วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ภาพเก่าวัดโพธิ์ชัย
วันอาทิตย์นี้มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาคือ วันวิสาขบูชา ด้วยเหตุที่ไม่ว่าไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา มาเลเซีย ต่างมีวัดพุทธศาสนาอยู่ทั่วไปและมีวัตรปฏิบัติในวันสำคัญทางพุทธศาสนาทั้งสิ้น จะแตกต่างก็ตรงมีพุทธบริษัทให้ความร่วมมือมากน้อยต่างกัน แต่ด้วยเหตุที่ วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคายเป็นพระอารามหลวงที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระใส”พระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุกมีพุทธลักษณะงดงาม เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวหนองคาย จึงเป็นวัดที่เชื่อมพุทธธรรมของผู้คนสองฝั่งโขงมาช้านาน
เดิมนั้นพื้นที่วัดโพธิ์ชัยเป็นวัดร้างตั้งอยู่บริเวณบ้านไผ่ จึงมีชื่อเรียกในอดีตว่า “วัดผีผิว(ปาก)” ด้วยเหตุไม้ไผ่ทำให้ปรากฏการณ์เหมือนผีผิวปาก และเป็นพื้นที่ที่เคยใช้เป็นสถานที่ฌาปนกิจ สำหรับประวัติตำนานวัดนั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างเมื่อไร จึงได้แต่สันนิษฐานกันว่าน่าจะเคยเป็นพระอารามสำคัญของอาณาจักรล้านช้าง มาแต่เดิม ด้วยในวัดนั้นมีพระธาตุเจดีย์ศิลปะล้านช้างเก่าแก่อยู่ ลักษณะงดงาม เดิมนั้นไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ต่อมาจึงมีการบูรณะวัดร้างวัดผีผิว(ปาก)ขึ้นใหม่ และเปลี่ยนนามใหม่เป็น วัดโพธิ์ชัย ซึ่งวัดนี้ได้พัฒนาและจัดภูมิสถานเป็นสัดส่วนและสง่างาม ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เสด็จฯทรงเป็นประธาน ยกช่อฟ้าพระอุโบสถ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๒ และต่อมาได้ยกฐานะวัดขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ถือเป็นวัดสำคัญแห่งเมืองหนองคาย ด้วยมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง
ซึ่งมีตำนานเล่าว่า พระธิดา ๓ องค์ ของกษัตริย์ล้านช้างได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ และถวายนามพระพุทธรูปตามพระนามของแต่ละพระองค์ คือ “พระเสริม” เป็นพระประจำพระธิดาองค์ใหญ่ “พระสุก” ประจำพระธิดาองค์กลาง และ “พระใส” ประจำพระธิดาองค์เล็ก แต่เดิมพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ได้ประดิษฐานอยู่ที่นครเวียงจันทน์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสามองค์ลงเรือข้ามฝั่งแม่น้ำโขงมายังเมืองหนองคาย แต่เกิดพายุพัดแรงจน “พระสุก” ตกน้ำจมหายไป ส่วน “พระเสริม” และ “พระใส” ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้ ขุนวรธานี และเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญ “พระเสริม” จากวัดโพธิ์ชัย หนองคาย ไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญ “พระใส” จากวัดหอก่อง ขึ้นประดิษฐานบนเกวียนซึ่งคิดว่าจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธิ์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ อัญเชิญได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนารามส่วนหลวงพ่อพระใส ได้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จนถึงปัจจุบัน

หลวงพ่อพระใสจากลาว
ในช่วงวันสงกรานต์ วันที่ ๑๓ เมษายน ของทุกปีชาวเมืองหนองคายจะมีงานประเพณีบุญสงกรานต์ และมีพิธีอัญเชิญ “หลวงพ่อพระใส” ลงจากพระอุโบสถ เพื่อมาแห่รอบพระอุโบสถแล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่ราชรถ ขบวนหลวงพ่อพระใส และพระบริวารทั้งหมดออกแห่รอบเมืองให้ประชาชนได้สรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานั้น วัดนี้ได้จัดพิธีและบำเพ็ญกุศลเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างไทยเมืองหนองคายกับลาวจากนครเวียงจันทน์ ได้มีโอกาสในงานบุญดังกล่าวซึ่งวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น นายชัยพล สุขเอี่ยมอธิบดีกรมการศาสนา ได้ร่วมกับพุทธบริษัทชาวหนองคายได้จัดพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นเพื่อเป็นแบบอย่างตามศาสนปฏิบัติ ซึ่งในเดือนพฤษภาคมนี้ทั่วประเทศจะมีวันวิสาขบูชา วันที่ ๒๒ พฤษภาคมและวันอัฏฐมีบูชา วันที่ ๓๐ พฤษภาคม รวม ๒ วัน
ดังนั้น ความร่วมมือของชาวพุทธสองฝั่งโขง จึงมีทั้งชาวไทย, ลาว, กัมพูชา ที่ผูกพันกับแม่น้ำสายนี้มาแต่โบราณ จึงมีความสัมพันธ์ต่อกันโดยใช้พุทธศาสนา-พุทธสถานเป็นสื่อเชื่อมปัญญาธรรมสืบต่อกันมา แม้จะมีเรื่อง พญานาค เกิดขึ้นตามความเชื่อต่อจากบรรพบุรุษ ก็ถือเป็นส่วนสร้างกระแสธรรมให้ พญานาคา นั้น มีบทบาทในสังคมให้นับถือศรัทธาในพุทธธรรมต่อมาจนวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี