ปัญหาฝุ่นที่ปกคลุมหลายพื้นที่ทางภาคเหนือของไทยดูท่าจะกลายเป็นวาระแห่งชาติไปเสียแล้ว เพราะลำพังการแก้ไขปัญหาจากภาครัฐยังไม่เพียงพอที่จะรับมือและแก้ไขปัญหาได้โดยง่ายๆ หลักๆ มาจากการเผาป่าที่เกิดขึ้นทั้งในบ้านเราเองที่ภาครัฐไม่ได้บังคับใช้กฎหมายเข้มแข็งพอ อีกส่วนคือการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ส่งกลุ่มควันพิษข้ามพรมแดนมาสร้างปัญหาจนลุกลามเท่าทวีคูณ
แอร์อินเด็กซ์ ควอลิตี้ รายงานคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ เวลา 14.00 น. ของเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(7 เม.ย.) ปรากฏว่า คุณภาพอากาศประเทศไทย เมียนมา และลาวเลวร้ายติดอันดับ 1-3 สะท้อนถึงความรุนแรงของปัญหาคุณภาพอากาศอันเนื่องมาจากไฟป่าที่รุนแรงใน 3 ประเทศขณะนี้
นั่นทำให้ไทยอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมสามฝ่ายระหว่างไทย กับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว และ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย นายกรัฐมนตรีเมียนมา เรื่องการจัดการปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน ผ่านระบบวีดีโอ นายกรัฐมนตรีของไทย เสนอให้ทั้ง 3 ประเทศ กระชับความร่วมมือระหว่างกัน รวมถึงร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน ในการแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดนให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ทั้งการลดจุดความร้อน การผลักดันเข้าสู่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 42 ให้สั่งการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางดำเนินการด้านกฎหมายเพื่อควบคุมต้นตอของปัญหา
ด้านนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ระบุว่า เห็นด้วยที่ต้องมีความร่วมมือหาทางออกร่วมกัน โดยที่ลาวเห็นด้วยกับความร่วมมือในระดับอาเซียน และการเพิ่มการตระหนักรู้เพิ่มความเข้าใจให้ประชาชนเข้าใจถึงสาเหตุ และปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีเมียนมา กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเพิ่มความร่วมมือเพื่อควบคุม บริหารจัดการร่วมกัน เมียนมาจะดำเนินการอย่างเข้มแข็งขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคและเชื่อว่าความมุ่งมั่นร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดจะเป็นประโยชน์กับทุกประเทศในภูมิภาค
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสคณะทำงานภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศ รายงานสถานการณ์ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดนว่า เป็นผลจากสภาวะอากาศที่แห้งแล้งในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.ปีนี้ ทำให้มีจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้นจากการเผาในที่โล่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565ร้อยละ 93 และเกิดปัญหาหมอกควันข้ามแดน ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการอาเซียน แจ้งเตือนต่อระดับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นระดับสูงสุดในระดับ 3
ก่อนหน้านั้น นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยถึงความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาหมอกควันทางภาคเหนือของไทย โดยในช่วงที่ผ่านมา นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ได้ประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาหมอกควัน พร้อมสั่งการให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง แจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา และหารือกับ รมต.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเมียนมา ถึงความกังวลของไทยในเรื่องการเผาป่า ซึ่งเมียนมาแสดงความพร้อมที่จะเร่งหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ไทยได้หยิบยกประเด็นปัญหาหมอกควันข้ามแดนระหว่างการพบหารือกับ เกา กิม ฮวนเลขาธิการอาเซียน โดยขอให้สนับสนุนการผลักดันความร่วมมือภายใต้ข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และให้จัดการประชุมประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ซึ่งเลขาธิการอาเซียนพร้อมสนับสนุน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวอีกว่า ทุกประเทศอาเซียนเป็นภาคีข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution: AATHP) ซึ่งเป็นกลไกป้องกัน ติดตามและตรวจสอบมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ตั้งแต่ปี 2003
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส สำหรับคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาได้หารือถึงความร่วมมือด้านการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ซึ่งอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ได้กำหนดเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน 2 ด้าน คือ การจัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านการควบคุมหมอกควันข้ามแดนของอาเซียนที่อินโดนีเซีย และการจัดทำแผนงานว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน เพื่อควบคุมมลพิษหมอกควันข้ามแดนด้วยวิธีปฏิบัติฉบับใหม่
จะว่าไป อินโดนีเซียเองก็เผชิญปัญหาหมอกควันพิษจากการเผาป่าแทบทุกปี ส่งกลุ่มควันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซียสิงคโปร์ รวมถึงภาคใต้ของไทยอยู่บ่อยครั้ง ที่รุนแรงสุดคงเป็นปี 2019 ที่ตรวจพบไฟป่าบนเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียวมากกว่า 3,600 จุด ส่งผลให้คุณภาพอากาศในหลายจังหวัดย่ำแย่ลง กระทบชีวิตผู้คนมากกว่า 23 ล้านคนสร้างปัญหาหมอกควันระดับภูมิภาค
นอกจากวิธีการเกิดไฟป่าตามธรรมชาติแล้ว การจุดไฟเผาเพื่อเตรียมที่ดินทำกิน เพื่อทำการเกษตรและปศุสัตว์ ซึ่งสามารถพบได้อย่างเเพร่หลายทั่วทั้งเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว เป็นสาเหตุนำมาซึ่งหมอกควันพิษ เป็นประจำแทบทุกปี กลายเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ที่ปัญหาไม่ได้หยุดอยู่แค่พรมแดนประเทศใดประเทศหนึ่ง
นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า หากยังไม่เร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันในย่านอาเซียนนี้โดยเร็วอาจส่งผลให้เด็กทารกกว่า 36,000 คนในอินโดนีเซีย มาเลเซียและสิงคโปร์เสียชีวิตภายในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี