วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การอพยพชาวจีนหลายล้านคนออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ ช่วงพ.ศ 2493-2503 ของชนชั้นกลาง พ่อค้า นักวิชาการ และผู้มีฐานะ เพื่อหนีภัยคอมมิวนิสต์ เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้ทั่วโลก คนจีนนับล้านพากันละทิ้งบ้านเกิดและทรัพย์สินเพื่อแสวงหาชีวิตใหม่ภายใต้ความหวังของเสรีภาพ เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) นำโดยเหมา เจ๋อตง ได้ชัยชนะเหนือพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
ทำไมจึงหนี? – ความหวาดกลัวและวิกฤต สาเหตุหลักที่ทำให้ชาวจีนจำนวนมากต้องอพยพหนีออกจากแผ่นดินใหญ่คือ ชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ที่นำโดยเหมา เจ๋อตุง เหนือพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ในสงครามกลางเมืองจีน และการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ในปี พ.ศ. 2492 ค.ศ. 1949
ผู้ที่อพยพส่วนใหญ่คือกลุ่มบุคคลที่รู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญกับภัยคุกคามภายใต้ระบอบการปกครองใหม่ ผู้สนับสนุนพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ทหาร ข้าราชการ และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ROC) ชนชั้นกลางและชนชั้นสูง เจ้าของที่ดิน ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และผู้มีทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งถูกมองว่าเป็น "ผู้เอารัดเอาเปรียบ" และเสี่ยงต่อการถูกริบทรัพย์และลงโทษปัญญาชน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ หรือผู้ที่ยังคงยึดมั่นในปรัชญาและศาสนาจีนโบราณ ซึ่งถูกกวาดล้างในช่วง การปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) ในเวลาต่อมา รวมทั้งความอดอยากและวิกฤตเศรษฐกิจ นโยบายบริหารประเทศที่ผิดพลาด เช่น "การก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้า" (Great Leap Forward) พ.ศ. 2502-2504 ที่นำไปสู่ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ ระบบการผลิตเกษตรกรรมแบบคอมมูนล่มสลายทำให้ผู้คนนับสิบล้านคนเสียชีวิตจากความอดอยากและต้องหาทางหนีตาย
การอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นในหลายช่วงเวลา โดยมีช่วงสำคัญคือ:
1.คลื่นลูกแรก พ.ศ. 2488-2593 ค.ศ. 1945 - 1950 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปลายสงครามกลางเมือง ระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นช่วงที่การสู้รบใกล้จะสิ้นสุด และพรรคก๊กมินตั๋งกำลังพ่ายแพ้ คนจำนวนมาก โดยเฉพาะทหารและข้าราชการ ก๊กมินตั๋ง กว่า 2 ล้านคน อพยพหนีออกไปก่อนการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน PRC อย่างเป็นทางการ (1 ตุลาคม พ.ศ. 2492)
2.ช่วงที่สอง พ.ศ. 2493-2503 ค.ศ. 1950-1960: หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์เข้ายึดครองแผ่นดินใหญ่ ผู้ที่ยังหลงเหลือและถูกคุกคามพยายามลักลอบหนีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงพ.ศ. 2493-2495 ที่มีการปราบปรามเจ้าของที่ดินและนายทุน ช่วง พ.ศ. 2501-2503 ที่มีการต่อต้านพวกขวาจัด (Anti-Rightist Campaign) ช่วงพ.ศ. 2501-2505 มหากระโดดไปข้างหน้า (Great Leap Forward) ที่นำไปสู่การอดอยากครั้งใหญ่
ช่วงที่สาม พ.ศ. 2509-2513 ระหว่างการปฏิวัติวัฒนธรรม เพื่อขจัด “สี่ล้าหลัง”คือประเพณีวัฒนธรรม นิสัย และความคิดดั้งเดิมที่ล้าหลัง(Old Customs, Old Culture, Old Habits, Old Ideas ) ที่ถูกมองว่าขัดต่อหลักการสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์ โดยกลุ่มเยาวชนแดง Red Guards ออกทำลายวัด สัญลักษณ์ทางศาสนาขงจื๊อ และทำการ "จับกุม ปลุกปั่น และสังหาร" ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นศัตรูทางชนชั้น, ปัญญาชน, ข้าราชการระดับสูง, หรือผู้มีแนวคิดต่าง ทำให้ เศรษฐกิจหยุดชะงัก ระบบการศึกษาล่มสลายเนื่องจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยปิดทำการ ปัญญาชนและครูถูกส่งไปใช้แรงงานในชนบท เกิดความวุ่นวายทางสังคม มีผู้เสียชีวิตหลายแสนหรือหลายล้านคน เกิดการทำร้ายร่างกาย การข่มเหง และการฆ่าตัวตายของเหยื่อทางการเมืองและปัญญาชน
ช่วงที่สี่ พ.ศ. 2513-2523 หลังการเปิดประเทศในยุคเติ้งเสี่ยวผิง ยังมีการอพยพอย่างต่อเนื่องแต่ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ
ทำไมจึงหนี?
• ภัยทางการเมือง: กลัวการปราบปรามจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะผู้เกี่ยวข้องกับพวกก๊กมินตั๋ง เจ้าหน้าที่รัฐบาลเดิม และนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามถูกมองว่าเป็น "ศัตรูของประชาชน" ถูกประหารชีวิต จำคุก หรือส่งไปค่ายแรงงานแก้ไขความคิด (Laogai)
• การยึดทรัพย์: รัฐบาลใหม่ยึดกิจการเอกชนและที่ดิน ทำให้พ่อค้าและเจ้าของกิจการถูกตราหน้าว่าเป็น "ชนชั้นกดขี่" การยึดที่ดิน โรงงาน ร้านค้า และทรัพย์สินส่วนตัวโดยไม่มีค่าชดเชย เจ้าของที่ดินหลายคนถูกประหารชีวิตในการชุมนุม "ศาลประชาชน" (People's Court) นักธุรกิจและพ่อค้าถูกบังคับให้ "บริจาค" ทรัพย์สินให้รัฐ
• อุดมการณ์ต่างกัน: หลายคนไม่เห็นด้วยกับลัทธิคอมมิวนิสต์ เพราะขาดเสรีภาพ มีการควบคุมอย่างเข้มงวด เช่นควบคุมการเดินทาง ไม่สามารถย้ายที่อยู่อาศัยได้โดยเสรี เซ็นเซอร์สื่อและข้อมูลข่าวสาร ขาดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ชีวิตประจำวันถูกควบคุมผ่านระบบ "หน่วยงาน" (danwei)
• การทำลายการทำลายวัฒนธรรมดั้งเดิม ห้ามประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีดั้งเดิม ทำลายวัด ศาสนสถาน สิ่งของเก่า ความคิดเก่า วัฒนธรรมเก่า และประเพณีเก่า
จุดหมายปลายทางหลักของการอพยพสามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ คือ:
• ไต้หวัน (Taiwan): คือจุดหมายปลายทางหลักของการอพยพครั้งใหญ่ (The Great Retreat) ในช่วงปี 1949 โดยทหาร ข้าราชการ และผู้สนับสนุนพรรคก๊กมินตั๋งรวมกันกว่า 1 ล้านคน ได้อพยพไปยังเกาะไต้หวัน และได้ก่อตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ROC) ภายใต้การนำของประธานาธิบดีเจียงไคเชค โดยนำทองคำสำรองและสมบัติมีค่าไปด้วย
• ฮ่องกงและมาเก๊า (Hong Kong and Macao): กลายเป็นจุดพักพิงสำคัญของพ่อค้าและชนชั้นกลาง เนื่องจากเป็นอาณานิคมของอังกฤษและโปรตุเกส ตามลำดับ คาดว่ามีชาวจีนกว่า 1 ล้านคน อพยพเข้าสู่ฮ่องกง-มาเก๊า ในช่วงต้นของภัยคอมมิวนิสต์
• เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia): ประเทศต่าง ๆ เช่น ไทย (ถึงแม้ว่าชาวจีนในไทยส่วนใหญ่อพยพมานานก่อนยุคคอมมิวนิสต์ แต่ก็มีกลุ่มที่เข้ามาในช่วงนี้ด้วย) เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, และฟิลิปปินส์
• ประเทศตะวันตก: สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ ในยุโรป เป็นพวกนักวิชาการ นักธุรกิจ
การอพยพเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและอันตราย:
• ทางเรือ พ.ศ. 2492 มีการอพยพจัดโดยรัฐบาลก๊กมินตั๋ง โดยใช้เรือรบขนส่งทหารและเรือประมงหลายร้อยลำจากเซี่ยงไฮ้ กวางโจว ไปเกาะไต้หวัน
• ทางบก/ทะเล (สำหรับฮ่องกงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้): ผู้คนจำนวนมาก โดยสารเรือ รถไฟ เครื่องบิน เดินเท้า ข้ามภูเขา และว่ายน้ำข้ามพรมแดน จาก เซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ ไปยังฮ่องกง เวียดนาม ลาว หรือพม่า แล้วเข้าสู่ไทย
• การหอบหิ้วทรัพย์สิน: ผู้ที่พอมีฐานะจะพยายามนำทองคำ เงินตรา หรือวัตถุมีค่าติดตัวมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
• การหลบหนีในภายหลัง: หลังปี 1949 การอพยพถูกจำกัดอย่างเข้มงวด การหนีจึงเป็นการ ลักลอบเข้าเมือง โดยเสี่ยงต่อการถูกจับกุมและลงโทษอย่างหนัก
การเริ่มต้นชีวิตใหม่
เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ผู้อพยพส่วนใหญ่ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความยากลำบาก แต่ด้วยความมุมานะและทักษะที่ติดตัวมา พวกเขาก็ได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ใหม่:
• ไต้หวัน: ทหารและข้าราชการ KMT ได้ก่อตั้งรัฐบาล ROC และกองทัพขึ้นใหม่ เพื่อรักษาอุดมการณ์จีนเสรีและวางรากฐานการพัฒนาประเทศ
• ฮ่องกง: ผู้อพยพจำนวนมากกลายเป็นแรงงานราคาถูกในโรงงานสินค้าส่งออก งานก่อสร้าง บริการ สิ่งทอ อิเลกทรอนิกส์ พลาสติก ช่วยให้ฮ่องกงก้าวขึ้นเป็นโรงงานการผลิต ศูนย์กลางทางการค้าและการเงินของโลก
• เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศตะวันตก: ผู้อพยพจำนวนมากใช้ความรู้ ทักษะ และเครือข่ายในการก่อตั้งธุรกิจ เปิดร้านอาหาร ร้านขายของชำ หรือธุรกิจนำเข้า-ส่งออก และกลายเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนชาวจีนโพ้นทะเล (หัวเฉียว) ในประเทศนั้น ๆ
การอพยพของคนจีนหนีภัยคอมมิวนิสต์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวการหนีภัยทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นประวัติศาสตร์บาดแผล ของผู้คนจำนวนมากที่ต้องพลัดถิ่น ข้ามพรมแดนวัฒนธรรม และต่อสู้เพื่อค้นหา "บ้าน" และ "ตัวตน" ใหม่ในโลกที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
โดย อาทร จันทวิมล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี