ภาพแห่งความสัมพันธ์ฉันมิตร ‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯ เยือนปักกิ่ง รัฐบาลจีนต้อนรับถวายพระเกียรติยศสูงสุด

ภาพแห่งความสัมพันธ์ฉันมิตร ‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯ เยือนปักกิ่ง รัฐบาลจีนต้อนรับถวายพระเกียรติยศสูงสุด

วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 13.23 น.

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13–17 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2568 ตามคำทูลเชิญของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน


 

 

 

การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีและส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนไทย–จีน อีกทั้ง ยังเป็นวาระเฉลิมฉลองครบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

 

 

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา  10.35  น.  (เวลาท้องถิ่น) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังมหาศาลาประชาชน บริเวณลานด้านทิศตะวันออก ณ ที่นั้น นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และศาสตราจารย์เผิง ลี่หยวน ภริยา พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูง สาธารณรัฐประชาชนจีน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ 

 

 

ต่อจากนั้น  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพ พร้อมด้วยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ  วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามลำดับ  ฝ่ายจีนยิงสลุต 21 นัด ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความเคารพในระดับสูงสุด ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางทหารสากลที่ใช้ในโอกาสสำคัญต่างๆ ของชาติ ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศ กราบบังคมทูลรายงานและเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงตรวจแถวทหารเกียรติยศ เป็นภาษาจีน  

 

 

 

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ไปทรงตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ  เมื่อเสด็จพระราชดำเนินผ่านแถวเด็กชาวจีนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ต่างโบกธงชาติไทย ธงชาติจีน และช่อดอกไม้  โอกาสนี้ ทรงแย้มพระสรวลและทรงโบกพระหัตถ์ทักทายเด็กชาวจีนเหล่านั้น  จากนั้น เสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพอีกครั้ง  เพื่อทอดพระเนตรการสวนสนามของกองทหารเกียรติยศและการแปรขบวนของวงดุริยางค์ทหาร  เมื่อเสร็จสิ้นการสวนสนามและการแปรขบวนดังกล่าวแล้ว  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  จึงเสด็จพระราชดำเนินเข้ายังอาคารมหาศาลาประชาชน

 

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา ดังใจความตอนหนึ่งว่า…

“ข้าพเจ้าก็ยินดีที่มีโอกาสได้มาเยือน และได้เห็นความเจริญก้าวหน้าความสวยงาม ของเมืองมีความชื่นใจภูมิใจที่ ประเทศของเราทั้งสองได้มีความสัมพันธ์ ฉันมิตรอย่างใกล้ชิด ที่สุด และได้มีการแลกเปลี่ยนและมีกิจกรรมหลายอย่าง ที่ได้ร่วมทำด้วยกัน”

 

 

 

ขณะที่ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า "การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลือกจีนเป็นประเทศแรกในการเยือนอย่างเป็นทางการ แสดงถึงความสำคัญที่ไทยให้กับความสัมพันธ์จีน–ไทย และสะท้อนถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศในแนวคิด จีน–ไทยคือครอบครัวเดียวกัน”

ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงปักกิ่ง ได้แก่ วัดหลิงกวง ศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์กรุงปักกิ่ง ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรด้านการศึกษา สถาบันเทคโนโลยีด้านอวกาศจีน ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมวิทยาศาสตร์นักบินจีน และศูนย์ควบคุมการบินอวกาศกรุงปักกิ่ง

 

 

นอกจากนี้ ยังเสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์พระราชวังโบราณ เพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการ “หมื่นมิ่งมงคลไชย สายสัมพันธ์นิรันดร: นิทรรศการโบราณวัตถุฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน” รวมทั้งทอดพระเนตรพระที่นั่งไท่เหอ

 

 

การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้ เป็นหมุดหมายสำคัญในการสืบสานมิตรภาพและความร่วมมือรอบด้านระหว่างไทย–จีน อันจะเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top