ไม่กี่วันที่ผ่านมาโลกได้เห็นภาพความสำเร็จของ “จีน” ในฐานะตัวกลางเจรจาฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบีย ล่าสุด มีการจับตามองว่า จีนอาจช่วยหย่าศึกระหว่างรัสเซียกับยูเครนด้วย แม้ยังไม่มีใครตอบได้ชัดเจน แต่นักวิเคราะห์บอกว่า มีน้ำหนักน่าติดตาม
ยังไม่ถึง 1 สัปดาห์ นับตั้งแต่สี จิ้นผิง กระชับอำนาจบริหารประเทศก็มีกระแสข่าวหนาหูว่าผู้นำจีนเตรียมเดินทางเยือนรัสเซีย เพื่อหารือกับ วลาดีมีร์ ปูติน ซึ่งแม้จะยังไม่มีกำหนดการออกมาชัดเจน แต่มีรายงานว่าการพบกันของ 2 ผู้นำโลกอาจจะเกิดขึ้นในวันอังคารที่จะถึงนี้
ก่อนหน้านี้ จะเห็นถึงความเคลื่อนไหวของจีนต่อประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยนับตั้งแต่มีการประกาศจุดยืน 12 ข้อเพื่อยุติวิกฤตในยูเครน ผู้นำจีนได้เปิดบ้านรับการมาเยือนของประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของผู้นำรัสเซียในกรุงปักกิ่ง พร้อมหยิบยกเอาข้อเสนอสันติภาพ 12 ข้อ ขึ้นมาหารือกับผู้นำเบลารุส ถึงโอกาสและความเป็นไปได้หากนำข้อเสนอนี้ไปคุยกับผู้นำรัสเซียจริง
นับเป็นก้าวแรกของผู้นำจีนในฐานะ “ตัวกลางทางการทูต” หลังจากที่ก่อนหน้านี้เช่นกัน มีการต่อสายตรงถึงประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งดูเหมือนว่า ยูเครนจะมีท่าทีในเชิงบวกต่อจุดยืนของจีน โดยเฉพาะการออกมาให้ข้อมูลของหัวหน้าข่าวกรองยูเครน ที่ระบุว่าไม่พบสัญญาณว่าจีนมีแผนส่งอาวุธให้รัสเซีย ซึ่งจุดนี้สวนทางกับชาติตะวันตก ที่ออกมาประโคมข่าวใหญ่โตว่า จีนยังไม่ปัดโอกาสในการจัดส่งอาวุธไปช่วยรัสเซียทำสงคราม
จีนเหมาะเป็นกาวใจรัสเซีย-ยูเครน
บรรดาผู้สันทัดกรณีระบุว่า ความพยายามเพื่อเป็นคนกลางเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน เป็นการลงทุนต่ำแต่สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงสำหรับจีน แม้จะยังไม่เห็นผลได้เร็วมากนัก
หวัง เจียงหยู นักวิชาการ ด้านกฎหมาย ที่ ซิตี ยูนิเวอร์ซิตีแห่งฮ่องกง ระบุว่า ถ้าจีนสามารถทำสิ่งใดก็ได้ ทั้งการยุติสงคราม และอื่นๆ รวมทั้งการนำคู่กรณีหรือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมโต๊ะเจรจากันได้ จะถือว่าเป็นคุณค่าที่สำคัญยิ่งต่อชื่อเสียงและเกียรติประวัติของจีน อันเป็นการเริ่มต้นของการดำรงบทบาทผู้นำโลกซึ่งสหรัฐฯ เคยรับเล่นแต่ฝ่ายเดียว
เช่นเดียวกับ ซามูเอล รามานีผู้เชี่ยวชาญเรื่องรัสเซียแห่งออกซฟอร์ด ยูนิเวอร์ซิตี ระบุว่า พวกเราได้เห็นแผนสันติภาพที่มีการเรียกร้องให้หยุดยิงที่จะเป็นการรับประกันการเข้ายึดดินแดนส่วนหนึ่งของยูเครน จึงคิดว่าไม่ค่อยยุติธรรม แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจีนจะมีความจริงใจในการพยายามส่งเสริมบทบาทตัวเองในฐานะคนกลางไปทั่วโลก
อย่างไรก็ดี รามานีและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ยังมองว่า จีนอยู่ในสถานะที่ดีกว่าตุรกี ในการเป็นคนกลางแก้ปัญหาขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน เพราะจีนมีบทบาทและความร่วมมืออยู่กับทั้งสองประเทศมากกว่าตุรกี โดยจีนเป็นพันธมิตรสำคัญที่สุดของรัสเซีย เป็นผู้ซื้อน้ำมันและหาตลาดรองรับสินค้ารัสเซียที่ถูกกลุ่มประเทศตะวันตกคว่ำบาตร ขณะเดียวกัน จีนได้ขยายความร่วมมือด้านการค้ากับยูเครนหลังรัสเซียผนวกเอาแคว้นไครเมียเมื่อปี 2557 และไม่ยอมรับการผนวกเอาแคว้นไครเมียของยูเครนของรัสเซีย
ทั้งนี้ จากกรณีที่จีนรับบทเป็นคนกลางให้ซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน บรรลุข้อตกลงสันติภาพกันที่กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายของจีนเพื่อกำหนดสถานะของตัวเอง ให้เป็นประเทศมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่เพิ่งรั้งตำแหน่งผู้นำต่อเป็นสมัยที่ 3
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงว่า เจ้าหน้าที่ของจีนอยู่ระหว่างการติดต่อสื่อสารกับทั้งรัสเซียและยูเครน แต่ไม่ยืนยันแผนการหารือของผู้นำจีนกับผู้นำรัสเซียหรือผู้นำยูเครน พร้อมกันนี้มีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลจีนอาจพยายามดึงทั้งสองฝ่ายมาร่วมโต๊ะเจรจา โดยแผนสันติภาพ 12 ประการของจีน ค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีจากรัสเซียและยูเครน
แต่ถูกสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกตั้งคำถามพร้อมกล่าวหาจีนให้การสนับสนุนรัสเซีย ซึ่งจีนปฏิเสธแล้ว
มองในแง่หนึ่ง การก้าวเข้ามาในเกมสงครามของจีนในครั้งนี้นับว่ามาในเวลาที่ถูกจังหวะ เพราะนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่ง คาดการณ์ว่า การสนับสนุนยูเครนของสหรัฐฯ อาจจะเริ่มแผ่วลงหลังจากนี้ ในขณะที่หลายชาติในยุโรปอยากยุติสงครามเพื่อหันมาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนในประเทศ
จีนจึงอาจกลายมาเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับรัสเซียและยูเครน ในการยุติสงครามที่กำลังเป็นวิกฤตโลกอยู่ในขณะนี้
โดย ดาโน โทนาลี