ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ FIDIC Asia Pacific Conference 2023 หัวข้อ “Engineering towards Net Zero” จัดโดย สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย (วปท.) งานนี้ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ตัวแทนภาครัฐ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อม และสมาชิกของ FIDIC ASIA PACIFIC หรือสหพันธ์วิศวกรที่ปรึกษานานาชาติภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กว่า 20 ประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน ฯลฯ โดยมีภาครัฐของไทยร่วมเปิดงานดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2566
ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “Engineering towards Net Zero กำลังจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของทั่วโลก ให้เป็นเศรษฐกิจที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือปล่อยก๊าซคาร์บอนฯต่ำ ไทยตั้งเป้าระยะสั้นในปี 2030 จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30-40% รัฐจะส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ขนส่งสาธารณะระบบรางภาคเกษตรแบบใช้น้ำน้อย สนับสนุน ClimateTechnology หรือเทคโนโลยีที่ควบคุมหรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การได้รับสิทธิพิเศษเรื่อง B.O.I และภาษีต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น”
ด้าน ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า “สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรที่ไม่ให้คำว่า Net Zero เป็นแค่สโลแกนกทม. มีนโยบายการลดปริมาณการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รณรงค์ใช้หลอดไฟLED ที่คุณภาพดีและประหยัดไฟ ลดการใช้พลังงานในอาคาร ลดการใช้รถยนต์ ลดการสร้างขยะ รู้จักแยกขยะ กทม.จึงตั้งเป้าระยะสั้นว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ต่ำกว่า 3% ต่อปี”
ชวลิต จันทรรัตน์ นายกสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ความท้าทายของการเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็น Net Zero คือการเปลี่ยนแนวความคิดของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแวดวงธุรกิจก่อสร้าง ตั้งแต่ดีไซเนอร์ วิศวกร สถาปนิก ผู้ประกอบการนักลงทุน ผู้บริโภค ให้ตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง แม้ต้นทุนการผลิตอาจสูงขึ้น 10% แต่เป็นต้นทุนที่ช่วยลดการใช้พลังงานยาวไปถึง 30 ปีข้างหน้า”
ขณะที่ นิวัฒน์ ธัญปิตินันทน์ ประธานการจัดงาน FIDIC Asia Pacific Conference 2023 กล่าวว่า “สมาชิกของ FIDIC ASIA PACIFIC หรือสหพันธ์วิศวกรที่ปรึกษานานาชาติ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กว่า 20 ประเทศ มอบหมายให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ขึ้น เราเลือกหัวข้อ Net Zero เพราะอยากให้เห็นว่าไทยตื่นตัวเรื่องนี้หน้าที่หลักของทางสมาคมฯ คือสร้างการรับรู้ให้เจ้าของโครงการต่างๆ รับรู้ว่า การสร้างอาคารเขียวหรืออาคารรักษ์โลกเป็นสิ่งที่ควรทำ ดีต่อโครงการ และดีต่อโลกโดยรวม”
หัวข้อการสัมมนา เช่น นวัตกรรมเพื่ออาคารสีเขียวสู่ Net Zero โดย บริษัท SCG ประเทศไทย, การบำบัดน้ำเสียหนทางสู่ Net Zero โดย บริษัท ธรรมสรณ์ จัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม จำกัด ประเทศไทย, EV คือตัวช่วยให้ไทยสู่ Net Zero จริงหรือไม่ โดย บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ประเทศไทย ส่วนหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจจากประเทศอื่นๆ เช่น การถอดบทเรียนของเมืองซูวอน เกาหลีใต้ ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นกลางได้สำเร็จจากความร่วมมือของชุมชน อาคาร Net Zero ในมาเลเซีย เวียดนามกับแนวทางลดคาร์บอนในอาคาร อินโดนีเซียกับการสร้างอาคารที่ไม่ก่อให้เกิดขยะ อินเดียกับพลังงานน้ำ ฟิลิปปินส์กับเรื่องพลังงานทดแทน เทคโนโลยีในแบบของชนพื้นเมืองศรีลังกา เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรม Business Matching แลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านธุรกิจ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ Soft Power ของประเทศไทย กับเทศกาลลอยกระทงแบบ Low Carbon ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย รวมไปถึงพูดคุยถึงอนาคตและความท้าทายในการทำงานของ FIDIC หรือสหพันธ์วิศวกรที่ปรึกษานานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนระดับโลกสำหรับสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาระดับชาติและเป็นตัวแทนของผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมมากกว่าหนึ่งล้านคนและบริษัท 40,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ที่จะต้องพาสมาชิกไปสู่เป้าหมาย Net Zero ให้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี