เพื่อรำลึกถึง 120 ปีชาตกาล “ศรีบูรพา” หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ (พ.ศ. 2448-2517) นักคิด นักเขียน และนักสู้ผู้ฝากมรดกทางปัญญาไว้ให้แก่วงการน้ำหมึกและสังคมไทย แบรนด์สิ่งทอชั้นนำของไทยอย่าง “PASAYA” ร่วมกับ “กองทุนศรีบูรพา” จัดงานเสวนา “120 ปี ศรีบูรพา Young Today” ณ PASAYA Flagship Store ชั้น 3 สยามพารากอน พร้อมเปิดตัว “กระเป๋าศรีบูรพา” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานและจิตวิญญาณของศรีบูรพา ภายใต้แนวคิด “ผืนผ้าที่บอกเล่าเรื่องใจ” คัดเลือกวลีอมตะจากบทประพันธ์ของศรีบูรพานำมาถักทอลงบนเนื้อผ้าอย่างประณีต
บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างอบอุ่น ท่ามกลางนักคิด นักเขียน และสื่อมวลชนมากมาย ที่มาร่วมฟังเสวนาจากวิทยากรผู้ทรงความรู้จากหลายสาขา ได้แก่ ชมัยภร แสงกระจ่าง, วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์, โตมร ศุขปรีชา, กษิดิศ อนันทนาธร, และจรูญพร ปรปักษ์ประลัย พร้อมลำนำบทกวี “รำลึกศรีบูรพา” โดย อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ และ อัศวุธ อุปติ กรรมการกองทุนศรีบูรพา โดยต่างเชื่อมโยงชีวิตและผลงานของศรีบูรพา ทั้งในฐานะนักเขียนและในฐานะปัจเจกบุคคลเข้ากับบริบทของสังคมปัจจุบันได้อย่างลึกซึ้ง สะท้อนถึงตัวตนของศรีบูรพาที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ ความกล้าหาญ เปี่ยมด้วยความรักในเพื่อนมนุษย์ และความปรารถนาที่จะเห็นสังคมที่ดีขึ้น วรรณกรรมของท่านเป็นกระจกสะท้อนสังคม ตลอดจนเครื่องมือในการจุดประกายความคิดแก่ผู้อ่าน ให้ลุกขึ้นมาตั้งคำถามและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ผ่านเสียงสะท้อนทางความคิดดังนี้
ศรีบูรพาเขียนถึง “ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์” ผ่านความรัก
ในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2557 ชมัยภร แสงกะจ่าง เริ่มต้นด้วยมุมมองที่ลุ่มลึกและเข้าถึงแก่นของความเป็นมนุษย์ในงานเขียนของศรีบูรพา ความอ่อนโยนและเมตตาที่สะท้อนผ่านตัวละครในนวนิยายเรื่อง “ข้างหลังภาพ” จากตัวละครอย่าง “นพพร” ชายหนุ่มผู้มีความรู้สึกนึกคิดที่ซับซ้อน และ “ม.ร.ว. กีรติ” ที่เต็มไปด้วยความเมตตาและความเข้าใจในธรรมชาติของความรัก
“ศรีบูรพาแสดงให้เห็นว่าความรักที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องครอบครอง แต่เป็นการเข้าใจและยินดีในความสุขของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ ศรีบูรพาไม่ได้เขียนแค่เรื่องรัก หากแต่เขียนถึง ‘ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์’ ผ่านมุมมองของความรัก คุณหญิงกีรติเลือกที่จะเก็บงำความรู้สึกไว้ ไม่ใช่เพียงเพราะจารีต แต่เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตนเองและของคนที่เธอรัก ตัวละครของท่านมีชีวิตที่เลือกได้ แม้ในกรอบของสังคมที่จำกัด และนี่คือสิ่งที่ทำให้ผลงานของท่านมีความเป็นสากล” วรรคทองนี้ชวนให้มองถึงเรื่องราวความรักต่างวัย สู่การเคารพในการตัดสินใจและเกียรติของปัจเจกบุคคล ซึ่งเป็นแนวคิดที่ยังคงท้าทายสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน
ศรีบูรพาคือ “นักสู้ทางความคิด” ที่ใช้ปากกาเป็นอาวุธ
ในฐานะผู้อำนวยการ Thai PBS วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการสารคดี โทรทัศน์ รวมถึงนักเขียนเจ้าของรางวัลศรีบูรพาคนที่ 23 (พ.ศ. 2554) ผู้มีศรีบูรพาเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน วันชัย ยอมรับว่า งานเขียนของศรีบูรพานำพาให้เราท่องโลกกว้างผ่านตัวอักษร เขาเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีของนักหนังสือพิมพ์ในทุกยุคสมัย
"เรามักจดจำศรีบูรพาในฐานะนักเขียน แต่เบื้องหลังความอ่อนโยนของภาษา ท่านคือ ‘นักสู้ทางความคิด’ ที่มีปากกาเป็นอาวุธต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคม ชีวิตของท่านตั้งแต่เป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน นักกิจกรรมทางสังคม จนถึงการถูกจองจำในคุกถึงสองครั้งคือบทพิสูจน์ว่า อุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ต้องแลกมาด้วยการเสียสละอันใหญ่ยิ่งเช่นเดียวกัน" ถ้อยคำนี้ฉาบฉายให้เห็นถึง “ราคา” ที่ศรีบูรพาต้องจ่าย เพื่อแลกกับการยืนหยัดในสิ่งที่ตนเชื่อและทำให้ตระหนักว่า เสรีภาพที่เราได้รับในวันนี้ มีหยาดเหงื่อและน้ำตาของนักต่อสู้อย่างท่านเป็นส่วนหนึ่งของมัน
คำว่า “แลไปข้างหน้า” คือการตั้งคำถามกับปัจจุบันอย่างกล้าหาญ
โตมร ศุขปรีชา นักคิดและนักเขียนผู้เฉียบคม ได้เชื่อมโยงอุดมการณ์ของศรีบูรพาเข้ากับโลกยุคใหม่อย่างน่าทึ่ง โตมรเน้นย้ำถึงความกล้าหาญและจุดยืนทางการเมืองของศรีบูรพา ที่สะท้อนให้เห็นว่า ศรีบูรพาเป็นทั้งนักเขียนและนักต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและประชาธิปไตย “ศรีบูรพาใช้ชีวิตตามที่เขาเชื่อมั่น ดังที่เขียนไว้ในวรรณกรรม นั่นทำให้งานเขียนของศรีบูรพามีพลังอย่างมาก” คำกล่าวนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสอดคล้องระหว่างชีวิตจริงและอุดมการณ์อันแน่วแน่ของศรีบูรพา
“นวนิยาย ‘แลไปข้างหน้า’ (ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของศรีบูรพา) คือการตั้งคำถามกับปัจจุบันอย่างกล้าหาญ คือการปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อสภาวะที่เป็นอยู่ ถ้าศรีบูรพายังมีชีวิตคงจะไม่ใช่แค่เขียนบทความ แต่ท่านจะตั้งคำถามกับ New Normal ตั้งคำถามกับโครงสร้างอำนาจ และท้าทายให้เรามองไปข้างหน้าเพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่า” ด้วยการเป็นคนหนุ่มสาวทางความคิด (Young Today) คือการไม่หยุดตั้งคำถามกับชีวิต และใช้สติปัญญาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความจริงและความเป็นธรรม เฉกเช่นที่ศรีบูรพาได้ทำมาตลอดชีวิต
จากนวนิยายเล่มแรก “สงครามชีวิต” สู่นักเขียนผู้เป็นแรงบันดาลใจ
ในมุมมองของนักวิชาการและกรรมการสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงอย่าง กษิดิศ อนันทนาธรภาพของศรีบูรพาไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นนักประพันธ์ แต่คือภาพของนักสู้ผู้แน่วแน่ในอุดมการณ์ ที่เติบโตมากับวรรณกรรมของศรีบูรพาและนำไปปรับใช้ในชีวิตจริง เช่น การแจกเป็นของที่ระลึกในงานรับปริญญาและงานแต่งงาน
“หนังสือเล่มแรกของศรีบูรพาที่ผมอ่านคือ ‘สงครามชีวิต’ ทำให้ผมตกหลุมรักการใช้ภาษาและประทับใจงานเขียนของท่านมาตั้งแต่นั้น หนังสือเล่มนี้สะท้อนให้เราเห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด มนุษย์ก็ยังคงต้องรักษาความเป็นตัวเองและคุณค่าที่ยึดถือไว้ อีกเล่มที่ผมชอบคือ ‘จนกว่าเราจะพบกันอีก’ ซึ่งสะท้อนปรัชญาชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง ว่าทุกสิ่งล้วนไม่จีรังและคุณค่าของความสัมพันธ์อยู่ที่ความเข้าใจและยอมรับในสิ่งเหล่านั้น”
เขายังกล่าวชื่นชมถึงความทุ่มเทในการแสวงหาความรู้และการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพื่อขยายขอบเขตความคิดและนำความรู้มาใช้ในการพัฒนาสังคม “ศรีบูรพาคือต้นแบบของนักอ่านที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้ และใช้ความรู้ที่ได้มาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง” สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความกระหายในการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดของศรีบูรพา
เสน่ห์ในงานของศรีบูรพาคือ “ความตรงไปตรงมา” ในการสื่อสาร
จรูญพร ปรปักษ์ประลัย นักเขียนบทและนักวิจารณ์วรรณกรรมผู้มองเห็นรายละเอียดในงานเขียน ชี้ให้เห็นถึงกลวิธีที่ทำให้งานของศรีบูรพายังคงตรึงใจนักอ่านข้ามยุคสมัย "เสน่ห์ในงานของศรีบูรพาที่หลายคนอาจมองข้ามคือ ‘ความตรงไปตรงมา’ ในการสื่อสารกับคนอ่าน ท่านไม่ประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำจนเข้าไม่ถึง แต่ใช้ภาษาที่เรียบง่ายและสวยงามทว่าทรงพลัง เพื่อบอกเล่าความจริงที่ซับซ้อนของชีวิตและสังคมได้อย่างลุ่มลึก ทำให้คนธรรมดาๆ อย่างเราสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจอุดมการณ์อันสูงส่งของท่านได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ท่านยังคง ‘Young’ อยู่ในใจนักอ่านเสมอ"
งานเสวนา “120 ปี ศรีบูรพา Young Today” ชวนให้ระลึกถึงผลงานอันทรงคุณค่าของศรีบูรพา ตลอดจนการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลังได้อย่างสง่างาม บทเรียนจากศรีบูรพาจึงไม่ใช่แค่วรรณกรรม แต่เป็นบทเรียนของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ยึดมั่นในอุดมการณ์ และความกล้าหาญที่จะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ การนำวรรคทองจากวรรณกรรมชั้นเยี่ยมของศรีบูรพา มาถ่ายทอดลงบน “ กระเป๋าผ้าศรีบูรพา” รังสรรค์โดย PASAYA เปรียบเสมือนการชุบชีวิตให้วรรณกรรมชั้นครูยังคงความคลาสสิค และเป็นส่วนหนึ่งในฉากชีวิตประจำวันของผู้คน เพื่อให้ผลงานของศรีบูรพายังคงส่องทางให้แก่นักอ่านและนักคิดในทุกยุคสมัย
กระเป๋าผ้าศรีบูรพา Woven Art Bag กระเป๋าผ้าทอรุ่นพิเศษนี้ ออกแบบโดย พงศกร มาตกำจร จัดทำขึ้นเพื่อรำลึกครบรอบ 120 ปีศรีบูรพา พร้อมคัดเลือกวลีอมตะจากวรรณกรรมของศรีบูรพานำมาถักทอลงบนกระเป๋าผ้า เพื่อรำลึกถึง “ความรัก ความกล้าหาญ และความงามของจิตวิญญาณมนุษย์” ราคา 1,400 บาท รายได้ส่วนหนึ่งจำนวน 680 บาทต่อใบ จะถูกนำไปสนับสนุนโครงการ “ยังศรีบูรพา” (Young Sriburapha) เริ่มจำหน่ายแล้วที่ร้าน PASAYA ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ของ PASAYA ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/PASAYA.shop
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี