​บทความพิเศษ : ‘รู้จักเรารู้จักจีน’ มณฑลและเมืองสำคัญของจีนที่เกี่ยวข้องกับไทย

​บทความพิเศษ : ‘รู้จักเรารู้จักจีน’ มณฑลและเมืองสำคัญของจีนที่เกี่ยวข้องกับไทย

วันเสาร์ ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการค้าขาย หลายมณฑลและเมืองสำคัญของจีนมีบทบาทสำคัญในการสร้างสัมพันธ์กับประเทศไทย ทั้งในด้านการลงทุน การท่องเที่ยว การค้าขาย และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม


1.กรุงปักกิ่ง (Beijing) เป็นเมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและการทูต สถานทูตไทยประจำจีนตั้งอยู่ที่นี่ และเป็นสถานที่จัดการประชุมสำคัญระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ ปักกิ่งเป็นแหล่งศึกษาสำคัญสำหรับนักเรียนไทยที่เดินทางไปศึกษาต่อในจีน มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยซิงหัว และสถาบันการศึกษาชั้นนำอื่นๆ ต้อนรับนักศึกษาไทยจำนวนมาก

2.เมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) เป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงินและการค้าระหว่างประเทศของจีน บริษัทไทยหลายแห่งได้ตั้งสำนักงานใหญ่สำหรับตลาดจีนที่เซี่ยงไฮ้ เนื่องจากเป็นเมืองที่มีระบบการเงินและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เซี่ยงไฮ้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทย ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก ย่านบันด์และย่านการค้าหลูเจียซุ่ยเป็นจุดท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ

3.เมืองฉงชิ่ง (Chongqing) เป็นหนึ่งในสี่เทศบาลนครที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน (ร่วมกับปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเทียนจิน) ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำแยงซีเกียง มีรถไฟโมโนเรลวิ่งทะลุตึก (ที่สถานีหลี่จื่อปา) และมีกระเช้าข้ามแม่น้ำ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การผลิต และการขนส่งที่สำคัญในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมหนักที่สำคัญ (เช่น ยานยนต์ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก) เคยเป็นเมืองหลวงในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (1937–1945)

4.เมืองเทียนจิน (Tianjin) เป็นหนึ่งในสี่มหานครที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของ สาธารณรัฐประชาชนจีน (ร่วมกับปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่ง) เป็นเมืองท่าที่สำคัญ และเป็นประตูสู่ปักกิ่ง รวมถึงเป็นศูนย์กลางทางการค้า การเงิน การขนส่ง และอุตสาหกรรมที่สำคัญของภาคเหนือของประเทศจีน มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยเฉพาะหลังจากที่เปิดให้มีการค้ากับต่างประเทศในปี พ.ศ. 2403 ทำให้เมืองนี้มี สถาปัตยกรรมแบบยุโรป จำนวนมากที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีเสน่ห์ของการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและจีนเข้าด้วยกัน

5.มณฑลไห่หนาน (Hainan Province) เกาะไห่หนาน หรือไหหลำ  เป็นแหล่งที่มาของชาวจีนไหหลำในไทย กลุ่มนี้เข้ามาภายหลังกลุ่มแต้จิ๋วและฮกเกี้ยน แต่ก็มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม ชาวไหหลำขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการทำอาหาร และได้นำวัฒนธรรมอาหารไหหลำ เช่น ข้าวมันไก่ และกาแฟโบราณ มาเผยแพร่ในไทยจนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ไห่หนานเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ส่งเสริมการลงทุนและการค้าเสรี

6.มณฑลฝูเจี้ยน (Fujian Province) ฝูเจี้ยน หรือฮกเกี้ยน  เป็นเมืองชายฝั่งที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองเซี่ยะเหมิน (Xiamen) และเฉวียนโจว (Quanzhou)  เป็นท่าเรือหลักในการส่งออกสินค้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่สมัยอยุธยา   

7.มณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang Province) เจ้อเจียงเป็นมณฑลที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจสูง โดยเฉพาะเมืองหางโจว (Hangzhou) ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทอาลีบาบา บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน    นักธุรกิจไทยหลายรายได้ใช้แพลตฟอร์มของอาลีบาบาในการขายสินค้าออนไลน์สู่ตลาดจีน นอกจากนี้ หางโจวยังเป็นเมืองที่มีความงดงามทางธรรมชาติ โดยทะเลสาบซีหู (West Lake) เป็นมรดกโลกที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวไทย

8.มณฑลเสฉวน (Sichuan Province) เป็นมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดในจีน โดยเมืองเฉิงตู (Chengdu) เป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนดลยีและการศึกษา มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารเสฉวนรสจัดจ้าน และเป็นบ้านของหมีแพนด้ายักษ์ อาหารเสฉวนได้รับความนิยมอย่างมากในไทย โดยเฉพาะหม่าล่าและความเผ็ดร้อนที่เป็นเอกลักษณ์ ร้านอาหารจีนเสฉวนในไทยมีจำนวนมากและได้รับการตอบรับที่ดี

9.มณฑลเหอเป่ย์ (Hebei Province) เหอเป่ย์ล้อมรอบกรุงปักกิ่งและเทียนจิน เป็นมณฑลที่มีความสำคัญทางอุตสาหกรรมและการขนส่ง เมืองซือเจียจวง (Shijiazhuang) เป็นเมืองหลวงของมณฑลและเป็นศูนย์กลางการผลิตยาและเภสัชกรรม ธุรกิจยาและอุปกรณ์การแพทย์ไทยมีการติดต่อค้าขายกับบริษัทในมณฑลเหอเป่ย์ โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด - 19

10.มณฑลเหอหนาน (Henan Province) เหอหนานเป็นมณฑลที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของจีน เมืองเจิ้งโจว (Zhengzhou) เป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำคัญ โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมโยงทุกทิศทาง เหอหนานเป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมจีนโบราณ วัดเส้าหลิน (Shaolin Temple) ตั้งอยู่ในมณฑลนี้ และเป็นจุดกำเนิดของศิลปะการต่อสู้จีนที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

11.มณฑลเจียงซู (Jiangsu) ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของประเทศจีน มีเมืองหลวงคือนครหนานจิง (Nanjing) เป็นหนึ่งในมณฑลที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในจีน มีมูลค่า GDP เป็นอันดับต้นๆของประเทศ และมี GDP ต่อหัวประชากรสูงเป็นอันดับ 1 ของจีน (ระดับมณฑล) ติดต่อกันหลายปีมีเมืองสำคัญคือ ซูโจว (Suzhou), อู๋ซี (Wuxi), หนานทง (Nantong), ฉางโจว (Changzhou), สวีโจว (Xuzhou), หยางโจว (Yangzhou) มีแม่น้ำลำคลองและทะเลสาบมากมายไหลผ่าน รวมถึงแม่น้ำแยงซี (Yangtze River) และคลองใหญ่โบราณ (Grand Canal) ทำให้เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ มีชื่อเสียงด้านเมืองริมน้ำ (Water Town) และมีมรดกทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง

12. มณฑลหูเป่ย (Hubei)  มีเมืองหลวงอู่ฮั่น (Wuhan) ซึ่งเป็นศูนย์กลางหลักด้านการขนส่ง การเมือง วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของภาคกลางของประเทศจีน ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำแยงซีเกียงตอนกลาง มีทะเลสาบและแม่น้ำจำนวนมาก มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของจีนตอนกลาง เป็นแหล่งผลิตทางการเกษตรและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่สำคัญ (ได้ชื่อว่าเป็น "ดินแดนแห่งข้าวและปลา") และมีอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง เช่น เหล็กกล้า (Wuhan Iron and Steel Corporation) และการผลิตยานยนต์ อู่ฮั่นเป็นจุดเริ่มระบาดของโรคโควิด - 19

13.มณฑลกวางตุ้ง (Guangdong Province) เป็นมณฑลที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจสูงสุดของจีน โดยเมืองกวางโจว (Guangzhou) และเซินเจิ้น (Shenzhen) เป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกที่สำคัญ นักธุรกิจไทยจำนวนมากเดินทางไปติดต่อธุรกิจและจัดหาสินค้าจากพื้นที่นี้ เมืองกว่างโจวเป็นศูนย์กลางการค้าส่งสินค้าจีนไปยังไทย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก เซินเจิ้นเป็นเมืองที่พัฒนาอย่างรวดเร็วจากหมู่บ้านชาวประมงให้กลายเป็นเมืองเทคโนโลยีระดับโลก บริษัทไทยหลายแห่งได้เข้าไปลงทุนและร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีในเซินเจิ้น ชาวจีนโพ้นทะเลเชื้อสายแต้จิ๋วจำนวนมากในไทยมีรากเหง้ามาจากเมืองซัวเถา(Shantou)ในมณฑลกวางตุ้ง

14.มณฑลส่านซี (Shaanxi) เป็นมณฑลที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน มีเมืองหลวง คือ นครซีอาน (Xi'an) ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เมืองหลวงโบราณที่ยิ่งใหญ่ของจีน และเป็นจุดเริ่มต้นทางตะวันออกของเส้นทางสายไหม (Silk Road)  มีอาณาเขตติดต่อกับมณฑลอื่นๆ เช่น ซานซี (Shanxi), เหอหนาน (Henan), หูเป่ย์ (Hubei), ฉงชิ่ง (Chongqing), เสฉวน (Sichuan), กานซู่ (Gansu) และเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย (Ningxia) รวมถึงมองโกเลียใน (Inner Mongolia) ทางเหนือ ประชากรประมาณ 39.5 ล้านคน (ข้อมูลปี 2020)   มีถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเลียม) และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะด้านการบินและอวกาศ รวมถึงอุปกรณ์สื่อสาร มีโบราณสถาน กองทัพทหารดินเผา (Terracotta Army): ตั้งอยู่ในนครซีอาน สร้างขึ้นเพื่อพิทักษ์สุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก

15.มณฑลหูหนาน (Hunan) เป็นมณฑลหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บริเวณภาคกลาง - ใต้ของประเทศ เป็นบ้านเกิดของเหมาเจ๋อตุง ที่เมืองเส้าซานเมืองหลวงชื่อฉางซา (Changsha) มีแหล่งมรดกโลก เช่น  อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน จางเจียเจี้ย (Wulingyuan, Zhangjiajie)   เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตข้าวและปลาน้ำจืดรายใหญ่ของจีน อาหารหูหนาน (Hunan Cuisine หรือ Xiang Cuisine) เป็น 1 ใน 8 ตระกูลอาหารเลิศรสของจีน และมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติที่เผ็ดร้อนและจัดจ้าน

16.มณฑลกุ้ยโจว (Guizhou) เป็นมณฑลที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เมืองหลวงชื่อนครกุ้ยหยาง (Guiyang) เป็นหนึ่งในมณฑลที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากที่สุดในจีน มีประชากรชนกลุ่มน้อยมากกว่าร้อยละ 37 ของประชากรทั้งหมด เช่น ม้ง (Miao), ปู้อี (Buyi), ต้ง (Dong) กุ้ยโจวมีชื่อเสียงด้านทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมชนเผ่าที่โดดเด่น ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการท่องเที่ยว

17.มณฑลยูนนาน (Yunnan Province) เป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน โดยมีพรมแดนจีนติดกับพม่า ลาว และเวียดนาม เมืองคุนหมิง (Kunming) เป็นเมืองหลวงของมณฑลแห่งนี้ และเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในโครงการ "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง One Belt One Road" ที่เชื่อมโยงกับไทยผ่านทางรถไฟความเร็วสูงสายจีน-ลาว ซึ่งจะขยายต่อเข้าสู่ไทยในอนาคต ยูนนานมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยมีชาวไทใหญ่ ไทลื้อ และไทดำอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้ชิดกับไทย ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประเพณีที่คล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ ยูนนานยังเป็นแหล่งผลิตชาและสินค้าเกษตรที่ส่งออกจากจีนมาสู่ตลาดไทย

18.เขตปกครองตนเองกวางซีจ้วง (Guangxi Zhuang Autonomous Region) กว่างสีจ้วงมีชายแดนติดกับเวียดนาม และเป็นเส้นทางการค้าสำคัญที่เชื่อมโยงจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองหลวงคือหนานหนิง (Nanning) เมืองกุ้ยหลิน (Guilin) ในมณฑลกวางซีเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวไทย ชาวไทจ้วงกว่า 14 ล้านคน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในกวางสีจ้วง ชาวจ้วงเป็นชนกลุ่มน้อยที่ใหญ่ที่สุดของจีน โดยเฉพาะทางตอนกลางและทางตะวันตก ชาวจ้วงมีภาษาเขียนเป็นของตนเอง  นอกจากนี้ยังมีชนกลุ่มน้อยทั้ง ม้ง และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ได้แก่ เหยา , หุย , อี๋ (โลโล) , สุย, และจิง (เวียดนาม)

19.เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xinjiang Uygur Autonomous Region) เป็นเขตการปกครองตนเองของชนชาติอุยกูร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน มีพรมแดนติดกับหลายประเทศ เช่น มองโกเลีย รัสเซีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย มีเมืองหลวงชื่อ อุรุมชี (Ürümqi) ชนชาติหลัก เป็นชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เตอร์กิชที่นับถือศาสนาอิสลาม ซินเจียงเป็นภูมิภาคที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทั้งถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และเป็นแหล่งผลิตฝ้ายและผลไม้ที่สำคัญของจีน นอกจากนี้ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซินเจียงเป็นที่จับตามองของประชาคมโลกเกี่ยวกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมและกักกันตัวชาวอุยกูร์จำนวนมากในค่ายที่เรียกว่า "ศูนย์ฝึกอาชีพ" หรือ "ค่ายกักกัน" ซึ่งรัฐบาลจีนอ้างว่าเป็นการต่อต้านการก่อการร้าย

บทสรุป

มณฑลและเมืองต่างๆ ของจีนมีบทบาทสำคัญในการสร้างสัมพันธ์กับไทยในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การค้าขาย การลงทุน การท่องเที่ยว ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม     ความเข้าใจในลักษณะเฉพาะและจุดเด่นของแต่ละมณฑลจะช่วยให้การสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและจีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

โดย อาทร จันทวิมล

ขอบคุณภาพจาก เพจเฟสบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย , www.xinhuathai.com , wikipedia

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top