การเป็นนักเปียโนระดับประเทศ และระดับนานาชาติ นับว่าเป็นเรื่องยากลำบากมากแล้ว แต่ทว่าการที่เป็นทั้งนักเปียโนและเป็นทั้งนักประพันธ์ทำนองเพลงในคนเดียวกัน ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากยิ่งกว่า

แต่สำหรับ ณัฐ ยนตรรักษ์ สุภาพบุรุษ วัย 70 ปี เขาผู้นี้คือนักเปียโนและนักประพันธ์ทำนองเพลงโดยผ่านเปียโน โดยทำนองเพลงที่ณัฐประพันธ์ได้บ่งบอกเอกลักษณ์ไทยไว้อย่างชัดเจน โดยบางเพลงได้เชิญทำนองเพลงพระราชนิพนธ์ ในล้นเกล้าล้นกระหม่อม รัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ไปไว้ในบทเพลงด้วย โดยเฉพาะใน Piano Sonata ชุด Glory to Our Great Kings หรือถวายชัยคีตมหาราชา ที่มีกระบวนเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ Andante,Allegro, Moderato, Adagio และบทเพลงถวายบังคมนวมินทรราชา หรือ Homage to H.M. King Rama the Ninth เนื่องในโอกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร เจริญพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา และ Siam Sonata เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 75 พรรษา ในปี 2545 โดยนำเสนอบทเพลงที่แสดงเอกลักษณ์ของภูมิภาคทั้ง 4 ของประเทศไทย โดยแบ่งเพลงเป็น 4 กระบวน เพื่อเป็นตัวแทนเอกลักษณ์ของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ 

รวมถึง ลิเก โซนาตา ในบทที่ชื่อบุตรน้อยหลงหาย (ดัดแปลงมาจากพระคัมภีร์ไบเบิล) ที่ใช้ทำนองเพลงลิเกแต่บรรเลงโดยเปียโนและตะโพน รวมถึงเครื่องเคาะจังหวะ และให้จังหวะอีกหลายชิ้นของไทย เช่น กลอง ฉิ่ง  เป็นต้น โดยผู้ร่วมแสดงที่เล่นเครื่องเคาะจังหวะ (percussion) ได้แก่วูกัส ชายหนุ่มผู้เป็นลูกเขยของบ้านยนตรรักษ์

สำหรับลิเก โซนาตา เป็นการแสดงลิเกโดยผู้แสดงไม่ต้องร้องลิเก แต่ปล่อยให้เสียงเปียโนและเครื่องเคาะให้จังหวะเป็นผู้ทำหน้าที่เสมือนผู้ร้องลิเกให้ผู้ชมได้ชมอย่างเพลิดเพลินใจ นับเป็นการแสดงลิเกที่น่าสนใจมาก เพราะเครื่องแต่งกายของผู้แสดงนั้นเป็นลิเกโดยแท้ ท่าร่ายรำก็เป็นท่าของลิเก แต่ตลอดเรื่องที่นำเสนอไม่มีเสียงร้องจากผู้แสดงแม้แต่ประโยคเดียว

นอกจากนี้ยังมีบทเพลงไทยแท้แต่โบราณเช่น เพลงไก่แก้ว ที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นของไทย รวมถึงเพลงที่สุดแสน romantic ที่ชื่อคิดถึงเธอ เพ้อจันทร์ เป็นต้น

คอนเสิร์ต 5 ทศวรรษ The Pianist ณัฐ ยนตรรักษ์ จัดขึ้นเมื่อ 16 สิงหาคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยในวันแสดงได้รับเกียรติจากนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการแสดง

เจ้าของคอนเสิร์ตครั้งนี้บอกว่า การแสดงครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญอีกประการคือ เพื่อส่งต่อโอกาสให้ศิลปินไทยรุ่นต่อๆ ไป โดยมอบรายได้จากคอนเสิร์ตนี้
ให้กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย เพื่อให้ศิลปินไทยในแขนงต่างๆ อาทิ ศิลปะการละคร ทัศนศิลป์ การแสดง ดนตรี วรรณศิลป์ มัณฑนศิลป์ เรขศิลป์ ภาพยนตร์ การออกแบบเครื่องแต่งกาย ได้มีทุนสนับสนุนให้สร้างงานศิลปะดีๆ ให้กับสังคมไทย และหวังว่าประเทศไทยจะมีศิลปินแขนงต่างๆ เพิ่มมากขึ้น แล้วช่วยกันรังสรรค์งานศิลป์สุดพิเศษให้กับประเทศไทยของเราสืบต่อไป