หลังจากผ่านพ้นพิธีปลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสผู้ล่วงลับ ที่นครรัฐวาติกันเมื่อวันเสาร์ที่จะผ่านมา ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการสรรหาสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ ในกระบวนการที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี ตั้งแต่ยุคกลางของยุโรป ผู้ที่สามารถรับเลือกเป็นพระสันตะปาปา คือ พระคาร์ดินัล หรือ บรรดานักบวชอาวุโสผู้มีสมณศักดิ์สูง อายุต่ำกว่า 80 ปี ซึ่งในครั้งนี้ มีจำนวนราว 130 คน เป็นคนเพียงกลุ่มเดียว ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือก ผ่านการประชุมแบบลับที่เรียกว่า Conclave คาดว่าการประชุมคอนเคลฟ จะจัดขึ้นไม่เกินวันที่ 6 พฤษภาคมนี้
อย่างไรก็ดี เคยมีคำพูดโบราณกล่าวไว้ว่า 'ผู้ที่เข้าสู่การประชุมในฐานะพระสันตะปาปา มักออกมาในฐานะคาร์ดินัล' สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของกระบวนการนี้ เพราะพระคาร์ดินัลที่ถูกคาดหมายว่ามีโอกาสจะได้ขึ้นครองตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา องค์ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ก่อนเข้าสู่กระบวนการสรรหา อาจจะไม่ได้เป็นไปตามโผ และพระคาร์ดินัลที่เข้าสู่กระบวนการสรรหา อาจไม่ได้คะแนนเสียงอย่างที่ตั้งใจไว้
ยกตัวอย่างการประชุมเลือกโป๊ปเมื่อปี 2013 ครั้งนั้น หนึ่งในพระคาร์ดินัลที่ถูกมองว่ามีโอกาสได้รับเลือกมากที่สุด คือบาทหลวง แองเจโล สโคลา จากมิลาน ประเทศอิตาลี พระองค์มั่นอกมั่นใจอย่างยิ่งว่า ตนเองเป็นผู้ที่ได้รับเลือกแน่นอน ถึงขนาดที่ว่าเมื่อ ‘ควันสีขาว’ ลอยออกมาจากปล่องไฟของโบสถ์น้อยซิสทีน อันเป็นสัญญาณว่า ที่ประชุมพระคาร์ดินัลเลือกโป๊ปองค์ใหม่ได้เรียบร้อยแล้ว บาทหลวงชั้นผู้ใหญ่ของอิตาลีท่านหนึ่ง ถึงกับส่งข้อความหานักข่าว แสดงความยินดีที่พระคาร์ดินัลสโคลาได้เป็นโป๊ปองค์ใหม่ แต่กลับกลายเป็นว่า พระคาร์ดินัล ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ จากอาร์เจนตินา เป็นผู้ได้รับเลือกให้เป็นโป๊ป ซึ่งต่อมาใช้ชือว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส นั่นเอง
หลังการจากไปของโป๊ปฟรานซิส กระบวนการคัดเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่จึงถูกจับตามองและถือว่ามีความสำคัญยิ่ง ต่อการกำหนดทิศทางในอนาคตของคริสตจักรโรมันคาทอลิก จะเห็นได้ว่า ผู้ที่เป็น candidates หรือพระคาร์ดินัลที่ถูกมองว่ามีโอกาสได้รับเลือกในครั้งนี้ มีความหลากหลายมากกว่าเดิม ส่วนหนึ่งมาจากการสังคายนาใหม่ของโป๊ปฟรานซิส เพราะในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิก ทรงยกเครื่ององค์คณะที่ทำหน้าที่คัดเลือกและสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อจากพระองค์ ช่วยให้มีตัวแทนพระคาร์ดินัลจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เข้ามามีส่วนในการคัดเลือกมากขึ้น
ที่สำคัญ คือทรงยกเลิกกฎที่ไม่มีระบุอย่างเป็นทางการ แต่ปฏิบัติกันแพร่หลายก่อนหน้านี้ ที่กำหนดให้บาทหลวงจากหลายสังฆมณฑล (diocese) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอิตาลี ได้ตำแหน่งพระคาร์ดินัลในทันที และเปิดโอกาสให้บาทหลวงจากสังฆมณฑลห่างไกลในพื้นที่อื่นๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นตองกา เฮติ หรือปาปัวนิวกินี ได้ทำหน้าที่พระคาร์ดินัล พระชั้นผู้ใหญ่จากดินแดนเหล่านี้ ถูกมองว่าอยู่นอกเหนือจากระบบคาทอลิกแบบดั้งเดิมของโรม จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาได้ว่า พระคาร์ดินัลเหล่านี้จะลงคะแนนเลือกใคร
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม มีพระคาร์ดินัลเพียงหยิบมือเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งประสบการณ์ ความสามารถ ทักษะด้านต่างๆ และบารมี มากพอที่จะได้ดำรงตำแหน่งประมุขของคริสตจักรโรมันคาทอลิก ทั้งหลายทั้งปวง ขึ้นอยู่กับบรรดาพระคาร์ดินัลในที่ประชุมลับ หรือ Conclave ว่าจะเลือกบุคคลใด รวมถึงพิจารณาว่า โป๊ปพระองค์ต่อไปควรจะตามรอยแนวทางปฏิรูป ที่อดีตโป๊ปฟรังซิสได้ปูทางไว้ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบไปในแนวทางอื่น อีกทั้งยังต้องคัดเลือกบุคคลที่มี ‘ชื่อชั้น’ พอที่จะเป็นผู้นำคริสตจักรบนเวทีโลกได้
ผู้สัดทัดกรณีบางส่วนมองว่า อนาคตของคริสตจักรโรมันคาทอลิกอยู่ในเอเชีย จึงมีโอกาสสูงที่โป๊ปพระองค์ต่อไป อาจมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่อายุก็เป็นปัจจัยสำคัญ จะเห็นได้ว่า ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นโป๊ปก่อนหน้านี้ ล้วนมีอายุมาก เพื่อให้แน่ใจว่า จะอยู่ในตำแหน่งไม่ยาวนานจนเกินไป
สำหรับ Papabile หรือผู้ที่มีโอกาสได้รับเลือกเป็นโป๊ปพระองค์ต่อไป แม้ไม่มีพระคาร์ดินัลรูปใดที่ได้รับการคาดหมายมากที่สุดในการเป็นโป๊ป แต่มี 2 รูปที่ดูเหมือนว่า ผู้คนจะสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นนักปฏิรูปคล้ายคลึงกับโป๊ปฟรานซิส คือ พระคาร์ดินัล ปิเอโตร ปาโรลิน จากอิตาลี วัย 70 ปี เป็นพระคาร์ดินัลนักการทูต และเป็นเบอร์สองของสำนักวาติกันรองจากโป๊ปฟรังซิสมาตั้งแต่ปี 2013 มีความรู้และเชี่ยวชาญในคริสตจักรทั่วโลก
ส่วนอีกพระองค์ พระคาร์ดินัล ลูอิส อันโตนิโอ ตาเกิล แห่งฟิลิปปินส์ วัย 67 ปี มักได้รับการเรียกขานในฟิลิปปินส์ว่า "ฟรานซิสแห่งเอเชีย" เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับโป๊ปฟรานซิสผู้ทรงเป็นนักปฏิรูป และอุทิศพระองค์เพื่อผดุงความยุติธรรมในสังคม คาร์ดินัลตาเกิลเคยเป็นบิชอปแห่งอิมุส และอาร์ชบิชอบแห่งมะนิลา ได้รับการสถาปนาจากโป๊ปฟรานซิส ให้เป็นพระคาร์ดินัลเมื่อปี 2012 จากนั้นในปี 2019 โป๊ปฟรานซิสทรงย้ายพระคาร์ดินัลตาเกลจากมะนิลา ฟิลิปปินส์ ไปยังสำนักวาติกัน และแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายมิชชันนารีเผยแพร่ศาสนาของวาติกัน
ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ปีนี้ ระบุว่าทั่วโลกมีพระคาร์ดินัลอยู่ถึง 252 รูป และส่วนใหญ่แล้วพระคาร์ดินัลเหล่านี้ก็มักจะดำรงตำแหน่งพระสังฆราชหรือบิชอป (bishop) ประจำสังฆมณฑลท้องถิ่นของตนเอง อย่างไรก็ตาม มีเพียงพระคาร์ดินัลที่อายุต่ำกว่า 80 ปีเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าร่วมประชุมเพื่อออกเสียงเลือกตั้งโป๊ปองค์ใหม่ได้
ตามปกติแล้ว จำนวนของพระคาร์ดินัลที่เป็นองค์คณะผู้เลือกตั้งโป๊ปนั้น มักจำกัดไว้ที่ 120 รูป แต่ปัจจุบันกลับมีพระคาร์ดินัลที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดข้างต้นถึง 138 รูป เนื่องจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้ทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัลใหม่เพิ่มอีก 21 รูป เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว
การประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปา จะถูกจัดขึ้นแบบปิดลับและตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง เหล่าพระคาร์ดินัลผู้ออกเสียงเลือกตั้งไม่สามารถออกไปนอกเขตสำนักวาติกัน ทั้งยังไม่สามารถฟังวิทยุ, ดูโทรทัศน์, อ่านหนังสือพิมพ์, หรือใช้โทรศัพท์พูดคุยติดต่อกับบุคคลภายนอกได้ นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในเขตที่พักของพระคาร์ดินัลอีกด้วย เว้นแต่พนักงานทำความสะอาด, แพทย์พยาบาล, และนักบวชผู้ทำหน้าที่รับฟังคำสารภาพบาปเท่านั้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องให้คำมั่นว่า จะเก็บสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยินได้ฟังไว้เป็นความลับ
ในช่วงหยุดพักระหว่างการลงคะแนนของแต่ละวัน เหล่าพระคาร์ดินัลทั้งหมด รวมถึงผู้ที่ชราภาพเกินไปจนหมดสิทธิออกเสียงเลือกตั้งไปแล้ว จะมาร่วมหารือและอภิปรายถกเถียงกัน ถึงข้อดีข้อเสียของผู้สมัครเป็นพระสันตะปาปาแต่ละคน โดยไม่อนุญาตให้มีการรณรงค์หาเสียงอย่างเปิดเผย
สำนักวาติกันระบุว่า การตัดสินใจของเหล่าพระคาร์ดินัลนั้น เป็นไปตามการชี้นำของพระจิตอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Spirit) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้สมัครหลายรายมีการต่อสู้แย่งชิงเพื่อรวบรวมเสียงสนับสนุนให้ตนเอง ไม่ต่างไปจากการเมืองในโลกของฆราวาส
หากมีควันสีขาวออกมาจากปล่องไฟของโบสถ์น้อยซิสทีน นั่นเป็นสัญญาณว่า ที่ประชุมพระคาร์ดินัลเลือกโป๊ปองค์ใหม่ได้เรียบร้อยแล้ว
ตลอดการประชุมคอนเคลฟ จะมีการเผาทำลายบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ใช้แล้ววันละ 2 ครั้ง คนภายนอกสำนักวาติกันสามารถมองเห็นควันจากปล่องไฟที่ออกมาจากโบสถ์น้อยซิสทีนได้ สีของควันไฟดังกล่าวจะเป็นไปตามสีที่ใช้ทาบัตรเลือกตั้ง หากควันเป็นสีดำแสดงว่าที่ประชุมยังไม่มีมติชี้ขาด แต่หากควันเป็นสีขาว นั่นคือสัญญาณว่าที่ประชุมพระคาร์ดินัลเลือกโป๊ปองค์ใหม่ได้เรียบร้อยแล้ว
ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี