ปากน้ำโพต้นแม่น้ำเจ้าพระยา
ด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสายน้ำที่เกิดจากการไหลรวมกันของแม่น้ำ ๔ สาย คือ แม่น้ำปิงวัง ยม และน่าน อาทิตย์นี้จึงตามรอยสยามไปยังสายน้ำที่สืบสานวัฒนธรรมจีนไทยที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีปลายแหลมของเกาะยมตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ เป็นจุดเริ่มต้นของแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหญ่ ที่มองเห็นถึงความแตกต่างของสายน้ำ ๒ สี ได้อย่างชัดเจน โดยแม่น้ำน่านนั้นจะมีสีแดงขุ่น และแม่น้ำปิงมีสีเขียวคล้ำใส นับเป็นแม่น้ำสายชีพที่หล่อเลี้ยงวิถีความเป็นอยู่ของผู้คนที่อยู่ริมน้ำทั้งสองฝั่งของภาคเหนือและภาคกลาง นับเป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศที่รู้จักกันดี ด้วยความสำคัญของสายน้ำจาก ๔ แควดังกล่าวที่นำพาผู้คนจากที่ต่างๆเดินทางมาอยู่ตั้งหลักแหล่งที่อยู่อาศัย และสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติไทย-จีน จนเกิดวัฒนธรรมของตนในพื้นที่รัฐกึ่งกลาง เมืองที่เชื่อมความเจริญรุ่งเรืองจากการเป็นพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างของ เมืองพระบาง เป็นเขตแดนตอนล่างของแคว้นสุโขทัย และเป็นพื้นที่ภาคกลางตอนบนของ เมืองชอนตะวัน ที่ร่วมสมัยกับแคว้นสุวรรณภูมิและอยุธยาซึ่งมีการพัฒนาเมืองให้เป็นรัฐกึ่งกลางในนาม “นครสวรรค์” เมืองที่ประสานสายน้ำจากแควทั้งสี่ให้เป็นสายน้ำใหญ่ของประเทศ
ดังนั้น ในปี ๒๕๖๖ นี้ งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ ภาคเหนือ จึงกำหนดให้จังหวัดนครสวรรค์นั้น จัดงานใหญ่ขึ้นโดยมีชื่องานว่า “อารยธรรมแห่งสายน้ำ วัฒนธรรมจีนไทย สานสายใยชาติพันธุ์” ขึ้น วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ นั้นนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานพิธีเปิดงานดังกล่าวร่วมด้วย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ นายชยันต์ ศิริมาศผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ โดยมี พล.ต.อ.สมศักดิ์จันทะพิงค์ นายก อบจ.นครสวรรค์นายจิตรเกษม นิโรจน์ธนรัฐ นายกเทศมนตรีนครสวรรค์ และ นายสมบัติ กิตติพงษ์พัฒนา ประธานคณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ ได้ร่วมกันสานสัมพันธ์สร้างความสำคัญของงานแห่งสายน้ำเจ้าพระยาให้เกิดขึ้น พร้อมด้วยวิถีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ
ขนมไทยขนมกง-ข้าวเม่าทอด
อดีตกาลแห่งสายน้ำวัฒนธรรมจากต้นน้ำเจ้าพระยานั้น ได้มีเส้นทางน้ำจากหลายสาขาพาสินค้าเข้ามาเมืองนี้จนเป็นแหล่งเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งมีศาลเจ้าเทพรักษ์ และตลาดปากน้ำโพ เป็นศูนย์กลางสร้างรายได้สินค้าจาก เมืองบนได้แก่ พิษณุโลก กำแพงเพชร ตาก แพร่ น่าน และ เมืองล่าง เช่น อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ให้เกิดขึ้น
ปัจจุบันนี้บริเวณปลายแหลมเกาะยมได้สร้างสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “พาสาน” เป็นจุดแลนด์มาร์คสำคัญของการประสานสายสัมพันธ์จากกลุ่มชาติพันธุ์จีนไทยผู้เดินทางมาจาก ๔ แควคือ ปิง วัง ยม น่าน และเจ้าพระยา ให้มารวมกันอยู่ที่นครสวรรค์ เมืองรัฐกึ่งกลาง ซึ่งมีประวัติศาสตร์ของ เมืองพระบาง ในสมัยสุโขทัย เมืองชอนตะวัน-นครสวรรค์ ในสมัยสุพรรณภูมิ-อยุธยา ซึ่งช่วงรอยต่อการขยายอำนาจของอยุธยานั้นเมืองนครสวรรค์ได้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการจัดการปัญหาภายในของราชสำนักสุโขทัย ทำให้กรุงศรีอยุธยาผนวกเอาบ้านเมืองของสุโขทัยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร ทำให้นครสวรรค์มีสถานะเป็นหัวเมืองชั้นตรีของอยุธยา ครั้งเกิดสงครามระหว่างอยุธยากับพม่าตั้งแต่ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๑ เป็นต้นมานั้น เมืองนครสวรรค์ได้ถูกใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการประชุมพลของทั้งกองทัพอยุธยาและกองทัพพม่า ด้วยเป็นเมืองชุมทางตั้งอยู่ในจุดที่เป็นเส้นทางคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ จนทำให้เมืองนครสวรรค์ได้รับผลกระทบจากสงครามอยู่เสมอจนมีความเสื่อมตามลำดับ ต่อมาได้ฟื้นตัวขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ดังปรากฏว่านครสวรรค์มีโบราณสถานสมัยสุโขทัย-อยุธยา กระจัดกระจายอยู่หลายแห่ง ผสมผสานกับการมีเส้นทางรถไฟโดยคนงานจีนเป็นกรรมกรสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕และการมีแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่รู้จักกันดีว่า บึงบอระเพ็ด จึงเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เมืองนครสวรรค์แห่งนี้สืบสานสายสัมพันธ์ของวัฒนธรรมจีนไทยมา ๑๐๗ ปี สามารถนำพาให้ผู้คนมาร่วมงานเทศกาลวันตุรษจีนของแผ่นดิน สร้างมูลค่ารายได้จากการท่องเที่ยวงานประเพณีมากขึ้นทุกปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี