เวียนเทียนพระเจดีย์คู่ของเวียงคุกโบราณ
เนื่องจากการนับถือพระพุทธศาสนานั้นส่วนมากเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มอาเซียน ซึ่งปรากฏว่ามีพุทธสถานและกิจกรรมอันเนื่องจากวันสำคัญทางพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน ดังนั้น ภูมิภาคอาเซียนภายใต้เสาหลักด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC) นั้นทำให้ประชาชนในภูมิภาคอาเซียนอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมที่เอื้ออาทรและมีความมั่นคง มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยมิติศาสนา ให้มีกิจกรรมความร่วมมือสวดมนต์ข้ามปีและกิจกรรมในวันสำคัญทางพุทธศาสนาร่วมกัน อาทิตย์นี้ได้ตามรอยความสัมพันธ์ดังกล่าวอันเนื่องในโอกาส “มาฆบูชาอาเซียน”
ซึ่ง นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนาและคณะสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านศาสนาและวัฒนธรรมรวมถึงภาคประชาชนของไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดกิจกรรมมาฆบูชาอาเซียนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมีกิจกรรมการสักการะและเวียนเทียนรอบพระธาตุคู่โบราณของเมืองเวียงคุก กับร่วมกิจกรรมตักบาตร หน้าองค์พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์ ซึ่งต่างเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวลาวมานาน นับเป็นการขยายผลและต่อยอด ด้วยการริเริ่มจัดกิจกรรมมาฆบูชาอาเซียนร่วมกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างแนบแน่นกับไทยทั้งด้านภูมิศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม และประชากรส่วนใหญ่ในประเทศนับถือพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน ในวันที่ ๙-๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ ที่ผ่านมาทั้งในพื้นที่จังหวัดหนองคาย และนครหลวงเวียงจันทน์ และมีพิธีสักการะพระธาตุหล้าหนอง หรือพระธาตุหนองคาย อันเป็นพระธาตุที่จมอยู่กลางลำน้ำโขง มากว่า ๑๐๐ ปีเดิมนั้นองค์พระธาตุสมบูรณ์แต่ล้มลงเนื่องจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ ที่พัดจนเคลื่อนออกไปกลางน้ำ ปัจจุบันวัดสิริมหากัจจายน์ (วัดธาตุ) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหนองคาย ได้สร้างพระธาตุองค์จำลองขึ้นมาใหม่อยู่ริมแม่น้ำโขง ภายในพระธาตุประดิษฐานพระบรมธาตุฝ่าพระบาทเก้าพระองค์และสักการะพระธาตุโพนจิกเวียงงัว ตั้งอยู่ภายในวัดโคกป่าฝาง ตำบลปะโค อำเภอเมืองหนองคายเป็นพระธาตุเก่าแก่สมัยล้านช้างที่ภายในประดิษฐานพระบรมธาตุเขี้ยวฝางสามองค์ ซึ่งยังมีร่องรอยของฐานอุโบสถเก่าแก่ที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานอยู่ด้วย
การประชุมร่วมหารือไทย-ลาว
ส่วนกิจกรรมมาฆบูชาอาเซียนฝั่งไทยนั้นคือ พิธีสักการะพระธาตุคู่ของวัดเทพพลประดิษฐาราม ตำบลเวียงคุก อำเภอเมืองหนองคาย ซึ่งเป็นพระธาตุ ๒ องค์คู่กันของเมืองโบราณเวียงคุก และศาลาวิหารไม้ที่สร้างขึ้นเป็นสถาปัตยกรรมของศิลปกรรมสองฝั่งโขงสำหรับกิจกรรมฝ่ายลาวนั้นเป็นพิธีตักบาตรข้าวเหนียวหน้าวัดพระธาตุหลวง ของนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งมีพุทธศาสนิกทั้งชาวไทยและชาวลาวได้ร่วมสักการะ พระอาจารย์ใหญ่ มหาบุญมาสมมาพล พระเถระผู้เป็นสมเด็จพระสังฆราชและร่วมประชุมกับคณะสงฆ์โดย พระอาจารย์ใหญ่มหาเวท รองสมเด็จพระสังฆราช ประธานศูนย์กลางองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นประธาน และ นายถนอมททอง ประธานศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาติ นครเวียงจันทน์ นายสมบูรณ์ คำพูนแสง หัวหน้ากรมศาสนา กระทรวงภายใน สปป.ลาว ในโอกาสนี้อธิบดีกรมการศาสนาจากไทยได้กราบนมัสการขอบพระคุณที่คณะสงฆ์ฝ่ายลาวได้ให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีที่ผ่านมา และได้ร่วมประชุมหารือแนวทางดำเนินการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านศาสนาในอนาคต โดยมีการร่วมมือกันจัดกิจกรรมทางพุทธศาสนาร่วมกันในโอกาสต่างๆ นอกจากนี้ คณะกรมการศาสนายังได้สำรวจเส้นทางเพื่อจัดกิจกรรมตามรอยพระเถราจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีด้วย ซึ่งจัดพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ของวัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีที่สร้างขึ้นโดยวัดป่าบ้านตาด สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์และคณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัวญาณสัมปันโน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และอนุสรณ์สถานที่บรรจุอัฐิธาตุ โดยจัดเก็บรวบรวมประวัติหนังสือ คำสอน และเครื่องอัฐบริขารของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน รวมทั้งคำสอนของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อให้คนรุ่นหลังให้รำลึกถึงคุณูปการของท่านทั้งในทางโลกและทางธรรม โดยกรมการศาสนานั้นจะนำข้อมูลไปดำเนินการขยายผลให้เกิดกิจกรรมตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธาของพระเถระรูปสำคัญที่ชาวพุทธเคารพนับถือในเส้นทางอื่นๆ ต่อไป