โรงเรียนในเขตทุรกันดาร ขาดแคลนไปเสียทุกอย่าง ทั้ง ครู อาคารเรียน อุปกรณ์การเรียนเครื่องกีฬา แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยอยู่ในเขตห่างไกล เราจึงต้องช่วยเหลือให้เขาสามารถเล่าเรียนให้ได้ดีที่สุด
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย พาคุณไปแบ่งปันน้ำใจให้นักเรียนในโรงเรียนห้วยฮ่อม โรงเรียนบนเขาสูง ในเขตอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โดยไปร่วมทำกิจกรรมแบ่งปันน้ำใจกับ คุณวรพจน์ สุภิมารส กรรมการผู้จัดการ บริษัท กัปตัน โค้ทติ้ง จำกัด
l เรียนถามว่า กิจกรรมทาสีโรงเรียน และมอบอุปกรณ์การเรียน และเครื่องกีฬาให้น้องๆ นักเรียนในครั้งนี้ เกิดมาจากมูลเหตุใดครับ
คุณวรพจน์ : เรียนว่า กิจกรรมที่เราทำนี้ ไม่ได้มาจากการกำหนดของเรา แต่มาจากเสียงเรียกร้องจากชุมชน และคนที่ร่วมทำกิจกรรมจากชุมชนครับ เราได้รับการร้องขอจากหลายๆ ที่ แล้วเราก็นำมาพิจารณาความเร่งด่วนที่ควรให้การช่วยเหลือจากนั้นเราจึงตัดสินใจว่าจะให้ความช่วยเหลือที่ไหนก่อน และช่วยเหลือในเรื่องใดบ้าง เราจึงขอบอกว่ากิจกรรมของเราเป็นกิจกรรมที่เป็นความร่วมมือระหว่างชุมชนกับเราครับ เราดีใจที่ชุมชนเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือกันเอง เราจึงเข้ามาร่วมสนับสนุนครับ
l สิ่งสำคัญในการช่วยเหลือครั้งนี้คือการทาสีอาคารเรียนและซ่อมแซมห้องน้ำห้องส้วม คาดว่าใช้เวลาทำงานนานกี่วันจึงจะสำเร็จครับ
คุณวรพจน์ : ถ้าใช้ช่างอาชีพ งานนี้เสร็จภายในเวลา 3-4 วันครับ แต่งานนี้เราใช้ความร่วมมือจากชาวบ้าน นักเรียน พนักงานบริษัท
ของเรา และคนในชุมชนที่ร่วมกิจกรรมกับเรา ดังนั้นการทำงานอาจจะไม่รวดเร็วเหมือนจ้างช่าง แต่ข้อดีของการทำเช่นนี้คือ เราได้รับความร่วมมือจากคนภาคส่วนต่างๆ ในชุมชน และทำให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญของการช่วยกันบำรุงรักษาโรงเรียนของตนเอง มันคือการสร้างจิตสำนึกรักษาสาธารณสมบัติ เรื่องนี้สำคัญที่สุดครับ ดังนั้นงานนี้อาจกินเวลา 10 กว่าวันครับ แต่รับรองว่าทำให้ทุกคนเกิดความสามัคคี และช่วยรักษาโรงเรียนแห่งนี้ครับ ที่น่ารักคือชาวบ้านมาร่วมด้วยช่วยกันมากมาย บางคนนำกล้วย นำผลไม้มาให้ช่างทาสี บางคนนำอาหารมาให้รับประทาน นี่คือความร่วมมือของชุมชนครับ และเมื่อทาสีเสร็จแล้ว ทุกคนจะภูมิใจในผลงานที่ร่วมกันทำ ผมมองว่าเมื่อโรงเรียนมีสีสันสวยงามขึ้น สะอาดตามากขึ้น ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นมีความสุข และภูมิใจที่ได้ช่วยกันทำให้โรงเรียนสวยงาม
l การมาครั้งนี้ ผมเห็นว่านำเครื่องกีฬามามอบให้ด้วย ช่วยเล่าเหตุผลที่มอบเครื่องกีฬาให้นักเรียนด้วยครับ
คุณวรพจน์ : ผมมองว่าการเล่นกีฬาคือการทำให้เด็กมีสุขภาพดี เรียนรู้กฎเกณฑ์การใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างดี เพราะกีฬามีกติกา และทำให้รู้แพ้รู้ชนะ มีน้ำใจนักกีฬา แข่งกีฬาเสร็จแล้วยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะ เราก็คือเพื่อนกัน เด็กที่มีน้ำใจนักกีฬา จะทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม มองว่าการแข่งขันเป็นเพียงเกมเท่านั้น แต่หลังจากนั้นแล้ว ชีวิตจริง เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน เป็นสมาชิกของสังคม ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้ดี เพราะผมมาจากเด็กวัด เรียนในโรงเรียนวัดจากต่างจังหวัด เรารู้ดีว่าเด็กในโรงเรียนห่างไกลขาดโอกาสดีๆ หลายอย่างเมื่อเทียบกับโรงเรียนดังๆ ในตัวเมือง แต่เราสามารถชดเชยเรื่องนี้ได้บ้างด้วยการกีฬา ผมจำได้ดีสมัยผมเด็กๆ นั้น เวลาเล่นฟุตบอล เราไม่มีฟุตบอลดีๆ สำหรับเตะ เราต้องเอาสิ่งอื่นๆ มาทำให้เสมือนเป็นฟุตบอล แล้วเล่นกัน จำได้ว่าเมื่อได้รับบริจาคลูกบอลมาหนึ่งลูก เราต้องแบ่งกันเล่นทั้งโรงเรียน มันคือภาพในอดีตของผม ผมจึงต้องการมอบสิ่งที่เด็กชนบทขาดแคลนให้กับเขา และสำหรับผมเองนั้น ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านวิชาการ เราจึงเข้าไปช่วยในสิ่งที่เราถนัด นั่นคือการนำสีไปให้ และนำเครื่องกีฬา และอุปกรณ์การเรียนไปมอบให้เด็กๆ ผมเชื่อว่า กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ เพราะฉะนั้น ผมจึงเน้นการให้เด็กๆ เล่นกีฬา เพื่อเรียนรู้กฎกติกาของเกมต่างๆ แล้วนำไปปรับใช้เมื่อเติบโตขึ้น
l กลับไปถามเรื่องการบริจาคสีสำหรับทาโรงเรียน และการส่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทไปร่วมกิจกรรมทาสีให้โรงเรียน หากมีผู้สนใจขอรับการช่วยเหลือจากกิจกรรมนี้ ต้องทำอย่างไรบ้างครับ
คุณวรพจน์ : บริษัทของเราวางเป้าหมายการทำกิจกรรมนี้ไว้เป็นกิจกรรมประจำปีครับ เราตั้งใจทำ และอยากทำให้ดีที่สุด เราทำกิจกรรมนี้
ควบคู่ไปกับกิจกรรมวิ่งเพื่อหารายได้ช่วยเหลือชุมชน ภายใต้ชื่อ กัปตันคัลเลอร์รัน เป็นกิจกรรมที่เชิญชวนให้ผู้คนจากที่ต่างๆ เข้ามาร่วมมือกัน ผมมองว่าการวิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายที่สุด สะดวกที่สุด ใช้เงินน้อยที่สุด แต่ให้ผลดีกับร่างกายค่อนข้างมาก คนทุกคนสามารถวิ่งได้ หากร่างกายสมบูรณ์ดี และเราวิ่งที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ เมื่อเราสะดวก ดังนั้นเราจึงใช้กิจกรรมการวิ่งเพื่อช่วยให้ผู้คนมาร่วมตัวช่วยกันทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยส่วนตัวอีกและเพราะเป็นคนที่วิ่งออกกำลังกาย แล้วผมว่าการวิ่งเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น แล้วการวิ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ทำที่ไหนก็ได้ ทำเมื่อไหร่ก็ได้ หลายคนก็ว่าถ้างั้นให้คนมาออกกำลังไหม โมติเวทให้คนมารวมกัน มาช่วยกัน มาสร้างทีมกัน แล้วก็แข่งขันกัน เพื่อจะได้มีส่วนในการที่จะเลือกที่จะให้กับโรงเรียนไหนในชุมชนของตัวเอง เพราะฉะนั้นเราก็เลยให้คนมาวิ่ง แล้วทุกๆ 1 กิโลเมตรก็คือเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ
โดยใช้หลักวิ่งระยะทางมากๆ ก็ช่วยเหลือสังคมได้มากขึ้น เช่น วิ่ง 500 กิโลเมตร หมายถึงวิ่งแบบสะสมระยะทาง บริษัทของเราก็ช่วยสมทบทุนให้กิโลเมตรละ 1 บาท หากมีผู้วิ่งจำนวน 2 พันคน เราก็เอาจำนวนคนวิ่งคูณกับระยะทางที่แต่ละคนวิ่ง แล้วบริจาคไปตามนั้น ที่ผ่านมาเราใช้กิจกรรมวิ่งทั้งแบบ virtual run และวิ่งแบบจริงๆ โดยพิจารณาตามสถานการณ์ เช่น ช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก ก็ใช้แบบ virtual run แต่เมื่อโควิด-19 คลี่คลาย ก็กลับมาวิ่งจริงๆ แต่การจัดวิ่งจริงๆ ต้องใช้งบประมาณสำหรับจัดกิจกรรมมากกว่าวิ่งแบบ virtual แต่ความสนุกสนานก็ต่างกันไป บริษัทเราจัดกิจกรรมวิ่งปีละหนึ่งครั้ง เพื่อระดมทุนช่วยเหลือสาธารณะครับ หากสนใจกิจกรรมวิ่งของบริษัท สามารถดูรายละเอียดได้ในเว็บไซต์กัปตันคัลเลอร์รันครับ หรือ www.captaincoting.com หรือสามารถติดต่อกับตัวแทนของบริษัทที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศได้ครับ แม้กระทั่งร้านค้าที่จำหน่ายสีของเรา ก็สามารถเข้าไปสอบถามรายละเอียดกิจกรรมได้เช่นกันครับ
l ย้อนกลับไปที่เรื่องทาสีโรงเรียน ผมสังเกตเห็นว่าพนักงานบริษัทสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้การทาสีด้วย เพราะอะไรครับ
คุณวรพจน์ : ข้อแรกคือ เพราะต้องการให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมโดยตรง เพราะเมื่อเขาร่วมทาสี เขาจะเกิดความภูมิใจที่เขามีส่วนช่วยรักษาโรงเรียน ทำให้โรงเรียนมีสีสันสวยงาม แต่ที่มากกว่านั้นคือ เขาจะได้เรียนรู้การทาสีแบบ learning by doing คือฝึกทำจริงๆ แม้อาจจะทาสีแล้วสีไม่เรียบ ไม่เสมอ แต่ก็จะมีพี่ๆ ค่อยแนะนำและแก้ไขให้ได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ เขาจะได้เกิดทักษะ และสามารถทำไปทาสีซ่อมแซมบ้านเรือนของตนเองได้ เมื่อวันที่เขาต้องช่วยพ่อแม่ทาสีบ้าน
l การออกทำกิจกรรมนอกสำนักงาน บริษัทใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกพนักงานไปร่วมกิจกรรมครับ
คุณวรพจน์ : เรามีทีมงานดูแลลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศครับ เราเลือกใช้พนักงานในพื้นที่เป็นหลักครับ เพราะพนักงานในพื้นที่จะมีความคุ้นเคยกับพื้นที่ และคุ้นเคยกับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ รวมถึงรู้จักคนในพื้นที่ ทำให้ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วครับ เวลาติดต่อประสานงานกันก็สะดวกรวดเร็ว เพราะรู้และเข้าใจปัญหาจริงๆ มาโดยตลอด พนักงานในพื้นที่คือตัวจักรกลสำคัญในการทำกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากหลายต่อหลายครั้ง พนักงานในพื้นที่คือคนจากพื้นที่นั้นๆ มันคือการเปิดโอกาสให้เขากลับไปตอบแทนบุญคุณของพื้นที่ที่เขามีถิ่นกำเนิดด้วยครับ เป็นการตอบแทนบุญคุณบ้านเกิดแบบหนึ่งครับ
l ผมชอบแนวคิดที่ให้น้องๆ นักเรียนได้ฝึกทาสีโดยตรง เพราะมันคือการสอนให้เขารู้หลักการทำงานจริงๆ แล้วชอบตรงที่ว่า หากน้องทาสีแล้วไม่สมบูรณ์ จะมีทีมพี่ๆ ช่างจากบริษัทช่วยแก้งานให้น้องๆ มันคือการสอนโดยตรงให้น้องๆ มีประสบการณ์จริง ถูกต้องไหมครับ
คุณวรพจน์ : จริงครับ ผมเชื่อว่าการมีประสบการณ์ตรงจะช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น เก่งขึ้นในอนาคต เพราะหากเราไม่ให้เด็กๆ เข้าไปมีส่วนร่วมเลย เขาก็จะไม่เห็นความสำคัญของการร่วมกันรักษาโรงเรียนของเขา เขาอาจจะคิดว่า โรงเรียนเป็นของคนอื่น เขาไม่จำเป็นต้องรักษา แต่เมื่อเขาลงแรงทำงานด้วยตัวเอง เขาจะรักษางานที่เขาทำ แต่ที่มากกว่านั้นคือ การสอนให้เขารู้ด้วยการทำงานจริงว่า การทาสีนั้น มันอาจจะดูง่ายแต่เมื่อทำจริงๆ มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่ยืนดูคนอื่นทำ การได้ลงมือทำด้วยตัวเองคือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด และยิ่งดีที่มีพี่ๆ ที่ชำนาญงานช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ มันคือการสอนประสบการณ์ตรงที่มีค่ามากครับ
l การทาสีใหม่ในแต่ละครั้ง ช่วยให้สีเกาะติดตัวอาคารได้นานกี่ปีครับ
คุณวรพจน์ ปกติหากทาสีโดยถูกวิธีโดยเคร่งครัด สีจะอยู่ได้นาน 10-15 ปี เป็นอย่างน้อยแต่ต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย เช่น บริเวณที่ทาสีได้รับการทำความสะอาดก่อนทาสีดีมากน้อยเพียงใด หากทำความสะอาดดีมากๆ สีจะเกาะติดได้ยาวนานมากขึ้น และต้องดูสภาวะแวดล้อมด้วยว่า เป็นเช่นไร เช่น ถูกแสงแดดส่งโดยตรงเป็นระยะเวลานานวันละกี่ชั่วโมง โดยฝนสาดโดยตรงยาวนานแค่ไหนในแต่ละปี และต้องดูคุณภาพสีที่ใช้ทาด้วย ว่าเป็นเกรดไหน เกรดดีพิเศษ หรือเกรดธรรมดาทั่วไป เพราะสีมีหลายชนิด หลายคุณภาพ บางชนิดต้องทาทุกปี บางชนิดทาครั้งเดียวอยู่ได้นาน 15 ปี เรื่องคุณภาพสีและการเตรียมพื้นผิวสำหรับทาสีมีความสำคัญมากพอๆ กับสภาพแวดล้อมของอาคารที่เราทาสีครับ
คุณจะได้ชมรายการไลฟ์ วาไรตี รายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 14.05-14.30 น. ทางโทรทัศน์ NBTกดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี