จากเวทีประกวด Thai Specialty Coffee Awards 2025 ในงาน Thailand Coffee Fest 2025 ที่เพิ่งปิดฉากลงไป เผยบทพิสูจน์ “กาแฟพิเศษไทย” จากเมล็ดเล็กๆ บนดอยสูง สู่ถ้วยกาแฟที่โลกต่างยกย่อง ไทยไม่ได้เป็นแค่ผู้ปลูก แต่คือผู้สร้างวัฒนธรรมกาแฟที่ “สวยงาม แข็งแกร่ง และมีหัวใจ”
ทศวรรษที่ผ่านมา วงการกาแฟไทยเดินทางไกลจากจุดเริ่มต้นที่หลายคนมองข้าม จนมาถึงวันนี้ วันที่กาแฟพิเศษไทยถูกกล่าวถึงในเวทีระดับนานาชาติ ด้วยคุณภาพที่ทัดเทียมแหล่งผลิตระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเอธิโอเปีย โคลอมเบีย หรือปานามา เบื้องหลังความสำเร็จนั้น ไม่ได้เกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง หากคือการรวมพลังของผู้คนมากมายใน ecosystem กาแฟไทย ทั้งเกษตรกรที่ตั้งใจปรับเปลี่ยนวิถีการปลูก โรงคั่วที่เรียนรู้ศาสตร์การสร้างรสชาติ บาริสต้าที่หมั่นฝึกฝน และผู้ดื่มที่ให้คุณค่ากับความใส่ใจในทุกขั้นตอน
ณัฏฐ์รดา คุณะวิวัฒนานนท์
Thai Specialty Coffee Awards 2025 บทพิสูจน์คุณภาพ
ในการประกวด Thai Specialty Coffee Awards 2025 ซึ่งจัดโดย สมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH) และจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 12ในปีนี้ มีผู้ส่งกาแฟเข้าประกวดมากถึง 351 ตัวอย่าง และที่น่าภูมิใจคือ มีถึง 61 ตัวอย่าง ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานกาแฟพิเศษระดับโลก (84 คะแนนขึ้นไป) คะแนนเฉลี่ยของกาแฟไทยเพิ่มขึ้นกว่า 2 คะแนน ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมในระดับประเทศ โดยเฉพาะในหมวด “Washed Process” และ “Natural Process” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดอ่อนของไทย แต่วันนี้กลับโดดเด่นจนกรรมการหลายคนเอ่ยปากว่า “ไม่แพ้ใครในโลก”
“กาแฟไทยไม่ได้แค่ดีขึ้นในเชิงเทคนิค แต่ดีขึ้นในมิติของวัฒนธรรม ความเข้าใจ และความเกื้อกูล เราเห็น community ที่แข็งแรง เติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่ใครคนหนึ่งล้ำหน้า แต่อยู่ในจังหวะที่เกื้อหนุนกัน” นางสาวณัฏฐ์รดา คุณะวิวัฒนานนท์ นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย กล่าว
วัลลภ ปัสนานนท์
ผู้ชนะเลิศแห่งปี สร้างความประทับใจในทุกหยด
ในปีนี้ ผู้ชนะเลิศของเวที Thai Specialty Coffee Awards 2025 ทั้งสามกระบวนการล้วนเป็นเกษตรกรจากอำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน โดย ทวนทอง หอมดอก จากหมู่บ้านปางแทกสามารถคว้ารางวัลสูงสุดได้ถึงสองประเภท ได้แก่ Washed Process ด้วยคะแนน 92.39 และ Honey Process ด้วยคะแนน 91.25 โดยทั้งสองประเภทใช้สายพันธุ์กาแฟ Geisha ที่ขึ้นชื่อเรื่องความซับซ้อนของกลิ่นหอมและรสสัมผัสอันโดดเด่น ขณะที่รางวัลชนะเลิศในประเภท Natural Process ตกเป็นของ เรวัตร ยอดอ่อน จากหมู่บ้านเทพฤทธิ์ อำเภอเดียวกัน ด้วยคะแนนสูงถึง 92.78 ซึ่งถือเป็นคะแนนที่สูงที่สุดในปีนี้ โดยใช้สายพันธุ์ Geisha เช่นกัน
ชัยชนะของทั้งสองคนไม่เพียงแสดงถึงความสามารถในการควบคุมปัจจัยการผลิตอย่างพิถีพิถันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงศักยภาพของพื้นที่เล็กๆ บนดอยสูงในภาคเหนือของไทย ที่สามารถสร้างกาแฟระดับโลกขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ การที่ผู้ผลิตจาก อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน คว้ารางวัลสูงสุดทั้ง 3 ประเภท ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างเข้มแข็ง รวมถึงศักยภาพของภาคเหนือไทยในการปลูกกาแฟคุณภาพสูงที่ควบคุมปัจจัยทุกขั้นตอนได้อย่างมืออาชีพ
“เกษตรกรไทยวันนี้ไม่ได้แค่เข้าใจวิธีการผลิต แต่ไปไกลกว่านั้นมาก พวกเขาสามารถควบคุมความชื้น อุณหภูมิ สายพันธุ์ และแม้แต่รายละเอียดของกระบวนการหมักและตากแห้งได้อย่างมหัศจรรย์ เราไม่ได้เห็นแค่กาแฟ ‘ดี’ แต่เป็นกาแฟที่ ‘มีตัวตน’ และแตกต่างอย่างมีความหมาย” แดนนี่ แปง หัวหน้าคณะกรรมการตัดสินการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟพิเศษไทย กล่าว
ทวนทอง หอมดอก
จากกาแฟหางแถว ถึงกาแฟแห่งความหวัง
นายวัลลภ ปัสนานนท์ อดีตนายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงว่า ประเทศไทยปลูกกาแฟมานานกว่า 70 ปี แต่ในอดีตแทบไม่มีใครเห็นคุณค่า “เมื่อสิบปีก่อน ไม่มีใครพูดถึงกาแฟไทยในฐานะกาแฟพิเศษ แต่มีกลุ่มคนเล็ก ๆ กล้าฝัน และเริ่มลงมือปฏิวัติวงการ ตั้งแต่การหาสายพันธุ์ใหม่ การฝึกอบรมเกษตรกร การจัดประกวด การให้ความรู้เรื่อง tasting และ cupping จนกระทั่งวันนี้ คนไทยมีแชมป์โลกกาแฟ และกาแฟไทยกลายเป็นที่ยอมรับอย่างจริงจัง”
เรวัตร ยอดอ่อน
ก้าวต่อไปจาก Specialty สู่ Identity
หลายคนอาจมองว่า “กาแฟพิเศษ” คือเรื่องของกลิ่นและรส แต่สำหรับคนในวงการ มันคือเรื่องของ ตัวตน วัฒนธรรม และจิตวิญญาณ กาแฟไทยกำลังเดินทางสู่จุดที่น่าตื่นเต้น จุดที่กาแฟไม่ใช่แค่พืชเศรษฐกิจ แต่คือ สินค้าที่สะท้อนความเข้าใจในภูมิประเทศ ทักษะของผู้คน และการร่วมมือกันในชุมชน
อีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า กาแฟไทยมีทั้ง “หัวใจ” และ “ศักยภาพ” ที่โลกควรรู้จัก เพราะกาแฟไทย...ไม่ใช่แค่ถ้วยหนึ่งของรสชาติ แต่มันคือถ้วยหนึ่งของความตั้งใจ ศักดิ์ศรี และเรื่องเล่าที่งดงามที่สุดจากภูเขาสู่เมือง ซึ่งไม่ใช่แค่รสชาติ แต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและโลก
แดนนี่ แปง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี