“ช่วงนั้นผมต้องการที่อยากจะวาดรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 มากๆ เพราะหลังจากที่ท่านสวรรคตไป ผมมีความรู้สึกภายในที่แบบเยอะมากๆ แล้วอยากที่จะระบายออกมา ทีนี้ตอนแรกระบายออกมาในไซส์ 2x2 เมตร ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ตรงหน้าพระบรมมหาราชวัง ก็มีคนมาดูกันเต็มเลย อันนั้นก็เป็นกลุ่มศิษย์เก่าที่เริ่มทำ แต่หลังจากนั้นผมกลับรู้สึกว่า 2x2 เมตรไม่พอ”
ชวัส จำปาแสน ประธานโครงการ “สตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล” กล่าวในรายการ “แนวหน้า Talk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในตอนที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2567 ถึงจุดเริ่มต้นของความต้องการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเพื่อรำลึกถึง “ในหลวงรัชกาลที่ 9”พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย รวมถึงประชาคมโลกก็ยังยกย่องพระองค์ท่าน จากโครงการในพระราชดำริจำนวนมากที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกล
ชวัส หรือ “ครูอะไหล่” เล่าว่า หลังตนมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะสร้างผลงานศิลปะเพื่อรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ได้รับการประสานจาก “โกเอ็ก” ผู้จัดหาศิลปินไปทำผลงานแนวสตรีทอาร์ต ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเวลานั้นตนก็กำลังทำงานศิลปะอยู่ที่นั่น เมื่อได้พูดคุยกันจึงได้รับมอบหมายให้วาดภาพบนผนังของตึก 3 ชั้นขนาด 6x10 เมตร เป็นอาคารของโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยเวลานั้นตนยังเป็นผู้ลงมือวาดเองเพียงคนเดียว
“ใช้รถกระเช้าของเทศบาล เป็นแบบรถกระเช้าน้ำมัน แล้วก็เสียงดังมาก เราก็จะต้องใช้รหัสมือบอกให้เขาขยับ มีเวลาเพียง 4 วัน ทำเสร็จแต่ก็ยกแขนไม่ขึ้นเลย ผลออกมาดี เพราะผมไม่ใช่จะแค่วาดรูปภาพอย่างเดียว บันทึกวีดีโอด้วย ก็คือเราอยู่ในยุคที่มันเป็นโซเชียลเนตเวิร์กแล้ว เราต้องใช้ให้เป็นก็จะมีผู้ช่วยมาตั้งกล้องถ่ายรูปให้ แล้วผมก็เอาวีดีโอเหล่านั้นมาตัดต่อเอง ใส่เพลง แล้วก็เขียนบทความว่าเรามีความรู้สึกอย่างไรที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 คลิปวีดีโอนั้นยอดคนดูไป 1.3 ล้านวิว” ชวัส กล่าว
เมื่อคลิปวีดีโอผลงานสตรีทอาร์ต รำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ถูกเผยแพร่ก็มีความคิดเห็นจำนวนมากเข้ามาบอกว่าอยากให้ไปวาดที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง และมีความเห็นหนึ่งบอกว่าอยากให้ไปทุกจังหวัด ตนก็ตั้งมั่นว่าจะลองดู หากมีปัจจัยที่ทำให้ตนสามารถเดินทางไปทำผลงานศิลปะแบบนี้ได้อีกตนก็ยินดีที่จะไป แล้วค่อยมาดูกันว่าท้ายที่สุดแล้วจะไปได้ครบ77 จังหวัดหรือไม่ โดยล่าสุดจนถึงปัจจุบัน วาดภาพบนผนังไปแล้ว 22 ภาพ ใน 22 จังหวัด
ทั้งนี้ ในปี 2565-2566 เป็นช่วงที่ทำผลงานได้มาก เพราะทางกลุ่มได้ไปเป็นพาร์ทเนอร์กับสำนักข่าวท็อปนิวส์ โดยทางท็อปนิวส์จะช่วยประชาสัมพันธ์และระดมทุนให้ ทำให้สามารถทำงานสตรีทอาร์ตได้อย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ตนต้องระดมทุนเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขายเสื้อบ้างวาดรูปขายบ้าง กระทั่งในปี 2567 ทราบว่าทางท็อปนิวส์จะหันไปทำโครงการสนับสนุนเกี่ยวกับโรงพยาบาล ซึ่งพวกตนก็จะยืนต่อด้วยมูลนิธิสานต่อที่พ่อทำ
อนึ่ง โครงการนี้ตนต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมโดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักวาดภาพที่เชี่ยวชาญ เช่น ในการบูรณาภาพที่ 3 ที่ปิ่นเกล้าซึ่งตนได้ออกแบบให้ทุกคนสามารถวาดภาพของตนเองได้ โดยมีลักษณะล้อมรอบรูปของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อให้เป็นเหมือนว่าเราเป็นพสกนิกรตัวเล็กๆ ที่มาช่วยกันเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์แม้ไม่ใช่ทุกคนที่วาดภาพเก่ง แต่เมื่อผลงานออกมาแล้วก็ดูสวย ซึ่งหากนับจำนวนคนที่มาร่วมกิจกรรมแล้วก็น่าจะแตะ 100 คนได้ ที่แวะเวียนกันมา แต่อาจจะไม่ได้มากันทีเดียวทั้ง 100 คน
“จริงๆ ก็ตั้งแต่รูปแรกๆ ผมก็ประทับใจรูปแรก มาทำรูปที่ 2 ผมก็ประทับใจรูปที่ 2 ก็คือประทับใจรูปใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในแต่ละรูปเราเหมือนมีพัฒนาการของทีมงานแล้วก็แนวคิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้หยุดแค่การวาดภาพในหลวงเพียงอย่างเดียว ยังมีการให้ครูโป๊ป (สรรเพชญ ศรีทอง) ไปเป็นวิทยากรสอนเด็กตามโรงเรียนต่างๆ ด้วยที่เราไป มีเรื่องมูลนิธิเกิดขึ้น มีทีมงานที่เหนียวแน่นกันมากขึ้น แต่ถ้าจะว่ากันที่ตัวกำแพงจริงๆ ผมประทับใจกำแพงที่โรงพยาบาลหัวหิน เพราะว่าเป็นรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
เป็นรูปที่พระองค์ทรงชุดเรือใบ ไซส์ประมาณตึก 13-14 ชั้น ตอนแรกเราว่าจะวาดตรงแท่นที่เป็นลิฟต์ ก็จะเหลี่ยมๆ ยาวๆ ตั้งๆ แต่ไปๆ มาๆ เราไประดมขอทีมหน่วยกู้ภัยมาโรยตัวด้านข้าง ก็ไปโรยตัววาดกันด้านข้างเพื่อต่อเติมก้อนเมฆให้เต็มผนังตึกทั้งหมดเลย ผมก็ขึ้นไปห้อยตัว พี่กู้ภัยเขาก็สอนกันตรงนั้นเลย เคยฝึกไปครั้งหนึ่งแล้วก็ลองจริงเลยครั้งนั้น แล้วก็มีเวลาครึ่งชั่วโมง เพราะถ้านานกว่านั้น สายที่รัดขามันจะไปรัดเส้นเลือดใหญ่ มันก็จะหน้ามืด มันก็ต้องทำให้ไว ทีมงานก็อยู่ประมาณ 6-8 คน ที่ต้องวาดรูป รอบนั้นใช้เวลา 7 วัน” ครูอะไหล่-ชวัสระบุ
ครูอะไหล่-ชวัส เล่าต่ออีกว่า หลังสร้างผลงานแล้วเสร็จ ในวันที่ส่งมอบงาน มีประชาชนในพื้นที่มาดู ตนก็อธิบายความรู้สึกที่มีต่อการสร้างผลงานศิลปะชิ้นนี้ ซึ่งก็เห็นหลายคนที่ฟังมีน้ำตา และนั่นทำให้ตนไม่อาจหยุดทำโครงการนี้ได้ และไม่เฉพาะในหลวงรัชกาลที่ 9เท่านั้น แต่ทีมงานจะช่วยเผยแพร่พระราชกรณียกิจของ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผ่านผลงานสตรีทอาร์ตด้วย ซึ่งเป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางสร้างสรรค์ด้วยวิธีการที่พวกตนถนัด
สำหรับเป้าหมายต่อไปที่ตั้งไว้ ครูอะไหล่-ชวัส เปิดเผยว่า “อยากสร้างผลงานสตรีทอาร์ตที่เขื่อนภูมิพล” เพราะหากทำได้จะกลายเป็น “สถิติโลก” ในตอนแรกต้องการวาดที่บริเวณสันเขื่อน ต้องใช้ทีมงานประมาณ 300 คน แต่เมื่อไปดูสถานที่จริงพบว่าทำแล้วไม่มีมุมให้ไปยืนชมผลงาน ต้องใช้โดรนบินถ่ายภาพเท่านั้น จึงขอย้ายไปทำที่ไซโลปูน หรือถังเก็บปูนซึ่งตั้งอยู่มาก่อนเขื่อน จุดนี้ก็ถือว่าสูงมาก ประมาณตึก 8 ชั้น ส่วนความกว้างประมาณ 8 เมตร มีทั้งหมด 4 ไซโล รวมความกว้าง 32 เมตร เพราะเป็นไซโลปูนสำหรับก่อสร้างเขื่อนภูมิพลซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่
โดยงานนี้ตนต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม โดยเฉพาะศิลปิน เพราะคงไม่ได้มีตนเพียงคนเดียวที่จะออกแบบผลงานชิ้นนี้ แต่จะต้องเชิญศิลปินระดับประเทศมาช่วย เพื่อออกแบบทั้ง 4 ไซโล โดย 4 ศิลปิน รวมถึงต้องระดมจิตอาสากันอีกจำนวนมาก ปัจจุบันก็เริ่มเชิญชวนกันแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือพวกตนต้องทำเรื่องขออนุญาตใช้สถานที่ เพื่อทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้ หากขั้นตอนต่างๆ ผ่านไปอย่างเรียบร้อยดี ตนตั้งใจจะเริ่มทำงานศิลปะในวันที่ 13 ต.ค. และให้แล้วเสร็จในวันที่ 5 ธ.ค. 2567 ซึ่งวันที่ 13 ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคต และวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9
ทีมงาน “สตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล” ที่มาเยือนรายการ “แนวหน้า Talk” ครั้งนี้ นอกจาก ครูอะไหล่-ชวัส แล้วยังมี “แม่นุ่น” ภัทราวิทยวีระชัย เลขานุการโครงการ และ “ครูโป๊ป” สรรเพชญ ศรีทอง โฆษกโครงการ มาร่วมพูดคุยด้วย โดย แม่นุ่น-ภัทรา เล่าว่า ตนเข้ามาร่วมโครงการ เพราะลูกสาวของตนเป็นลูกศิษย์ของครูอะไหล่ และครูอะไหล่ได้ให้โอกาสลูกสาวตนออกแบบผลงานของผนังที่ 11 ซึ่งตนก็ต้องไปดูแลลูกด้วยเพราะลูกเพิ่งอายุ 9 ขวบ
จากนั้นก็ได้มาอีกตอนผนังที่ 12 ซึ่งก็เห็นว่า ครูโป๊ป-สรรเพชญ เริ่มรับแขกไม่ไหว เนื่องจากมีคนเอาสิ่งของมาสนับสนุนการทำงานเป็นจำนวนมาก และหากถามว่าประทับใจผลงานชิ้นใด ก็ต้องเป็นผนังที่ 11 ที่ จ.นครพนม เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่ากลุ่มศิลปินทำงานกันอย่างไร แล้วพอเห็นพ่อแม่พี่น้องเข้ามาให้กำลังใจตนก็รู้สึกอิ่มใจไปด้วย ทั้งที่เวลานั้นตนเพียงติดตามไปดูแลลูกเท่านั้น
“ขนาดเราเพิ่งมาแค่ครั้งแรก แล้วทุกๆ ศิลปินที่เขาไปทุกๆ กำแพง เขาน่าจะมีกำลังใจแบบนี้มากๆ เขาถึงไปต่อได้โดยไม่เหนื่อย น้องลิตา (ลูกสาว) เขาดีใจ อย่างแรกเขาดีใจที่ครูอะไหล่ให้โอกาสเขา แล้วเขาก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้ทำอะไรบนกำแพงใหญ่ขนาดนี้ หลังทำเสร็จน้องก็เปลี่ยนไป เดิมที่เขาไม่ค่อยคุย พูดน้อย แต่พอมาทำงานกับพี่ๆ ที่กำแพง พูดเยอะมาก พูดเก่งมาก บางทีเขาเจอพ่อแม่พี่น้องที่เข้ามาทักทาย เขาบอกหนูไม่อยากคุยเลย ไม่รู้จะพูดอย่างไร ก็บอกว่าเขามาให้กำลังใจนะ ยิ้มแย้มนะ คุยกับคุณลุงคุณป้าดีๆ นะ เขาก็ปรับตัว ก็ทำได้ดี ตอนนี้อายุ 11 ขวบ อยู่ชั้น ป.5” ภัทรา กล่าว
แม่นุ่น-ภัทรา ยังกล่าวด้วยว่า ตั้งแต่พ่อแม่เลี้ยงตนมา ได้รับการอบรมสั่งสอนให้เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และปัจจุบันในวันที่ตนมีลูกจึงทำในสิ่งเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เด็กรุ่นใหม่เข้าใจและเข้าถึงได้มากที่สุดคือการทำให้ดู ซึ่งแม้ตนจะวาดภาพไม่ได้ แต่ตนก็จะช่วยทีมงานของครูอะไหล่ในส่วนที่ทำได้ นั่นก็คือการเป็นแบบอย่างส่งต่อไปถึงลูก
ด้าน ครูโป๊ป-สรรเพชญ กล่าวว่า ตนเริ่มช่วยงานครั้งแรกที่ผนังที่ 9 เมื่อปี 2565 ซึ่งหลายครั้งที่ทางกลุ่มเดินทางไปทำผลงานสตรีทอาร์ต ก็มีประชาชนที่ผ่านไป-มาหยุดดู บางคนมาดูตั้งแต่ช่วงสายๆ กว่าจะกลับบ้านก็เป็นเวลาดึกแล้ว ตนเริ่มทำงานนี้ที่ จ.หนองคาย แต่เริ่มเห็นคนให้ความสนใจมาดูการทำงานกันเยอะที่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผนังที่ 10โดยในกลุ่มจะมีทีมศิลปินที่ลงมือวาดภาพ คนบันทึกวีดีโอ ส่วนตนเป็นเบื้องหลังทำหน้าที่สนับสนุนจิปาถะ เช่น เสบียงอาหาร ช่วยพูดคุยต้อนรับคนที่มาดูการทำงาน
“ผมประทับใจตอนหลังจากที่ผนังสามชุก-สุพรรณบุรีจบ คือเป็นครั้งแรกที่ผมช่วยหาข้อมูลให้ครูอะไหล่แบบเต็มๆ แล้วก็เราก็มีส่วนร่วมมาก คือเหมือนกับว่าช่วงโควิดสตรีทอาร์ตขาดไปคนหนึ่ง เป็นเบื้องหลังไปเรามาเริ่มทำช่วยตรงนั้นเต็มๆ ทั้งๆ ที่ผมต้องกลับมากรุงเทพฯ ก่อนเพื่อมาสอน เป็นติวเตอร์แต่พอครูอะไหล่อัปรูปในกลุ่ม เริ่มอัปรูปในเฟซบุ๊ก พอเราเห็นว่าทุกอย่างมันสมบูรณ์เหมือนตอนนั้นเราอยู่ที่ทำงานแล้ว เหมือนน้ำตาเราจะไหล มันซึมๆ ออกมา” สรรเพชญ กล่าว
ครูโป๊ป-สรรเพชญ กล่าวต่อไปว่า แรงบันดาลใจของทีมงาน “สตรีทอาร์ตคิง ภูมิพล” คือความรักและความผูกพันต่อพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ที่สร้างประเทศแห่งนี้มา พวกตนก็คิดว่าเราเป็นคนตัวเล็กๆ จะทำอะไรได้บ้าง อย่างตนก็ไม่ได้มีทักษะในการวาดภาพอย่างจิตรกร แต่ก็มีส่วนสนับสนุนการทำงานนี้ได้ ด้วยทัศนคติ ความรู้และความตั้งใจ!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี