วราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีประธานพิธี
อาทิตย์นี้ได้ตามรอยสยามไปกับนางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ซึ่ง นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีฯได้มอบหมายให้เป็นประธานเปิดงานมหกรรมวัฒนธรรมจังหวัดยโสธร ปี ๒๕๖๖ โดยมี นายไกร เอี่ยมจุฬา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ดร.ประยงค์ แก่นลาประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดยโสธรและภาคีเครือข่ายวัฒนธรรมร่วมงานกันที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ซึ่งการจัดงานมหกรรมครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ของคนในชุมชน เพื่อยกระดับและพัฒนาความรู้ความสามารถให้เกิดการสร้างมูลค่าและสร้างรายได้จากต้นทุนทางวัฒนธรรม รวมทั้งอนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริม และพัฒนางานด้านศิลปะ วัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อนำมาต่อยอดในการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจตามนโยบายของ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมและกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีการจัดงานขึ้นในวันที่ ๒-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ โดยเฉพาะต้นทุนวัฒนธรรมของจังหวัดยโสธรนั้นเป็นเมืองโบราณที่มีการพัฒนาการต่อเนื่องมาหลายยุคสมัย เป็นเมืองที่มีความสำคัญในเรื่องวิถีการทำนาปลูกข้าว ดังปรากฏนิทาน ตำนานพื้นบ้าน ที่เล่าขานสืบกันคือเรื่อง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ จากหลักฐานการสำรวจทางโบราณคดีพบจารึกบ้านตาดทอง และโบราณสถานที่บ้านตาดทองคือ พระธาตุตาดทอง ซึ่งปัจจุบันมีความพยายามเรียกให้เป็นธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ตามตำนาน ทั้งๆ ที่ใกล้กันนั้นมีธาตุลูกฆ่าแม่ อยู่ที่วัดทุ่งสะเดาอีกแห่งหนึ่งจนเป็นเรื่องสับสนของนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ทุกวันนี้ ก่อนนั้นเคยมีการเรียกร้องให้มีการใช้ชื่อธาตุทั้งสองแห่งให้ถูกต้องมาแล้ว ระหว่างความเชื่อตามตำนานตามคนเล่ากับหลักฐานทางโบราณคดีน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในข้อสรุปดังกล่าว
จารึกบ้านตาดทอง
สำหรับทางด้านโบราณคดีนั้นได้มีการสำรวจค้นพบจารึก ๔ หลัก ได้แก่ จารึกดงเมือง ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ กล่าวถึงชื่อเมืองศังขปุระ และราชสกุล จารึกบ้านตาดทอง ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ กล่าวถึง ศรีอีสานวรมัน กษัตริย์แห่งอาณาจักรเจนละพ.ศ.๑๑๕๙-๑๑๗๘ ได้พระราชทานบุตรีชื่อนางสุรัสวดี พร้อมด้วยหมู่บุตรหลาน ข้าทาส เงินทองให้แก่ชายหนุ่มผู้เป็นเชื้อพระวงศ์เพื่อมงคลสมรส แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนใหญ่ ชื่อว่าเมืองศังขปุระนคร และมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรขอมในฐานะเครือญาติ จารึกการสร้างพระธาตุอานนท์ วัดมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ.๑๒๑๘ โดย เจตตานุวิน และจินดาชานุ สองพี่น้องชาวนครเวียงจันทน์ กับเอียงเวธา ผู้ปกครองชุมชนชาวขอม ในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๑ กษัตริย์แห่งอาณาจักรเจนละพ.ศ.๑๒๐๐-๑๒๓๓ จารึกโนนสัง ประมาณ พ.ศ.๑๔๓๒กล่าวสรรเสริญเทพเจ้าพระนามว่า โสมาทิตย์ซึ่งไม่ปรากฏพระนามว่าเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรขอมสมัยใด ดังนั้น พื้นที่เมืองยโสธรเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของไทยและการเขียนสียุคเดียวกับโบราณสถานบ้านเชียง และร่องรอยการสร้างชุมชนด้วยการขุดคูน้ำล้อมรอบ แล้วนำดินที่ขุดมาเป็นคันดินล้อมบริเวณคู่ไปกับคูน้ำ เป็นถิ่นฐานที่เกิดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่๑๑-๑๒ ในพื้นที่บ้านตาดทอง บ้านขุมเงิน อำเภอเมืองยโสธร บ้านโนนเมืองน้อย ดงเมืองเตย อำเภอคำเขื่อนแก้ว บ้านบึงแก บ้านคูสองชั้น บ้านหัวเมืองบ้านบากเรือ อำเภอมหาชนะชัย บ้านโพนแพงบ้านน้ำอ้อม บ้านหมากมาย บ้านแข้ และบ้านโพนเมืองอำเภอค้อวัง ตามชุมชนดังกล่าวนี้พบศิลปวัตถุร่วมสมัยกับศิลปกรรมแบบอมราวดี, ทวารวดี และลพบุรีปะปนอยู่ด้วย ตามตำนานอุรังคนิทาน(พระธาตุพนม) นั้นได้มีข้อความว่า ชาวสะเดาตาดทองได้นำสิ่งของมาช่วย คือชาวบ้านตาดทอง ชาวบ้านสะเดา สำหรับความเป็นเมืองยศสุนทรหรือยโสธรนั้นเพิ่งมาตั้งกันภายหลังจาก บ้านสิงห์ท่า เมืองยศสุนทร เป็นเมืองเก่าแก่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี อยู่ยาวนานมากว่า ๒๕๐ ปี ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๔๓ ได้ถูกรวมเข้าอยู่ในสังกัดมณฑลลาวฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือ(มณฑลลาวกาว) และกลายเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี และถูกจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดโดยคณะปฏิวัติสมัย จอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งมีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๗๐ ลงวันที่ ๖ กุมภาพันธ์๒๕๑๕ โดยให้แยกอำเภอยโสธร อำเภอกุดชุม อำเภอเลิงนกทา อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัยและอำเภอป่าติ้ว ออกจากจังหวัดอุบลราชธานี แล้วรวมกันตั้งเป็นจังหวัดยโสธร ภูมิสถานการทำนาข้าวในอดีต และแหล่งธาตุก่องข้าวน้อย หากไม่ฟื้นคืนกลับให้ถูกความตามหลักฐานก็เป็น แหยม ยโสธร ให้ได้พูดติดปากติดคำกันต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี