“หยก” เป็นอัญมณียอดนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณนับพันปี โดยชาวจีนเชื่อว่าหยกเป็นอัญมณีมงคลโดยเฉพาะจักรพรรดิและได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะหยกสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ที่นำมาซึ่งสิริมงคลความเจริญรุ่งเรืองความร่ำรวยความมีโชคแก่ผู้ครอบครองมีอายุยืนด้วย รวมทั้งการพกหยกติดตัวไว้เสมอ ทั้งนี้ ตลาดอัญมณีมีการชื้อขายกันอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ บางชิ้นน้ำงาม สีสวย ก็ส่งผลให้ราคาสูงตามไปด้วย แต่เราจึงยังเห็นมีหยกปลอมหรือคุณภาพต่ำมาขายกันทั่วไป ในการเลือกซื้อเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะได้หยกแท้คุณภาพดีสมตามราคาที่เราจ่ายไป วันนี้กูรูมาแนะนำทริคง่ายๆ ในการดูหยกและวิธีการตรวจสอบหยกง่ายๆ ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ เพียง 3 ขั้นตอน
ข้อมูลจาก ชเนนทร์กันต์ จักรวาลวิบูลย์ Head of gems laboratory บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด “NGG JEWELLERY” ได้ให้ความรู้เรื่องหยกว่าอย่างน่าสนใจ คือ หยก หรือภาษาจีนกลางเรียกว่า เฝ่ยฉุ้ย (Fei cui) 翡翠 ซึ่งเป็นอัญมณีอันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึงเมื่อต้องการความสวยงาม และการนำโชคลาภต่างๆ มาให้แก่ผู้สวมใส่หยก (เฝ่ยฉุ้ย) เป็นตัวแทนของความเมตตา กรุณา ความสงบสุข นอกจากนี้ยังมีความเชื่อมากมาย เช่น ช่วยส่งเสริมโชคลาภและความร่ำรวย ป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุต่างๆ ความสวยที่น่าหลงใหล กับโชคลาภต่างๆ จะนำมาให้แก่ผู้สวมใส่ จึงทำให้ความนิยมตลอด
ถ้าย้อนกลับไปถึงการนำหยกมาเป็นเครื่องประดับจากหลักฐานที่ค้นพบชาวจีนได้นำหยกมาใช้ตั้งแต่ช่วงยุคหิน แต่หยกตัวแรกที่คนจีนนำมาใช้ ยังไม่ใช่ เฝ่ยฉุ้ย คนจีนจะรู้จักหยก Nephrite (HeTian Yu) กับ Serpentine (LanTien Yu) กันก่อน เนื่องจากสามารถพบเจอได้ในประเทศ ส่วนเฝ่ยฉุ้ยนั้นพบว่ามีการใช้คำว่า เฝ่ยฉุ้ย ในช่วงราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ.25-220) ในหนังสือชื่อ Xijing Fu และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในราชวงศ์ซิง (ค.ศ. 1636-1912) โดยเฝ่ยฉุ้ยเป็นที่โปรดปรานของพระนางซูสีไทเฮา จนทำให้ชนชั้นสูงของจีนพยายามหา เฝ่ยฉุ้ยมาครอบครอง
มีหลายปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเพื่อให้ได้เฝ่ยฉุ้ยที่มีคุณภาพและคุ้มค่ากับการลงทุนค่ะ ต่อไปนี้คือปัจจัยหลักๆ ที่ควรพิจารณา :
1.สี (colour) เป็นปัจจัยหลักในการประเมินค่าของหยก สีของหยก ไม่ได้มีเพียงแค่สีเขียว หยกมีได้หลายสี เช่น สีม่วงหรือลาเวนเดอร์เจดสีน้ำตาลหรือหยกน้ำผึ้ง ใสไม่มีสีหรือไอซ์เจด และสีเขียวซึ่งเป็นสีที่นิยมมากที่สุด โดยเฉพาะอิมพีเรียลเจด จะเป็นหยกสีเขียวที่หายากและมีมูลค่าสูง โดยสีจะเป็นสีเขียวสด ไม่เหลือง ไม่ดำ เนื้อสะอาด แสงสามารถส่องผ่านได้
2.ความโปร่งแสง (Transparency) เป็นคุณภาพที่บ่งบอกถึงมลทินภายในของหยก โดยปกติหยกจะมีระดับความโปร่งแสงอยู่ระดับทึบแสงถึงกึ่งโปร่งแสง แต่จะมีหยกบางเม็ดที่เป็นระดับพิเศษที่สีต้องสวย และมีความโปร่งแสงในระดับโปร่งแสง เช่น ไอซ์เจด และอิมพีเรียลเจด
3.การเจียระไน (Cut) เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพการเจียระไน ที่ต้องมีการขัดเงาที่ดีไม่มีรอยขนแมว หยกที่แกะสลักจะต้องมีลายที่ชัดเจนรายละเอียดครบถ้วน
นอกจากนี้ ยังควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าหยกที่กำลังจะซื้อนั้นเป็นหยกแท้ ซื้อหยกจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
สำหรับการตรวจสอบภายในห้องปฏิบัติการอัญมณี (LAP) ของ NGG ได้ใช้การตรวจสอบที่เป็นมาตรฐานสากลโดยนำเครื่องมือมาใช้ในการช่วยวิเคราะห์เพื่อให้ได้ผลการตรวจสอบที่ถูกต้อง 100% ถึง 3 ขึ้นตอน คือ
1.กล้องไมโครสโคป นักอัญมณีศาสตร์ที่มีความชำนาญของ ห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีของ NGG ใช้กล้องไมโครสโคปตรวจสอบความเป็นธรรมชาติของสี
2.Laser Raman Spectroscope นำหยก (เฝ่ยฉุ้ย) มาตรวจสอบด้วยเครื่อง Laser Raman Spectroscope เพื่อดูว่ามีแร่ชนิดไหนเป็นแร่อะไรบ้าง เพราะแร่บางชนิดมีลักษณะทางกายภาพคล้ายหยกมาก เช่น Hydrogrossular Garnet
3.เครื่อง FTIR เป็นเครื่องมือที่ใช้แสงอินฟาเรดในตรวจวิเคราะห์โดยไม่ทำอันตรายใดๆกับหยก(เฝ่ยฉุ้ย) เพื่อจะตรวจสอบว่าหยกชิ้นนี้มีการใส่สารโพลิเมอร์หรือไม่
ทั้งนี้ NGG JEWELLERY จะคัดหยกที่เป็น A jade เท่านั้น การจะได้หยกธรรมชาติที่มีสีสวย เนื้อดีต้องอาศัย จังหวะและดวง ถึงจะได้พบกับหยกที่เรียกว่า สี Imperial ไม่ได้มีดีที่สีเขียวสวยงามคล้ายมรกต เนื้อต้องละเอียด แสงสามารถส่องผ่านได้ จึงจะเป็น Imperial jade หรือจักรพรรดิแห่งหยกเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์วางขายในร้าน NGG JEWELLERY เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้เมื่อซื้อหยก (เฝ่ยฉุ้ย)
การตรวจสอบหยกมีมากมายหลายวิธี เช่น
l การนำเส้นผมพันหยก (เฝ่ยฉุ้ย) แล้วลนไฟ ถ้าเป็นหยกแท้ผมจะไม่ขาด วิธีนี้เป็นความเชื่อแบบ ผิดๆ ความจริงนั้นไม่ว่าจะเป็นแร่ชนิดไหน ก็ทำให้ผมไม่ขาดเพราะการลนไฟ ไม่ได้จ่อไปที่ผมโดยตรง ส่วนมากจะแค่ลนๆ แกว่งไป-มา และไม่ว่าจะเป็นอัญมณีชนิดไหน ก็ทำให้ผมไม่ขาดเหมือนกัน
l หยกเย็น การตรวจสอบอัญมณี เรียกว่า “worm in touch, cold in touch” ช่วยแยกแยะได้ว่าอัญมณีชิ้นนี้เป็นแร่ แก้ว หรือพลาสติก ซึ่งวิธีนี้ไม่สามารถ ใช้ตรวจสอบหยกได้ เนื่องจากมีอัญมณีหลายชนิดที่นิยมนำมาหลอกขายว่าเป็นหยกแต่ราคาต่างกันมาก เช่น ควอทซ์ย้อมสี เป็นต้น
ปัจจุบันวงการหยก โดยเฉพาะในประเทศจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไทย เปลี่ยนการเรียกชื่อกันเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบอัญมณีที่มีเครื่องมือทันสมัยมากขึ้น เช่น เครื่อง Laser Raman Spectroscope เป็นเครื่องที่ใช้เลเซอร์ในการวิเคราะห์ว่าเป็นพลอย แร่ชนิดใดอย่างละเอียด ซึ่งเครื่องนี้ทางห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีของ NGG ก็ใช้เช่นกัน พบว่า หยก Jadeite ในอดีตที่ใช้กันมา ไม่ได้มีแร่ Jadeite อยู่เพียงชนิดเดียว พบว่ามีแร่ตัวอื่นอีกสองชนิดปนอยู่ด้วยกัน นั้นคือ Omphacite และ Kosmochlor โดยทั้งสามชนิดนี้เมื่อดูด้วยตาเปล่า หรือใช้กล้องไมโครสโคปที่มีกำลังขยาย 60 เท่า มาส่องก็ไม่พบความแตกต่าง มีเพียงเครื่องมือ Laser Raman Spectroscopeที่จะแยกแยะได้ จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนชื่อเรียกกันใหม่ จากหยกพม่า หยก Jadeite เป็น หยกเฝ่ยฉุ้ยเพื่อป้องกันการสับสนในการซื้อขาย
ทั้งนี้ หยก (เฝ่ยฉุ้ย) ที่มีคุณภาพดี สีสวย ไม่ได้เป็นที่พบได้ตามปกติ เพราะมีการนำเฝ่ยฉุ้ยที่เนื้อและสีที่ไม่สวยมาปรับปรุงคุณภาพ เช่น ย้อมสี ใส่โพลิเมอร์เข้าไปทำให้สีสวย เนื้อดีขึ้นมาได้ หรือที่เรียกกันว่า หยกอาบน้ำ หรือ B+ , C jade ซึ่ง B jade หมายถึง (หยก) เฝ่ยฉุ้ยที่ใส่โพลิเมอร์เข้าไปให้เนื้อใสขึ้น C jade หมายถึง เฝ่ยฉุ้ยที่ย้อมสีส่วนเฝ่ยฉุ้ยธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรับปรุงใดๆ จะเรียกว่า A jade
สำหรับการดูแลรักษาหยกเพื่อให้คงความสวยงามและคุณค่านั้นมีขั้นตอนดังนี้
1.ทำความสะอาด ใช้น้ำผสมน้ำยาล้างจาน ชโลมให้ทั่วหยก แล้วใช้แปรงสีฟันขนนุ่มๆ ขัดอย่างทะนุถนอม
2.ล้างน้ำ หลังจากทำความสะอาดแล้ว ให้ล้างหยกด้วยน้ำสะอาดที่มีอุณหภูมิห้อง แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าที่สะอาดและนุ่ม
3.เก็บรักษา เมื่อหยกแห้งสนิทแล้ว ควรเก็บไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีความชื้นสูง
ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ผ้าที่ไม่สะอาดหรือมีฝุ่นมาเช็ดหยก เพราะอาจทำให้หยกเกิดรอยขีดข่วนได้ การดูแลรักษาหยกอย่างถูกวิธีจะช่วยให้หยกของคุณคงความงามและคุณค่าไปได้อีกนาน
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี