ทิวทัศน์เขาแดง
เขาหัวแดง เป็นชุมชนโบราณตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของสยาม เดิมเป็นเมืองเก่าที่ยังปรากฏโบราณสถานอยู่ จากบันทึกของพ่อค้าและนักเดินเรือชาวอาหรับ-เปอร์เซีย ระหว่างปี พ.ศ.๑๙๙๓-๒๐๙๒ นั้นปรากฏชื่อเมืองซิงกูร์ หรือซิงกอร่า และในหนังสือประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยามของ นายกิโลลาส แซร์แวส เรียกชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองสิงขร” “สิงหลา” (อ่าน สิง-หะ-ลา)หรือสิงขร โดยมีเหตุผลชื่อว่า สิงหลา นั้นแปลว่าเมืองสิงห์ จึงได้ชื่อนี้มาจากพ่อค้าชาวเปอร์เซีย อินเดีย ที่แล่นเรือมาค้าขาย และเห็นเกาะหนูเกาะแมว ในภาพไกลเป็นรูป สิงห์สองตัวหมอบเฝ้าปากทางเข้าเมืองสงขลา ทำให้ชาวอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า สิงหลา ส่วนที่เรียกกันว่า เมืองสทิง ก็อ้างว่าชาวมลายูที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับเมืองสทิงนั้นก็เรียก เมืองสิงหลา เป็นสำเนียงเพี้ยนข้างฝรั่งเป็น ซิงกอร่า (Singora) ที่เป็นเหตุให้เพี้ยนเป็นสงขลา นัยว่าเพี้ยนมา จาก “สิงขร” แปลว่า ภูเขาโดยอ้างว่าเมืองสงขลาตั้งอยู่เชิงเขาแดงหรือเขาหัวแดง ภายหลังได้มีการพระราชทานนามเจ้าเมืองสงขลาว่า “วิเชียรคีรี” ซึ่งมีความหมายสอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศดังกล่าว
เรื่องนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชวินิจฉัยไว้ว่า “สงขลา” เดิมชื่อ สิงหนคร (อ่านว่า สิง-หะ-นะ-คะ-ระ) เสียงสระอะอยู่ท้าย มลายูไม่ชอบ จึงเปลี่ยนเป็นอา และชาวมลายูพูดลิ้นรัวเร็ว ตัดหะ และ นะ ออก คงเหลือสิง-คะ-รา แต่ออกเสียงเป็น ซิงคะรา หรือ สิงโคราจนมีการเรียกเป็น ซิงกอรา ร่องรอยทางโบราณคดีนั้นมีการค้นพบหลักฐาน ขวานหิน เครื่องมือสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่อำเภอสทิงพระที่เชื่อว่า สทิงพระ เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรเซี้ยะโท้หรือเซ็กโท ที่ได้รับวัฒนธรรมอินเดียโดยตรงในอาณาจักรศรีวิชัย เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๗ ศตวรรษถือว่าเป็นศูนย์กลางการปกครองดินแดนที่อยู่รอบทะเลสาบสงขลาในสมัยนั้น
การขุดค้นทางโบราณคดี พ.ศ.๒๕๒๙
เมืองสงขลาเก่าปัจจุบันยังมีคูเมือง กำแพงเมืองและป้อมปราการ เป็นอาณาเขตและเป็นปราการของเมือง แผนผังเมืองที่เขียนขึ้นในปีพ.ศ.๒๒๓๐ แสดงแผนผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีคูเมืองและกำแพงเมืองเป็นปราการด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก มีเขาแดง เขาน้อยและเขาค่ายม่วงเป็นปราการด้านทิศใต้ ภายหลังผู้คนได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งที่อยู่แห่งใหม่ ณ บริเวณปลายสุดของคาบสมุทรสทิงพระ หรือบ้านแหลมสน และเรียกกันต่อมาว่า “เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน” ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ โดยอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าเมืองเชื้อสายจีน
บริเวณดังกล่าวนี้ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๑๙ หน้า ๑๐๑๙๐ วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๓๕ พื้นที่โบราณสถานประมาณ ๒,๔๖๐ ไร่ นับตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ.๒๕๖๐ เป็นต้นมา โบราณสถานเมืองสงขลาเก่า(บริเวณเขาหัวแดง) ได้รับผลกระทบกรณีการบุกรุก ทุบทำลายโบราณสถานหลายครั้งอย่างต่อเนื่องโดยไม่พบผู้กระทำผิด ซึ่งทำให้โบราณสถาน เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง และเสื่อมคุณค่าดังนั้นกรมศิลปากรโดย สำนักศิลปากรที่ ๑๑สงขลา จึงมีแผนฟื้นฟู บูรณะและพัฒนาโบราณสถานเมืองสงขลาเก่าให้กลับสู่สภาพสมบูรณ์ มีความมั่นคงแข็งแรง และรักษาคุณค่าความเป็น ของแท้ดั้งเดิม ตลอดจนการปกป้องคุ้มครองมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติยั่งยืนสืบไป นางนิภาสังคนาคินทร์ ผอ.สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลาได้ให้ความสำคัญกับแผนงานเฝ้าระวังโบราณสถานเมืองสงขลาเก่า (เขาหัวแดง) จากกรณีการทุบทำลายโบราณสถานคืนกลับสภาพเดิม เป็นการลดผลกระทบต่อโบราณสถานอันเป็นมรดกของชาติ พร้อมกับจัด การอนุรักษ์ และพัฒนาโบราณสถานเมืองสงขลาเก่า (เขาหัวแดง) และโบราณสถานในจังหวัดสงขลา ให้ได้รับการฟื้นฟู บูรณะ อนุรักษ์ และพัฒนาตามหลักวิชาการและเพิ่มศักยภาพคุณค่า ความโดดเด่นของเมืองเก่าสงขลา เพื่อก้าวเข้าสู่เมืองมรดกโลกในอนาคต ซึ่งมีการจัดภูมิทัศน์วัฒนธรรมให้สมบูรณ์เพื่อรักษาคุณค่าและความโดดเด่นตามมาตรฐานสากล ที่ต้องพัฒนาต่อยอด ทุนทางวัฒนธรรม และประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความร่วมมืออนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ พัฒนาต่อยอดส่งเสริมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี