การใช้สมุนไพรรักษาโรค บำบัดอาการต่าง ๆ เป็นภูมิปัญญาของมวลมนุษยชาติมาหลายพันปี จากที่เคยใช้กิ่งก้านใบมาต้มเคี่ยวแล้วกิน แต่ปัจจุบันเราพัฒนายาจากสมุนไพรให้มีมาตรฐานมากขึ้น ทำให้กินและใช้ได้ง่ายขึ้นในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูล เป็นต้น ในแง่การใช้งาน ประชาชนทั่วไปอาจมองว่า สมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างปลอดภัย เพราะมาจากธรรมชาติ เข้าถึงง่าย จึงไม่น่าแปลกที่อุตสาหกรรมในด้านนี้เติบโตต่อเนื่อง
ถ้ามองเชิงนโยบาย สมุนไพรเป็นคำตอบสำหรับความมั่นคงทางยา ไม่ต้องย้อนไปไกลมาก แค่เมื่อ 5 ปีก่อนก็พอ เราต้องรอยาต้านไวรัสโควิดจากต่างประเทศ ได้มาก็ไม่พอใช้ โชคยังดีที่มีฟ้าทะลายโจรอยู่จึงพอประทังไปก่อนได้ แต่ก็ได้เรียนรู้จากห้วงเวลานั้นพอสมควรว่า มาตรฐานด้านความปลอดภัย คุณภาพของผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร และการรวบรวมข้อมูลประสิทธิผลทางคลินิกอย่างเป็นระบบ ยังต้องการการยกระดับขึ้นอีกมาก
การตัดสินใจเลือกใช้ยาจากสมุนไพรในมุมมองของประชาชนกับบุคลากรทางการแพทย์มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ขณะที่ประชาชนอาจจะมองว่าสมุนไพรเป็นคำในหมวดเดียวกับธรรมชาติ ธรรมชาติ แล้วก็เชื่อมโยงกับคำว่าปลอดภัยไปด้วย แต่ต้องบอกว่าเป็นความเข้าใจผิด
ก่อนอื่นต้องย้ำว่า สมุนไพรถ้าให้ฤทธิ์การรักษาต่อร่างกาย หรือผลใด ๆ ที่เกิดขึ้น แสดงว่าในสมุนไพรต้องมีสารเคมีที่ออกฤทธิ์ เพียงแต่ว่าสารเคมีดังกล่าวถูกผลิตจากธรรมชาติ และสารเคมีเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียง และอาการไม่พึงประสงค์ รวมถึงอาการแพ้ เช่นเดียวกับยาเคมีทั่วไป การใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ทั้งที่เป็นยาและไม่ใช่ยา อาจทำให้แพ้ เกิดผลข้างเคียง ตีกับโรคหรือยาที่ผู้ป่วยรับประทานอยู่ ผู้ที่โรคประจำตัวหรือมียาที่ใช้อยู่ประจำ ก่อนใช้สมุนไพรใด ๆ จำเป็นต้องตรวจสอบก่อนว่าใช้ร่วมกับยาประจำได้หรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยมากที่สุด
ตัวอย่างปัญหายาตีกับสมุนไพร ที่เป็นข้อกังวลมากที่สุดเมื่อช่วงโควิดที่ผ่านมาคือ ผู้ป่วยที่กินยาละลายลิ่มเลือดวอร์ฟาริน เมื่อใช้สมุนไพรไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร หรือขมิ้นชัน ก็ทำให้ค่าการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ บางรายจำเป็นต้องปรับขนาดยาวอร์ฟาริน
จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนก็เคยเจอว่าผู้ป่วยมีค่าตับผิดปกติ ซักไปซักมา สาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุด น่าจะมาจากสมุนไพรที่กิน ซึ่งขอไม่ระบุว่าเป็นตัวใดเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดต่อสมุนไพรตัวนั้น เอาเป็นว่าสมุนไพรก็มีอาการไม่พึงประสงค์ อาการข้างเคียงได้เหมือนกันกับยาแผนปัจจุบันนั่นเอง ดังนั้น การใช้ก็ต้องสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันทีที่พบความผิดปกติ
จากความพยายามในระดับประเทศทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่พยายามให้สมุนไพรไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่ดูเหมือนว่ายังมีช่องว่างอยู่พอสมควรที่สัมพันธ์กับคุณภาพและความปลอดภัย นโยบายล่าสุดที่พยายาม แต่ดูเหมือนจะขาด ๆ เกิน ๆ และอาจจะยังต้องสนับสนุนในบางส่วนเพิ่มเติม เช่น การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการซึ่งเป็นส่วนที่รัฐต้องช่วยเพื่อให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์สมุนไพรนั้นเข้ามาตรฐาน ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่เล็งเห็นว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์และยาสมุนไพรเป็นเรื่องสำคัญ แต่ยังขาดเรื่องความรู้ และงบประมาณในการพัฒนาและควบคุมคุณภาพ เช่น ประสิทธิผลการออกฤทธิ์ของสมุนไพรขึ้นกับปริมาณสารสำคัญ ซึ่งปริมาณสารสำคัญในสมุนไพรมีความแตกต่างกันจากหลายปัจจัย เช่น สถานที่ปลูก ฤดูการเพาะปลูก กระบวนการเก็บเกี่ยว กระบวนการผลิต มีผลทำให้ปริมาณสารสำคัญไม่เท่ากัน
อีกทั้ง อาจจะยังขาดองค์ความรู้ในการควบคุมปริมาณสารสำคัญดังกล่าว และยังมีอีกปัญหาหนึ่ง คือเรื่องการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ที่อยู่ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้หลายวิธี เช่น สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับลดปริมาณเชื้อที่ปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้อย่างไม่ยาก อาจมีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนค่าใช้บริการบางส่วน สิ่งเหล่านี้หากรัฐช่วยสนันสนุนอย่างจริงจังในการพัฒนาแก่ผู้ประกอบการ ย่อมส่งผลให้เกิดความยั่งยืนและการพัฒนาในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ไม่ได้หมายความว่าผู้เขียนไม่สนับสนุนการใช้สมุนไพรแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ในฐานะเภสัชกรชาวไทยคนหนึ่ง ก็อยากให้ยาพัฒนาจากสมุนไพร ถูกนำมาใช้อย่างถูกโรค ถูกคน ถูกเวลา เพื่อให้ได้ประสิทธิผลและความปลอดภัยอย่างสูงสุด และนำพาให้สมุนไพรเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติมากขึ้น และสามารถลดการใช้ยาแผนปัจจุบันได้ในบางโอกาส ซึ่งต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า ณ ขณะนี้ ยังมีทั้งช่องว่างของความรู้และโอกาสในการพัฒนาที่ทุกคนในวงการยาที่กำลังพัฒนาจากสมุนไพรจำเป็นต้องเร่งมือทำงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และความมั่นคงทางยาของประเทศในอนาคต
รศ. ภญ. ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และ รศ. ภก. ดร. บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี