สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 13 ในหัวข้อ“ความหลากหลาย
ทางชีวภาพ” และพระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดฯ โดยมี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน),นิติกร กรัยวิเชียร ผู้อำนวยการโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม บริษัท ไทยเบฟ เวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, อดุลญา ฮุนตระกูล ผู้อำนวยการหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และคณะผู้จัดงานเฝ้าฯรับเสด็จ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567
นิทรรศการ “ศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 13 จัดโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเวทีการประกวดงานศิลปะสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่แสดงถึงแก่นแท้ความคิดผ่านงานเสมือนจริงและงานศิลปะรูปลักษณ์ โดยผลงานที่ได้รับรางวัลช้างเผือก ได้แก่ “ดินแดนแห่งชีวิต” โดย ธีรพล โพธิ์เปี้ยศรี รางวัลชนะเลิศ “ความหลากหลาย ภายใต้สภาวะที่ถูกครอบงำ” โดย ไชยันต์ นิลบล รางวัลคุณหญิงวรรณา “Bond of Friendship (ความผูกพันแห่งมิตรภาพ)” โดยเญอรินดา แก้วสุวรรณ รางวัล CEO AWARD “เสียงจากป่า 2024’’ โดย สันติ สีดาราช นอกจากนี้ยังมีรางวัลรองชนะเลิศ 5 รางวัล ประกอบด้วย จักรชัย เพ็ชรปานกัน, บุญมี แสงขำ, พรสวรรค์ นนทะภา,ลดากร พวงบุบผา, สุวิวัฒณ์ หวานอารมย์ และรางวัลชมเชยอีก 12 รางวัล
ธีรพล โพธิ์เปี้ยศรี ผู้ชนะรางวัลช้างเผือก ในผลงานชื่อ “ดินแดนแห่งชีวิต” เผยว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพผมนึกถึงสิ่งแวดล้อม มองว่าเป็นการเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติกับสิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นการพึ่งพาอาศัยเกื้อกูลกัน พื้นเพผมเป็นคนต่างจังหวัดอยู่กับท้องทุ่งได้ใช้ชีวิตกับพื้นที่ระบบนิเวศที่สมบูรณ์เป็นวิถีชีวิตแบบหากิน ในงานภาพพิมพ์ของผมจะเห็นได้ว่ามีสัตว์ สิ่งแวดล้อมที่พักอาศัยของมนุษย์เป็นการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตกับธรรมชาติให้มีความสมดุลกันจัดองค์ประกอบงานชิ้นนี้คือการนำเอารูปแบบของสิ่งแวดล้อม สัตว์ ที่อยู่อาศัยของผู้คนให้มีสเปซที่กว้างเพื่อให้เห็นถึงการอยู่อาศัยการเรียนรู้ การอนุรักษ์ การรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศ ผมอยากให้ผลงานศิลปะได้เป็นเครื่องมือสื่อสารให้กับผู้คนทั่วไปได้เล็งเห็นและตระหนักถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิต คุณค่าของธรรมชาติ การอาศัยซึ่งกันและกัน และเกื้อกูลกันอยู่เสมอ”
ไชยันต์ นิลบล ผู้ชนะรางวัลชนะเลิศ เผยว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพตัวเราเองจะมองเห็นภาพในมุมของความสวยงามของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมกันจึงกลับมาทบทวนและตั้งคำถามกับมันว่าถ้าเรามองในมุมมืดในสิ่งที่มนุษย์รุกล้ำพื้นที่ของสัตว์ป่า ควบคุมพื้นที่ของสัตว์ เราเห็นปัญหาด้านนี้ทำให้สูญเสียสมดุลทางธรรมชาติ ในตัวผลงานจึงนำเสนอผ่านโครงสร้างของตัวอ่างอาบน้ำที่เกิดจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จะมีสัตว์ที่อยู่ในอ่างอาบน้ำหลายๆ ชนิด ต้นไม้คือต้นบอนไซซึ่งถูกควบคุมจากมนุษย์ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นการจำกัดขอบเขตของสัตว์ งานศิลปะเหมือนภาษาภาษาหนึ่ง ที่ศิลปินสื่อสารออกไปอยากจะถ่ายทอดให้คนรู้สึกถึงปัญหาที่มันเกิดขึ้นหรือให้คนมองเห็นและตระหนักจะได้ช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นให้น้อยลง”
เญอรินดา แก้วสุวรรณ ชนะรางวัลคุณหญิงวรรณา เผยว่า “ตั้งแต่เด็กเป็นคนชอบธรรมชาติ ชอบเก็บเกี่ยวจินตนาการกับธรรมชาติ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก สรรพสิ่งล้วนพึ่งพิงอิงอาศัยกันและกัน เกิดเป็นสายใย สายสัมพันธ์ ประสานเชื่อมโยง อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ด้วยสายสัมพันธ์ที่สมดุลและกลมกลืน เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ด้วยการถ่ายทอดความผูกพันของเราผ่านตัวงานเส้นด้ายเส้นเล็กผสมกันหลายๆ เส้นรวมกันเป็นหลากสีจนเป็นพื้นที่ใหญ่ ซึ่งเราคิดว่าจุดเล็กๆ ที่เราอยากสื่อ มันสามารถเป็นแรงกระเพื่อมให้คนเห็นได้คำนึงถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อมมากขึ้นได้”
สันติ สีดาราช ผู้ชนะรางวัล CEO AWARD เผยว่า “ศิลปะช่วยจรรโลงจิตใจและจิตวิญญาณให้เราตระหนักรู้และคิดได้ ผลงานเสียงจากป่าเป็นเทคนิคการต่อประกอบไม้และมีการผสมซาวเสียงเข้าไป แรงบันดาลใจมาจากผมเห็นสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรามันเกิดการเปลี่ยนแปลง ผมยึดถือสภาพอากาศเป็นหลัก เช่น ฤดูร้อนบางทีฝนตก หรือฤดูหนาวมีแค่ 2-3 วัน ผมว่าเกิดจากผลกระทบของมนุษย์ที่รุกล้ำธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพเรื่องของสิ่งแวดล้อมสิ่งมีชีวิตสามารถเอื้อกันได้อยู่ด้วยกันได้ จากรูปทรงที่ไม่สมประกอบเกิดจากการทำลายที่เกินขอบเขตทำให้เสียงตรงนั้นสะท้อนออกมา คิดว่าโครงการศิลปะไทยจะดีและพัฒนาไปเรื่อยๆ ถ้ามีงานประกวดเช่นโครงการนี้ และเอกชนรัฐบาลช่วยสนับสนุนจะช่วยพัฒนาวงการศิลปะให้เติบโตไปไกลยิ่งขึ้น”
นิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 13 เปิดให้เข้าชมจนถึงวันที่ 11 กันยายน 2567 (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00-19.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จากนั้นจะนำผลงานบางส่วนไปจัดแสดงให้ชมอีกครั้งในงานSustainability EXPO 2024 ระหว่างวันที่ 27 กันยายน-6 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี