สัปดาห์นี้ มีเรื่องราวน่าสนใจของสวนสัตว์ในต่างประเทศ 2 แห่งมาเล่าสู่กันฟัง
เริ่มที่สวนสัตว์เมืองอัลบอร์ก (Aalborg) ทางตอนเหนือของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศที่อาจทำให้หลายคนที่ได้อ่านต้องแปลกใจ เนื่องจากเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางสวนสัตว์ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Aalborg Zoo ขอให้ประชาชนบริจาคสัตว์เลี้ยง เช่น กระต่าย ไก่ หนูตะเภา และแม้แต่ม้าขนาดเล็ก ที่พวกเขารู้สึกว่าไม่ชอบใจหรือไม่ได้ประโยชน์แล้ว ให้กับสวนสัตว์ เพื่อที่จะใช้เป็นอาหารสำหรับสัตว์นักล่าในสวนสัตว์ เช่น สิงโตเอเชีย เสือสุมาตรา และแมวป่าลิงซ์ยุโรป
สวนสัตว์เมืองอัลบอร์กอธิบายว่า แนวคิดนี้มีเป้าหมายเพื่อเลียนแบบห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติของสัตว์ป่า การให้อาหารสัตว์นักล่าด้วยสัตว์ทั้งตัว เช่น กระต่าย ไก่ หรือหนูตะเภา ช่วยให้สัตว์นักล่าได้รับสารอาหารที่ทั้งช่วยเสริมสุขภาพ และส่งเสริมพฤติกรรมตามธรรมชาติเหมือนในป่า สวนสัตว์ระบุว่า สัตว์เลี้ยงเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในอาหารของสัตว์นักล่า โดยเฉพาะแมวป่าลิงซ์ยุโรปที่ต้องการเหยื่อทั้งตัวคล้ายที่พบในป่า สัตว์ที่ได้รับบริจาค จะถูก "การุณยฆาตอย่างนุ่มนวล" โดยพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรม เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดสูญเปล่า ผู้ที่สนใจสามารถนำสัตว์มาบริจาคได้ที่สวนสัตว์ในเวลาทำการ สูงสุดคราวละ 4 ตัว และไม่จำเป็นนอกนัดหมายล่วงหน้า
นอกจากนี้ ทางสวนสัตว์เมืองอัลบอร์ก ยังขอรับบริจาค 'ม้า' ตัวเป็นๆ ด้วย ต้องเป็นม้าที่สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ผู้บริจาคม้าสามารถขอรับการลดหย่อนภาษีตามมูลค่าน้ำหนักของม้าได้ พร้อมกับเน้นย้ำว่า ภารกิจหลักของสวนสัตว์ ซึ่งเปิดตั้งแต่ปี 2478 และมีผู้เยี่ยมชมปีละกว่า 500,000 คน คือการอนุรักษ์ธรรมชาติ และการให้อาหารตามธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบนี้
ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ TV2 Nord ในปีนี้ สวนสัตว์เมืองอัลบอร์ก ได้รับบริจาคสัตว์กว่า 140 ตัว ทั้งกระต่าย ไก่บ้าน หนูตะเภา ปลาค็อด และม้า
เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้สวนสัตว์เมืองอัลบอร์กได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายในโลกออนไลน์ บางคนวิจารณ์ว่าแนวคิดนี้โหดร้ายและไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการใช้สัตว์เลี้ยงที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมาเป็นอาหารสัตว์ป่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งระบุว่า การเอาสัตว์เลี้ยงมาเป็นอาหารสัตว์ป่าเป็น "สิ่งที่ยอมรับไม่ได้" ขณะที่อีกคนเรียกแนวคิดนี้ว่า "แนวโน้มที่น่าสยดสยองของความเฉยเมยต่อสัตว์ในเดนมาร์ก" อย่างไรก็ดี หลายคนเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ชาวเดนมาร์กคนหนึ่งที่เคยไปเที่ยวสวนสัตว์นี้มา 40 ปี เผยว่า เธอต้องการบริจาคม้าที่ป่วยหนักของเธอให้สวนสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหาร แต่เนื่องจากม้าของเธอหนักกว่า 2,000 ปอนด์ ซึ่งเกินขนาดที่สวนสัตว์รับได้ เธอจึงบริจาคให้องค์กรอื่นเพื่อใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพหรือปุ๋ยแทน
เพีย นีลเซน รองผู้อำนวยการสวนสัตว์เมืองอัลบอร์ก กล่าวกับสื่อ The Guardian ของอังกฤษว่า การให้อาหารสัตว์นักล่าด้วยสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก เช่น กระต่าย ไก่ หรือม้า เป็นแนวปฏิบัติที่สวนสัตว์ทำมานานหลายปี และเป็นเรื่องปกติในเดนมาร์ก เมื่อสวนสัตว์เลี้ยงสัตว์นักล่า ก็จำเป็นต้องให้อาหารที่มีขน กระดูก และส่วนอื่น ๆ เพื่อให้ได้อาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด การให้สัตว์ที่ต้องถูกการุณยฆาตด้วยเหตุผลต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์เช่นนี้จึงสมเหตุสมผล และย้ำว่า ผู้เยี่ยมชมและพันธมิตรหลายรายของสวนสัตว์ล้วนชื่นชมและเห็นด้วยกับแนวทางนี้ของสวนสัตว์
ที่ผ่านมา มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับนโยบายของสวนสัตว์เดนมาร์กเรื่องการจัดการสัตว์ ในปี 2014 สวนสัตว์โคเปนเฮเกนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังการุณยฆาตยีราฟหนุ่มวัย 2 ปี ชื่อ "มาริอัส" ซึ่งมีสุขภาพดี แต่ถูกฆ่าเพื่อป้องกันการผสมพันธุ์เลือดชิดในฝูงยีราฟ ร่างของมาริอัสถูกใช้บางส่วนเพื่อการวิจัยและบางส่วนเป็นอาหารให้สิงโต เสือ และเสือดาวในสวนสัตว์
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา สวนสัตว์แห่งนี้ถูกวิจารณ์อีกครั้งเมื่อการุณยฆาตสิงโต 4 ตัว เพื่อเปิดทางให้สิงโตตัวผู้ใหม่เข้าฝูง เพื่อหลีกเลี่ยงการผสมพันธุ์แบบเลือดชิดเช่นกัน สะท้อนถึงแนวทางของสวนสัตว์ในยุโรป ที่มักปล่อยให้สัตว์ผสมพันธุ์ตามธรรมชาติและการุณยฆาตสัตว์ส่วนเกิน แทนการใช้ยาคุมกำเนิดเหมือนในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี แนวทางปฏิบัติดังกล่าวอาจใช้เพื่อลดความแออัดของสัตว์ในสวนสัตว์ ซึ่งบางกรณีก็นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์
สวนสัตว์เทียร์การ์เทน เนิร์นแบร์ก (Tiergarten Nürnberg) ในเมืองเนิร์นแบร์ก เยอรมนี ได้ทำการฆ่าลิงบาบูนสายพันธุ์กินี (Guinea baboons) จำนวน 12 ตัว แม้จะเผชิญการประท้วงอย่างหนักจากกลุ่มพิทักษ์สัตว์ ทางสวนสัตว์ให้เหตุผลว่าประชากรบาบูนที่เพิ่มขึ้นถึง 43 ตัว เกินกว่าความจุของสถานที่พักที่รองรับเพียง 25 ตัวและลูก ๆ ลิงทำให้เกิดความขัดแย้งภายในฝูง
สวนสัตว์ระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาได้พยายามแก้ไขปัญหาความแออัดมานาน โดยตั้งแต่ปี 2011 มีบาบูน 16 ตัวถูกย้ายไปยังสวนสัตว์ในกรุงปารีสของฝรั่งเศส ประเทศจีน และสเปน แต่สวนสัตว์เหล่านี้ก็ถึงขีดจำกัดความจุแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ การทดลองใช้การคุมกำเนิดเมื่อหลายปีก่อนไม่ประสบผลสำเร็จ จึงถูกยกเลิก สวนสัตว์ยังพิจารณาข้อเสนอรับบาบูนจากหน่วยงานอื่น แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ ส่งผลให้ตัดสินใจฆ่าบาบูน 12 ตัว โดยเลือกตัวที่ไม่ใช่ตัวเมียตั้งท้องหรือเกี่ยวข้องกับงานวิจัย และใช้วิธีการยิง
แผนการฆ่าบาบูน ถูกประกาศครั้งแรกในเดือน ก.พ. 2024 ได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มสิทธิสัตว์ เช่น Animal Rebellion และนำไปสู่การประท้วงหน้าสวนสัตว์เมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา จนสวนสัตว์ประกาศปิดให้บริการโดยอ้าง "เหตุผลด้านการปฏิบัติงาน" แต่ก็ยังมีนักกิจกรรม 7 คนบุกเข้าไปในสวนสัตว์ โดยหญิง 1 คนใช้กาวติดมือกับพื้นเพื่อประท้วง ทั้งหมดจะถูกควบคุมตัวเพียงไม่กี่เมตรจากทางเข้า
กลุ่มพิทักษ์สัตว์ เช่น สมาคมพิทักษ์สัตว์แห่งเยอรมนี ประกาศจะยื่นฟ้องร้องทางอาญาต่อสวนสัตว์ โดยมองว่าการฆ่าบาบูนที่มีสุขภาพดีเป็นการละเมิดกฎหมายคุ้มครองสัตว์ การการุณยฆาตสัตว์ในสวนสัตว์ยุโรปเป็นเรื่องปกติด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น ความแออัดหรือปัญหาสุขภาพ แต่กรณีนี้ถูกเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในปี 2557 ที่สวนสัตว์เมืองอัลบอร์กในเดนมาร์กฆ่ายีราฟวัย 2 ปีที่มีสุขภาพดีและชำแหละต่อหน้าสาธารณะ ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมาก
ทั้งนี้ สวนสัตว์เมืองเนิร์นแบร์ก กำลังเผชิญความท้าทายจากพื้นที่จำกัด ซึ่งเป็นปัญหาที่พบในสวนสัตว์หลายแห่งในยุโรป การเพิ่มจำนวนประชากรสัตว์ที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดความขัดแย้งในฝูง และสวนสัตว์อ้างว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการการุณยฆาต อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้จุดกระแสวิจารณ์ถึงจริยธรรมในการจัดการสัตว์ในสวนสัตว์ และเรียกร้องให้มีการทบทวนแนวปฏิบัติในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี