วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
คุยกัน7วันหน : เมื่อชาวจีนเปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับ ‘ความตาย’ มากขึ้น

คุยกัน7วันหน : เมื่อชาวจีนเปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับ ‘ความตาย’ มากขึ้น

วันอาทิตย์ ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 06.30 น.
Tag : คุยกัน7วันหน
  •  

อวี๋โป๋ ผู้กำกับภาพยนตร์วัย 41 ปี เคยมองว่าความตายดูเป็นเรื่องไกลตัว แม้เขาจะใช้เวลานานหลายปีในการถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์เฉียดตายในห้องไอซียู แต่แล้วทุกอย่างได้เปลี่ยนไปเมื่อเขาเผชิญภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันขั้นรุนแรงถึง 3 ครั้งภายใน 1 ปีเนื่องจากการดื่มสุราหนักตามงานสังสรรค์ อวี๋จึงตระหนักได้ว่าความตายคือปลายทางเดียวที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ

เมื่อเดือนก่อน อวี๋ลงนามหนังสือเจตนาว่าไม่ประสงค์จะรับบริการทางการแพทย์ที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต (living will) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในวิธีที่ชาวจีนจำนวนมากขึ้นหันมาบันทึกความต้องการของตัวเองเกี่ยวกับความปรารถนาในช่วงท้ายของชีวิต โดยเขาเลือกที่จะไม่รับการปั๊มหัวใจ การใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือการให้อาหารทางสายยาง หากไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้


ในขณะที่จีนเดินหน้าการพัฒนา อายุคาดเฉลี่ยของประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ราว 79 ปีในปี 2024 ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ผู้สูงอายุจำนวนมากมีสุขภาพที่ดีและอายุยืนยาวขึ้น ทว่าโรคเรื้อรังและความท้าทายช่วงบั้นปลายชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น กำลังกระตุ้นให้สังคมหันมาทบทวนเกี่ยวกับการแก่ชราและการเสียชีวิตอย่างมีเกียรติมากยิ่งขึ้น

ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงนี้ การวางแผนบั้นปลายของชีวิตเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนาของผู้คนอย่างช้าๆ สิ่งที่เคยถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม อย่างหนังสือแสดงเจตนาฯ และเอกสารแสดงความประสงค์ล่วงหน้ากำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากเปิดโอกาสให้แต่ละบุคคลมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตนเองมากขึ้น และช่วยให้ครอบครัวเข้าใจความต้องการสุดท้ายของคนที่รักได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ผู้ใหญ่ในช่วงอายุ 30-59 ปีที่มีการศึกษา อาศัยอยู่ในเมือง และคุ้นเคยกับเทคโนโลยี คิดเป็น 2 ใน 3 ของผู้ที่ลงนามหนังสือแสดงเจตนาฯ มากกว่า 60,000 คน ซึ่งลงนามกับสมาคมส่งเสริมหนังสือแสดงเจตนาฯ ปักกิ่ง (Beijing Living Will Promotion Association) ที่เดิมรู้จักกันในชื่อแพลตฟอร์ม “ชอยส์ แอนด์ ดิกนิตี” (Choice and Dignity) ตั้งแต่ปี 2010

ชาวจีนเกือบร้อยละ 70 ที่ลงนามหนังสือแสดงเจตนาฯ กับสมาคมดังกล่าวเป็นผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองพัฒนาชั้นนำอย่างกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้คนมีโอกาสเข้าถึงแนวคิดใหม่ๆ และสิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อทัศนคติของพวกเขาอย่างมาก

เมื่อความก้าวหน้าปะทะความเชื่อแบบดั้งเดิม

บรรทัดฐานทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับความตายในจีนยังคงฝังรากลึก ผู้คนมักหลีกเลี่ยงการพูดถึงความตายเพราะมองว่าไม่เป็นสิริมงคล การไม่รักษาตัวเพื่อยืดชีวิตกลับถูกมองว่าเป็นการอกตัญญู หลายครอบครัวจึงยืนกรานให้ดำเนินการรักษาจนถึงที่สุดเพื่อเลี่ยงความรู้สึกค้างคาใจหรือเกรงว่าจะถูกผู้อื่นตัดสิน ทว่านโยบายต่างๆ เริ่มสะท้อนถึงทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

ในปี 2023 เมืองเซินเจิ้นกลายเป็นเมืองแรกในจีนที่รับรองให้หนังสือแสดงเจตนาฯ เป็นสิ่งถูกกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถปฏิเสธการรักษาแบบรุกรานเมื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิต การเคลื่อนไหวนี้ได้จุดประกายความสนใจอย่างไม่คาดคิด โดยสำนักงานโนตารีรายงานว่ามีจำนวนประชาชนที่ต้องการรับรองความประสงค์ของตนเพิ่มมากขึ้น เช่น คนหนุ่มสาวและคู่รักที่ไม่มีบุตร เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับการคงไว้ซึ่งเกียรติในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

เมื่อประชากรจีนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 310 ล้านคน รัฐบาลจีนจึงได้ขยายบริการดูแลแบบประคับประคอง (palliative care) ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้นในการตอบสนองต่อความต้องการอันหลากหลายของผู้สูงอายุในประเทศ

หน่วยบริการฮอสพิซในจีนเพิ่มขึ้นจาก 510 แห่งในปี 2020 เป็น 4,259 แห่งในปี 2022 โดยมีโครงการนำร่องขยายครอบคลุมเมืองและอำเภอ 185 แห่ง ทว่าการเข้าถึงบริการเหล่านี้ยังคงไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะพื้นที่ตะวันตกที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ รัฐบาลจึงตั้งเป้าหมายว่าปี 2025 จะจัดตั้งแผนกการดูแลแบบประคับประคองอย่างน้อย 1 แห่งในพื้นที่นำร่อง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เมืองและชนบทอย่างทั่วถึง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนแนวโน้มระดับโลก อาทิ สหรัฐฯ ที่กำลังเปลี่ยนจากหนังสือแสดงเจตนาฯ สู่การวางแผนการดูแลล่วงหน้า

การต่อต้านทางวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่

เซี่ยงเฉี่ยวเจิน พยาบาลแผนกการดูแลแบบประคับประคองในมณฑลเจ้อเจียงและอาสาสมัคร กล่าวว่า      ผู้ป่วยบางคนโบกมือไล่เรา เหมือนกับการว่าการพูดถึงความตายจะทำให้มันมาถึงเร็วขึ้น แต่การรอจนถึงวินาทีสุดท้ายมักทำให้พลาดโอกาสที่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง เซี่ยงเล่าว่า แม้เธอเองจะยังไม่ได้ลงนามหนังสือแสดงเจตนาฯ แต่ลูกสาวของเธอรู้ความต้องการของผู้เป็นแม่ดี ลูกสาวบอกว่าเมื่อวันนั้นมาถึง เธอจะดูแลให้แม่ได้เข้ารับการรักษาแบบประคับประคองแน่นอน การเข้าใจกันอย่างเงียบนี้ๆ คือสิ่งที่เราสองแม่ลูกหวังสร้างขึ้นในสังคม

อวี๋โป๋เองเผชิญกับแรงต้านเช่นกัน หลังจากเขาโพสต์เกี่ยวกับหนังสือแสดงเจตนาฯ บนบัญชีวีแชท (WeChat) เพื่อนๆ ของเขาหลายคนรีบโทรหาเพราะคิดว่าเขากำลังป่วยระยะสุดท้าย พวกเขาไม่เชื่อว่าอวี๋ตัดสินใจเช่นนี้เพียงเพราะอยากเตรียมตัวให้พร้อม อวี๋กล่าวว่า ความไม่สบายใจต่อความตายแทบจะฝังรากอยู่ในดีเอ็นเอทางวัฒนธรรมของชาวจีน เรากลัวมัน หลีกเลี่ยงมัน และแทบไม่เคยเป็นเจ้าของมันจริงๆ แต่การได้เลือกว่าจะจากโลกนี้ไปอย่างไรควรเป็นสิทธิ์ของเราเอง

อวี๋กล่าวว่า แม้จะเจอแรงต้าน แต่เขายังคงมีความหวัง อวี๋เชื่อว่าคนจำนวนมากขึ้นจะเลือกเดินเส้นทางนี้เช่นกัน และอยากถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเขาผ่านภาพยนตร์ บางทีเราอาจได้เรียนรู้ที่จะพูดถึงความตาย ไม่ใช่เพื่อจมอยู่กับมัน แต่เพื่อใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้นเมื่อรู้ว่าความตายคือปลายทางสุดท้าย

ขอบคุณเนื้อหา จากสำนักข่าวซินหัวไทย

โดย ดาโน โทนาลี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คุยกัน7วันหน : ทรัมป์ยิ้มรับเครื่องบินจากกาตาร์ ระบุ \'คนโง่เท่านั้น\' ที่ปฏิเสธของขวัญชิ้นนี้ คุยกัน7วันหน : ทรัมป์ยิ้มรับเครื่องบินจากกาตาร์ ระบุ 'คนโง่เท่านั้น' ที่ปฏิเสธของขวัญชิ้นนี้
  • คุยกัน7วันหน : ​วิเคราะห์-เจาะลึก ใครจะได้เป็น ‘สมเด็จพระสันตะปาปา’ พระองค์ใหม่ คุยกัน7วันหน : ​วิเคราะห์-เจาะลึก ใครจะได้เป็น ‘สมเด็จพระสันตะปาปา’ พระองค์ใหม่
  • คุยกัน7วันหน : จีนผนึกกำลัง ‘อาเซียน’ รับมือกำแพงภาษีทรัมป์ คุยกัน7วันหน : จีนผนึกกำลัง ‘อาเซียน’ รับมือกำแพงภาษีทรัมป์
  • คุยกัน7วันหน : จับตาศึกยก 2 สังเวียนการค้าโลก คุยกัน7วันหน : จับตาศึกยก 2 สังเวียนการค้าโลก
  • คุยกัน7วันหน : มิน อ่อง หล่าย เยือนไทย  ประชุม BIMSTEC ‘ได้หรือเสีย’ คุยกัน7วันหน : มิน อ่อง หล่าย เยือนไทย ประชุม BIMSTEC ‘ได้หรือเสีย’
  • คุยกัน7วันหน : 5 เรื่องควรรู้  แชทหลุดสะเทือนทำเนียบขาว คุยกัน7วันหน : 5 เรื่องควรรู้ แชทหลุดสะเทือนทำเนียบขาว
  •  

Breaking News

‘บิ๊กเล็ก’ชี้เหตุ‘คลิปหลุด’ฝ่ายตรงข้ามวางแผนแยบยลหวังผลร้ายต่อ‘ไทย’ ลั่นจะไม่ยอมให้สมหวัง

นักวิชาการเขมรชี้ผู้นำ‘กัมพูชา’สื่อสารโซเชียลสร้างสรรค์ ไม่ยั่วยุเหมือนฝ่ายการเมือง-กองทัพของ‘ไทย’

ทัวร์ลงฉ่ำ! เพจ'ปชส.อุบลฯ'โพสต์ ชาวอุบลฯยินดีต้อนรับ'นายกฯ'ลงพื้นที่

(คลิป) ‘อิ๊งค์’ขออภัยคนไทย บอกต่อไปจะระวังให้มากขึ้น

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved