ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ ซึ่งมาพร้อมกับดัชนีรังสี UV ที่สูงเป็นประจำ สภาพอากาศนี้เองที่ทำให้คนไทยจำนวนมากต้องเผชิญกับปัญหาผิวเรื้อรังอย่าง "ฝ้าแดด" ที่เกิดจากการกระตุ้นให้ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากเกินไปเพื่อปกป้องตัวเอง

รมย์รวินท์ คลินิก (Romrawin Clinic) ผู้ให้บริการและดูแลด้านผิวพรรณและความงาม ได้ออกมาให้ความรู้และทริคสำคัญในการรับมือกับปัญหาฝ้า โดยชี้ให้เห็นว่า การป้องกันและทำความเข้าใจชนิดของฝ้าคือหัวใจสำคัญของการมีผิวที่กระจ่างใสอย่างยั่งยืน

ทำความเข้าใจ: ฝ้าแดดเกิดขึ้นได้อย่างไรในสภาพอากาศไทย?

ฝ้าแดดมีสาเหตุหลักจากรังสี UV โดยเฉพาะ UVA ที่ส่งผลกระตุ้นเม็ดสีเมลานินอย่างต่อเนื่องตลอดปี นอกจากแสงแดดแล้ว ปัจจัยเสริมอื่น ๆ เช่น ความผันผวนของฮอร์โมน (เช่น การใช้ยาคุม), ความร้อน, ความเครียด, และแม้แต่แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ล้วนเป็นตัวเร่งให้ฝ้าเกิดใหม่หรือเข้มขึ้นได้

โดยทั่วไป ฝ้าแบ่งออกเป็น ฝ้าตื้น (สีเข้ม, ขอบชัด, อยู่ในชั้นหนังกำพร้า), ฝ้าลึก (สีอ่อน/อมม่วง, รักษายาก, อยู่ในชั้นหนังแท้) และ ฝ้าผสม ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลที่แตกต่างกัน

6 ทริคดูแลผิวให้รอดจาก "ฝ้าแดด" ฉบับรมย์รวินท์ คลินิก

แม้จะอยู่ในประเทศที่แดดแรง เราก็สามารถลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดฝ้าได้ด้วยวินัยในการดูแลตัวเองตามแนวทางที่ถูกต้อง

ไม่พลาดกันแดดที่ใช่: เลือกกันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA & UVB (SPF 30–50 ขึ้นไป) และที่สำคัญที่สุดคือ ทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมง เมื่อต้องออกกลางแจ้ง ปกป้องด้วยอุปกรณ์: สวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม และแว่นกันแดด เพื่อสร้างเกราะป้องกันผิวจากแสงแดดโดยตรง

หลีกเลี่ยงช่วงเวลาทำร้ายผิว: พยายามจำกัดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลาที่แดดจัดที่สุด คือ 10.00–14.00 น.

ควบคุมตัวกระตุ้นภายใน: จัดการความเครียด และปรึกษาแพทย์หากสงสัยว่าปัจจัยด้านฮอร์โมนหรือยาที่ใช้เป็นตัวกระตุ้นฝ้า

เลือกใช้สกินแคร์อย่างอ่อนโยน: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ผลัดผิวที่รุนแรงเกินไป เพราะการอักเสบอาจกระตุ้นการสร้างเม็ดสีให้มากขึ้น

ตรวจเช็คผิวสม่ำเสมอ: หากสังเกตเห็นจุดด่างดำหรือปื้นฝ้าที่ชัดเจนขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและวิธีการดูแลที่ตรงจุด

ทางเลือกด้วยเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่:  สำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าที่ชัดเจนและฝังลึก การพึ่งพาเฉพาะการดูแลพื้นฐานอาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ หนึ่งในทางเลือกในการจัดการฝ้าฝังลึก ก็คือ โปรแกรม Nu Pico Birght ซึ่งใช้เทคโนโลยี Picosecond Laser (Pico Laser)

เทคโนโลยี Picosecond Laser ส่งพลังงานเลเซอร์ในช่วงเวลาที่สั้นมากในระดับพิโควินาที (Picosecond) จุดเด่นคือ การสลายเม็ดสีให้แตกตัวโดยอาศัยแรงกระแทกเป็นหลัก แทนการใช้ความร้อนแบบเลเซอร์รุ่นเก่า ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ผิวจะบอบช้ำหรือเกิดรอยดำหลังการรักษา (Post-Inflammatory Hyperpigmentation: PIH)

โปรแกรม Nu Pico Birght จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยจัดการกับฝ้า ฝ้าผสม จุดด่างดำ และช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น โดยใช้ระยะเวลาพักฟื้นน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกพักหน้าหรือหลบแดดเป็นเวลานาน

ข้อแนะนำสำคัญ: การดูแลผิวที่มีปัญหาฝ้าต้องเริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยประเภทของฝ้าที่ถูกต้องเสียก่อน เพื่อให้ได้รับแนวทางการดูแลทั้งด้านการป้องกันและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพผิวอย่างแท้จริง

ข้อมูลเพิ่มเติมอ่านต่อได้ที่ : https://www.romrawin.com/pico/