้านตัน เพราะในปีนี้ผลผลิตมีมาก น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ นาปรังไม่มีปัญหาส่งผลให้มีผลผลิตออกมามาก อีกทั้งค่าเงินบาทไม่แข็งค่าเกินไป ทำให้ข้าวไทยราคาไม่ห่างจากคู่แข่งมากนักเมื่อเทียบกับอดีต โดยปัจจุบัน ข้าวไทยมีราคา 410-450 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ข้าวเวียดนาม400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และข้าวอินเดีย390 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ถือว่าห่างกันเพียงตันละ 20-25 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันจากที่ผ่านมาแตกต่างกัน 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจของคู่ค้าในบางประเทศ
การที่ผกาลำดวนจากกัมพูชา ชนะข้าวหอมมะลิไทย แม้จะยังไม่มีผลต่อการส่งออกของไทยในระยะใกล้นี้ เพราะตลาดส่งออกไทยที่ใหญ่ที่สุดคือ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวมกันประมาณ 550,000ตันต่อปี เป็นตลาดที่ยังไม่ยอมรับในชื่อเสียงและคุณภาพของข้าวหอมกัมพูชา แต่ข้าวจากกัมพูชา ส่งออกได้ดีในสหภาพยุโรปหรืออียู ที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี คือไม่ต้องเสีย และไม่มีจำกัดโควตาจำนวนนำเข้าส่วนไทยต้องเสีย 175 ยูโรต่อตัน ในกรณีที่จำนวนเกินโควตาที่ได้รับ 25,000 ตันต่อปี
ถ้ามองกันในระยะยาว ผกาลำดวนจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวแบบเวียดนาม ที่ในช่วงเริ่มต้นยังสู้ไทยไม่ได้ แต่ใช้ราคาที่ต่ำกว่ามากมาสู้ โดยปัจจุบันนี้ราคาผกาลำดวนต่ำกว่าไทยเพียงเล็กน้อยประมาณ 15-20เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่สิ่งต้องจับตามองคือ ข้าวกัมพูชาทุกประเภทถูกพ่อค้าเวียดนามแย่งซื้อไปมากช่วงเก็บเกี่ยวเพราะมีชายแดนติดกัน ใช้ขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ ผ่านคลองขนส่งในลุ่มน้ำโขงกัมพูชาจึงเหลือข้าวส่งออกจากท่าเรือกัมพูชาที่สีหนุวิลล์น้อยลง ทำให้ต้นทุนราคาข้าวเปลือกไม่ลงต่ำมาก ซึ่งก็เป็นผลดีต่อชาวนากัมพูชา
สำหรับไทย เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายสำคัญของโลก โดยผลิตข้าวเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากจีน ที่ผลิตได้ 147 ล้านตัน, อินเดียผลิตได้124 ล้านตัน, เวียดนามผลิตได้ 27 ล้านตันและไทยผลิตได้ 20 ล้านตัน ในด้านการส่งออก ปีนี้ไทยอยู่ในอันดับ 2 ของโลกโดยอันดับ 1 ในปีนี้คืออินเดีย ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ส่งออกข้าวไปแล้ว 15.34ล้านตัน รองลงมาคือ ไทย ส่งออก 5.41 ล้านตัน, เวียดนาม 5.37 ล้านตัน และปากีสถาน 3.14 ล้านตัน
“ข้าว” ถือเป็นธัญพืชที่เพาะปลูกมากเป็นลำดับ 3 ของโลก รองจากข้าวโพด และข้าวสาลี ภูมิภาคที่บริโภคข้าวมากที่สุดในโลกคือทวีปเอเชีย มากกว่าร้อยละ 90 ของผลผลิตทั้งโลก ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบว่าปีนี้ ความต้องการข้าวโลกจะมากขึ้นประมาณ ร้อยละ 3.5 เทียบจากปีที่แล้วที่ 517 ล้านตัน ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี เพราะปัญหาความวิตกกังวลเรื่องความมั่นคงทางอาหารจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เศรษฐกิจโลกและความเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิอากาศ ส่งผลให้หลายประเทศที่เป็นผู้นำเข้าข้าวหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ้น เช่น อินโดนีเซียเซเนกัล ออสเตรเลีย ทั้งที่เป็นผู้นำข้าวมาก่อนทำให้เกิดการแข่งขันด้านการตลาดข้าวรุนแรงตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตรไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี