วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
คำกล่าวที่ว่า "ไทย-จีนเป็นครอบครัวเดียวกัน" ไม่ได้เป็นเพียงคำขวัญในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น หากแต่สะท้อนถึงมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างสองประเทศ ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เยือนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 13 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 ซึ่งนับเป็นการเสด็จเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์
การเยือนครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองหมุดหมายสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ แต่ยังบ่งบอกถึงการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของไทย-จีนสู่ระยะใหม่ ผู้นำจีนระบุว่า จะเสริมสร้างการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ สนับสนุนโครงการสาธารณประโยชน์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมพุทธศาสนาและอวกาศให้ลึกซึ้งขึ้น
ตลอดปีที่ผ่านมา ไทยและจีนได้ลงนามในความตกลงความร่วมมือหลายฉบับเพื่อกระชับความสัมพัมพันธ์ทวิภาคีในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อผลักดันความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด เศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาคุณภาพสูง ต่อมาในเดือนเมษายนได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) จำนวน 14 ฉบับ ครอบคลุมปัญญาประดิษฐ์ เทคโน โลยีอวกาศ เกษตรกรรม และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งล้วนช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไทยและเสริมขีดความสามารถในการแข่งชันระหว่างประเทศ
.jpg)
นอกจากนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่สองยังมีความคืบหน้าราบรื่น พร้อมให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุก่อสร้างภายในประเทศเป็นหลักสอดคล้องกับนโยบาย "ไทยต้องมาก่อน" และส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยอย่างเป็นรูปธรรม
โครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" นำประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมมาสู่ประเทศไทย ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและความร่วมมือทางการค้า โครงการรถไฟจีน-ไทยซึ่งเป็นโครงการสำคัญของความริเริ่มนี้ จะเชื่อมไทยลาว และจีนเข้าด้วยกัน เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ เวลาขนส่งสินค้าจะลดจากหลายวันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง และคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ลงอย่างน้อย 20% ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ราคาสินค้าน้ำเข้าจากจีนมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคไทยได้รับประโยชน์จากสินค้าประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือถือและเสื้อผ้าในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น แต่ยังสร้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง และกระตุ้นการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเกษตรในพื้นที่ตามแนวเส้นทาง
ข้อมูลการค้าช่วยยืนยันแนวโน้มเชิงบวกนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในปี 2024 มูลค่าการส่งออกของไทยไปจีนอยู่ที่ 11.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่มาจากผลไม้เมืองร้อน เช่น ทุเรียนและมะม่วง ซึ่งมีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีก่อน ช่วยให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นกว่า 30% ด้านการนำเข้าจากจีนส่วนใหญ่เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร รวมมูลค่ากว่า 80 พันล้านดอลลาร์ การค้ารวมระหว่างสองประเทศเติบโต 10.3% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น 13.8% นอกจากนี้ ข้อมูลระบุว่าในช่วงเก้าเดือนแรกของปี ไทยนำเช้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 11.1% เมื่อเทียบปีต่อปี
ในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ก็มีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกัน จีนให้คำมั่นว่าจะผลักดันความร่วมมือไทย-จีนสู่ "ยุคทอง" และในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 การลงทุนและมูลค่าสัญญาจากจีนในไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ช่วยเสริมพลังนวัดกรรมแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของ ไทย นอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจแล้ว โครงการนี้ยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษา เยาวชนไทยจำนวนมากเดินทางไปศึกษาต่อที่จีนเพื่อเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ และนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ ขณะเดียว กัน นักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวจีนก็เดินทางเข้าสไทยเพิ่มขึ้น ส่งเสริมความเข้าใจและการเชื่อมโยงสองทางโดยตรง
โดยสรุป โครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นหลง" ไม่เพียงสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย ทั้งในด้านโอกาสการจ้างงานที่มั่นคงขึ้น ตัวเลือกสินค้าและบริการที่หลากหลายขึ้นและความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมที่แน่นแฟ้นยิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงบวกในความร่วมมือภายใต้โลกาภิวัตน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี