สะพานแดง

ถึงฤดูใบไม้ร่วง หลายคนคงอยากดูใบไม้เปลี่ยนสีเมืองหนึ่งที่แนะนำของญี่ปุ่นก็คือ Nikko การเดินทางไป Nikko ด้วย Kanto Area pass ก็ไม่ยาก สามารถเดินทางได้เลยโดยไม่ต้องจองที่นั่งโดยเปลี่ยนรถที่ Omiya แล้วนั่ง Shinkansen หรือรถด่วนของญี่ปุ่นไปลง Utsunomiya ได้ แต่หากนักท่องเที่ยวต้องการความมั่นใจในการมีที่นั่ง และมีเวลาพอ ควรจองที่นั่งไปก่อนโดยเฉพาะถ้าเลือกใช้บริการในเวลาเร่งด่วน ส่วนนักท่องเที่ยวที่นั่ง JR แบบอื่นหรือใช้พาสแบบอื่นส่วนใหญ่ต้องจองที่นั่งทั้งนั้น รถ Shinkansen ของญี่ปุ่นก็เหมือนรถไฟในยุโรปที่มีเก้าอี้ที่ดูดี มีปลั๊กไฟ แต่ไม่มี Wifi ฟรีให้ใช้ เมื่อนั่ง Shinkansen ถึงสถานี Utsunomiya แล้ว นักท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนรถสาย 5 Nikko line แบบหวานเย็นมาลงที่ Nikko ใช้เวลาอีกประมาณ 45 นาที รถ Nikko line นี้หน้าตาคล้าย BTS บ้านเรา ไม่มีโต๊ะให้เหมือนอย่าง Shinkansen ในรถหวานเย็น Nikko line จะมีเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวมาจากแผนที่ แต่เห็นให้แต่ฝรั่งเท่านั้น พวกที่หน้าเอเชีย เจ้าหน้าที่คงคิดว่าเป็นคนญี่ปุ่นไม่เห็นแจกใครเลย ไม่แน่ใจว่าทำไม

Yomeimon ประตูที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น

การเช็คตารางรถไฟในญี่ปุ่นก็สะดวก นักท่องเที่ยวจะเดินทางกี่โมงก็คีย์สถานีต้นทางที่โรงแรมอยู่ปลายทางที่จะไปในเว็บ Hyperdia.com เลือกเวลาที่จะเดินทางโดยนักท่องเที่ยวต้องศึกษาพาสที่ตัวเองถือก่อนว่าใช้อะไรได้บ้าง ส่วนใหญ่ JR pass จะไม่รวมรถ Tobu เพราะเป็นคนละบริษัท แต่ถ้าใช้รถ Express ต้องเสียเงินเพิ่มมาก

Bell Tower

ที่สถานี Nikko มี Information ที่นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามได้เลยตรงหน้าประตูทางออก เจ้าหน้าที่หนุ่มสุดหล่อที่อธิบายให้ฟังแนะนำให้ไปดูนํ้าตก เพราะใบไม้กำลังเปลี่ยนสีโดยต้องนั่งรถบัสไป 40 นาที ค่าตั๋วก็ 2,000 เยนใช้ได้สองวัน แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์อาจต้องใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่ง ไปกลับ 5 ชั่วโมง เนื่องจากคนญี่ปุ่นจะมาดูใบไม้เปลี่ยนสีเหมือนกัน นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเดินทางนาน หรือมีเวลาน้อย อาจเลยไปมรดกโลกดู Toshogu Shrine ซึ่งอยู่ทิศทางตรงข้ามกับน้ำตก การเดินทางไปดูมรดกโลกอาจเลือกนั่งรถบัสหรือเดินก็ได้ เพราะรถจะส่งแค่สองกิโลแรก ส่วนระยะไกลขึ้นเขานักท่องเที่ยวต้องเดินเองอยู่แล้ว ระหว่างทางเดินที่รถบัสผ่านมีสถานีรถ Tobu อีกสถานีหนึ่ง ร้านขายของที่ระลึกเล็กน้อย ร้านมันปิ้ง ร้านอาหารประเภทบะหมี่อยู่หลายร้าน หากนักท่องเที่ยวหิวควรรับประทานอาหารให้เสร็จไปเลย อย่าไปหวังนํ้าบ่อหน้าด้านบนมรดกโลก เพราะไม่มีร้านอาหารแล้ว การเดินเท้าไปยังทางแยกที่รถบัสส่งก็ไม่เหนื่อยมากประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น กินมันปิ้งประทังท้องไปก็พอดีหิวทางแยกขึ้นเขาพอดี

Warehouse

ก่อนทางขึ้นเขาเพื่อไปยังมรดกโลก นักท่องเที่ยว สามารถแวะซื้อของที่ระลึกและรับประทานบะหมี่ได้ ต่อจากนั้นจะมีสะพานสีแดง นักท่องเที่ยวสามารถแวะถ่ายรูปได้ไม่ต้องเสียเงิน หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวจะต้องเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ถึง Art Gallery ก่อน อาคาร Art Gallery ตกแต่งสวยงามและมักมีเจ้าบ่าว-เจ้าสาวมาถ่ายรูปประจำ นักท่องเที่ยวอาจแวะเข้าชมก่อนก็ได้ หากมีเวลา ออกจาก Art Gallery เดินไปตามทางเดินจะถึง World Heritage ที่เรียกว่า Toshogu Shrine หรือศาลเจ้า Toshogu สนนราคาค่าเข้าชม 1,300 เยน ค่า Audio Guide คิดต่างหาก 500 เยน เครื่อง Audio Guide วิเศษมากเป็นกระดาษแผ่นเดียวที่มีรูปสถานที่ที่จะมีคำบรรยายเป็นจุดๆ เมื่อนักท่องเที่ยวเอาปากกาที่ต่อกับหูฟังจิ้มไปที่ตัวอักษรบอกสถานที่ เสียงบรรยายตามภาษาที่เลือกก็จะเริ่มขึ้น นักท่องเที่ยวที่ซื้อ Audio Guide จะถูกคิดค่ามัดจำ 500 เยนอีกต่างหาก เผื่อนักท่องเที่ยวลืมคืนเครื่อง

ด้านข้าง Yomeimon Gate

Toshogu Shrine เป็นหลุมฝังศพของโทคุงาวะอิเอะยะ ผู้สำเร็จราชการที่ปกครองญี่ปุ่นอยู่นานถึง 250 ปี นักท่องเที่ยวอาจรู้สึกขัดใจบ้างเล็กน้อย เมื่อเข้าชม เนื่องจากสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใดในญี่ปุ่นนี้กำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุง อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยวก็จะยังได้เห็น Yomeimon Gate ประตูสีขาวขลิบทองที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ณ สุสานแห่งนี้นักท่องเที่ยวที่มีขาไม่แข็งแรง หรือมีอายุมากไม่แนะนำให้ดูส่วนที่เกินจาก Sleeping Cat อันเป็นจุดตรวจบัตรที่สอง เพราะต้องขึ้นเขาไปสูงชันกว่าที่ผ่านมาในชั้นแรกมาก และการเดินชมชั้นล่างก็ถือได้ว่าเพียงพอคุ้มค่ากับค่าบัตรแล้ว

Guard’s House

ทับหลัง Yomeimon Gate

Sleeping Cat

ทางเดินขึ้นเขาไปมรดกโลก

เจดีย์ในมรดกโลก

ร้านมันปิ้ง

Audio Guide และแผนที่

สถานี JR ของ Nikko

สถานี Tobu ของ Nikko