ดร.นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็นวันสงกรานต์ และ “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ซึ่งเป็น
วันที่ลูกหลานกลับมาเยี่ยมบ้าน รวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ถือเป็นโอกาสดีในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ โดยเฉพาะด้านโภชนาการ ซึ่งจากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562-2563 พบว่า ผู้สูงอายุที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปกินผักและผลไม้ลดลง และกินผักผลไม้เพียงพอ (มากกว่าหรือเท่ากับ 5 ส่วนต่อวัน) เพียงร้อยละ 34.8 รวมทั้งกินเนื้อสัตว์และนมน้อยกว่าความต้องการของร่างกาย ทำให้ได้รับพลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุไม่เพียงพอ โดยเฉพาะแคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบีและวิตามินซี ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีภาวะผอม กล้ามเนื้อลีบ ความแข็งแรงของกระดูกลดลง เพิ่มความเสี่ยงการพลัดตกหกล้ม และหากมีความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วย จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
ดร.นายแพทย์สราวุฒิ กล่าวต่อว่า ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มวัยที่เปราะบาง มีความเสี่ยงเจ็บป่วยได้ง่าย ร่างกายเริ่มมีความเสื่อมถอยของระบบการ
ทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น การรับกลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไป มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน มีภาวะกลืนลำบาก เบื่ออาหาร ความสามารถในการดูดซึมสารอาหารและเคลื่อนไหวลำไส้ลดลง เกิดภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผู้สูงอายุบริโภคอาหารได้น้อยลง นำไปสู่การเกิดปัญหาภาวะทุพโภชนาการและเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมการกินอาหารที่เพียงพอและเหมาะสมตามวัย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การมีภาวะโภชนาการที่ดีขึ้น กรมอนามัยจึงแนะนำ “กินได้ ตาดี มีแรงเดิน” ดังนี้
1.กินดี โดยควรกินข้าว-แป้งวันละ 7-9 ทัพพี ผักวันละ 4 ทัพพี ผลไม้วันละ 1-3 ส่วน เนื้อสัตว์วันละ 6-8 ช้อน กินข้าว นมวันละ 1-2 แก้ว ลักษณะอาหารควรเป็นแบบอ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย รสไม่จัด และกินอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ได้แก่ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นม ตับ เลือด ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วเมล็ดแห้ง ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เป็นต้น 2.ตาดี กินอาหารที่ช่วยในการทำงานของจอประสาทตาและชะลอการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ได้แก่ ผักผลไม้สีเหลืองส้ม ผักใบเขียว ปลาที่มีกรดไขมันดี ถั่วเมล็ดแห้ง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เป็นต้น และ 3.มีแรงเดิน กินอาหารที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและชะลอการเสื่อมของกระดูก ได้แก่ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นม
ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้ ผักใบเขียวเข้ม ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น และควรรับประทานอาหารพร้อมกันทั้งครอบครัว เพื่อสร้างความอบอุ่นทางจิตใจให้ผู้สูงอายุ
“ทั้งนี้ ผู้สูงอายุควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมง มีการเคลื่อนไหวร่างกาย หมั่นฝึกสมอง เข้าสังคม พบปะพูดคุย และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ทั้งนี้ อย่าละเลยมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่อาจกลับมาระบาดเพิ่มขึ้นหลังวันหยุดยาว จึงขอให้ประชาชนสังเกตอาการตนเองหากอาการหากไอ เจ็บคอ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูกปวดศีรษะ หายใจลำบาก ควรงดเดินทางตรวจ ATK ทั้งก่อนและหลังเดินทางระหว่างเดินทางสวมหน้ากากตลอดเวลาล้างมือให้สะอาด และสวมหน้ากากอนามัยก่อนไปรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงวัยการกินข้าวสังสรรค์กันในหมู่สมาชิกในครอบครัวควรใช้ช้อนกลาง หรือนั่งกินอาหารในที่โล่ง ระบายอากาศดี อาจหลีกเลี่ยงการออกไปสังสรรค์นอกบ้านเพราะอาจนำเชื้อโรคกลับมาติดผู้สูงอายุในครอบครัว” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี