ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับคนเขมร หยั่งรากลึกมานานกว่าพันปีตั้งแต่ยังไม่มีการตั้งประเทศ ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีชายคาแนบชิดติดกัน ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมกันค้นหาวิธีการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสร้างสรรค์ แทนที่จะหาเรื่องแก่งแย่งชิงดี เหมือนเด็กทะเลาะกันหรือหมากัดกัน เพราะชัยชนะที่ได้มานั้นอาจต้องแลกด้วยมิตรภาพพันปี ซึ่งมีค่ามากมายกว่าเงินทองหรือก้อนหินโบราณบนผืนดินเพียงไม่กี่ตารางกิโลเมตร
กองเกวียนขนเกลือ: ทูตพันปีจากทุ่งกุลาร้องไห้ถึงโตนเลสาบ
กว่าสามพันปีที่แล้ว ก่อนการแบ่งเขตแดนแบบสมัยใหม่เป็นประเทศไทยและกัมพูชา กองเกวียนจากทุ่งกุลาร้องไห้ และบ้านธารปราสาท ได้เดินทางผ่านทางเกวียนอย่างช้าๆ ไปยังหมู่บ้านริมทะเลสาบของเขมร เพื่อแลกเปลี่ยนเกลือสินเธาว์และเครื่องใช้เหล็ก กับปลาร้าและผ้าไหม สายสัมพันธ์การค้าแบบเรียบง่ายของชาวบ้านในยุคนั้นเต็มไปด้วยน้ำใจไมตรี
ราชมรรคา: เส้นทางแห่งอารยธรรม
ถนนดินและสะพานหินระยะทางราว 254 กิโลเมตร จากพิมายสู่นครวัด คือสายใยเศรษฐกิจและศรัทธาที่เคยหล่อเลี้ยงสองแผ่นดิน ราชมรรคาไม่ใช่เป็นแค่ถนนโบราณของกองเกวียน แต่เป็นเครือข่ายที่เชื่อมประสานวัฒนธรรม เทคโนโลยี ศาสนา และจิตใจของผู้คนสองแผ่นดินเข้าไว้ด้วยกัน คล้ายกับอินเทอร์เน็ตและสายการบินในปัจจุบัน
ปราสาทหิน: สมบัติของคนที่ตายไปแล้ว
ปราสาทพิมายในประเทศไทย ปราสาทนครวัดในกัมพูชา และปราสาทหินอโรคยาศาลต่างๆ ในสุวรรณภูมิ ล้วนเป็นมรดกของมนุษยชาติ ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของแท้จริง เพราะผู้สร้าง คือกษัตริย์ราชวงศ์มหิธรปุระ เช่น พระเจ้าสุริยวรมันและชัยวรมัน ได้ล่วงลับสูญสิ้นล่มสลายตายไปหมดสิ้นแล้ว เมื่อราวพ.ศ. 1833 ด้วยการปฏิวัติยึดอำนาจของพวกทาสและชาวนาเขมร ที่นำโดยพระเจ้าแตงหวาน ต้นราชวงศ์ตรอซ็อกผแอม ซึ่งใช้หอกพุ่งสังหารพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ โดยยุติการสร้างปราสาทหินอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ คนในอดีตอย่างชาวสยามโบราณและขอมโบราณ เช่น ขอมสบาดโขลญลำพง ที่สุโขทัย พิมาย ลพบุรี หรือ พวกเขมรป่าดง ที่ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เกาะกง ละแวก และพระนคร ก็ได้แยกออกเป็นคนไทยและคนเขมรไปหมดสิ้น เช่นตระกูลชิดชอบ หรือ ตระกูล เตียบัน
ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของปราสาทหินอันแท้จริง เพราะผู้ที่อ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของปราสาทหินโบราณเหล่านี้ ก็ เปรียบได้กับ คนล้างส้วม หรือหมาเฝ้าบ้าน หรือปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ของคนที่ตายไปแล้วเท่านั้น ถ้าจะเอาสมบัติคนตายไปขายหรือให้เช่า ก็จะมีความผิดฐานลักทรัพย์
พระพุทธศาสนา: เสาหลักแห่งศรัทธาร่วม:
พุทธศาสนาในไทยและกัมพูชายึดหลัก พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) และ อริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) เช่นเดียวกัน วัดหลายแห่งตามแนวชายแดนเคยเป็นที่รองรับพักพิงผู้ลี้ภัย เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนพระภิกษุ และเป็นเวทีสวดมนต์ข้ามพรมแดน ในวันนี้ ศรัทธาเหล่านี้ยังคงพร้อมที่จะเป็น “ทูตธรรมะ” แห่งสันติภาพ
ราชวงศ์จักรี–ราชวงศ์ตระซ็อกประแอม: ความผูกพันในราชสำนัก
เมื่อการเมืองเขมรปั่นป่วนวิกฤติในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ กษัตริย์เขมรหลายพระองค์ เช่น สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณ (นักองค์เอง) และสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดีฯ (นักองค์ด้วง) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี ได้เสด็จฯ ลี้ภัยมายังกรุงเทพฯ และทรงได้รับการอุปถัมภ์ดูแลอย่างดีจากกษัตริย์ราชวงศ์จักรี สมัยรัชกาลที่ 1 และ 3 ก่อนจะกลับไปขึ้นครองราชย์ที่กรุงกัมพูชา ความสัมพันธ์นี้สะท้อนว่ากรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นแค่เมืองหลวง แต่ยังเคยเป็น "วังหลังที่สอง" ของราชวงศ์เขมร นี่คือพลังแห่งมิตรภาพที่ถักทอเป็นสายเลือดทางประวัติศาสตร์
แรงงานเขมรในประเทศไทย: ทำงานที่คนไทยไม่ชอบทำ
มีคนกัมพูชาเข้ามาทำงานในประเทศไทยกว่าหนึ่งล้านคน นำเงินส่งกลับไปให้ครอบครัวเป็นจำนวนมาก ชาวเขมรเหล่านี้ได้เป็นกำลังทำงานหนักที่คนไทยทั่วไปไม่ชอบทำ ที่ ปราจีนบุรี สมุทรสาคร บุรีรัมย์ และกรุงเทพฯ เช่น งานก่อสร้าง งานในโรงงาน งานทำความสะอาด หากแรงงานเขมรเหล่านี้เดินทางกลับประเทศตามคำเรียกร้องของผู้นำ ผู้ประกอบการไทยก็จำเป็นต้องหาคนงานทดแทนจาก ลาว พม่า หรือบังคลาเทศ
นักศึกษาเขมรในไทย: ทูตทางปัญญารุ่นใหม่
ในปัจจุบัน เยาวชนกัมพูชาจำนวนมากเข้ามาศึกษาในสถาบันการศึกษาไทย พวกเขาคือสะพานแห่งความเข้าใจสมัยใหม่ และจะเป็นผู้ที่กลับไปสร้างสังคมเขมรที่เห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมกับไทยด้วยวิถีแห่งสันติและความเคารพ
ตลาดชายแดน: มิตรภาพปลากระป๋อง
ตลาดชายแดน โรงเกลือ ช่องจอม ช่องสายตะกู ปอยเปต ถึงบ้านผักกาด คือ "สถานทูตของประชาชน" บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง เบียร์ และบุหรี่ไทย คือสัญลักษณ์แห่งน้ำใจจากฝั่งไทยสู่ชาวกัมพูชา ความสัมพันธ์นี้เป็นเรื่องจริงยิ่งกว่านโยบายทางการทูตใดๆ
พระราชินีไทยทรงช่วยผู้ลี้ภัยเขมร
ในยุค "ฆ่าล้างโคตร" และ “ทุ่งสังหาร” ของเขมรแดง ช่วงพ.ศ. 2522 ถึง 2528 ค่ายผู้ลี้ภัย "เขาอีด่าง ที่สระแก้วและ เขาล้าน ที่จังหวัดตราด " กลายเป็นหลุมหลบภัยของชาวกัมพูชากว่าหนึ่งแสนคน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ของประเทศไทย เสด็จฯ ไปทรงช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวเขมรด้วยพระองค์เอง พระราชทานความช่วยเหลือด้านอาหาร ยา และการรักษาพยาบาล
ลูกเสือ อาเซียน และละครโทรทัศน์ไทย
จากเวทีลูกเสือโลกที่เด็กไทยและเขมรร้องเพลงเดียวกัน กลุ่มประเทศสมาชิกวัฒนธรรมอาเซียน ไปจนถึงละครโทรทัศน์ไทย "บุพเพสันนิวาส" ที่โด่งดังในกัมพูชา สิ่งเหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับกัมพูชาได้อย่างดียิ่ง
ฮุน มาเน็ต–แพทองธาร : มิตรภาพส่วนตัว
สายสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัว ตระกูลฮุนกับตระกูลชินวัตร เป็นประตูสู่มิตรภาพรุ่นใหม่ ซึ่งหากใช้อย่างระมัดระวัง สามารถกลายเป็น "การทูตแบบไม่เป็นทางการ" ที่ลดแรงเสียดทานระหว่างรัฐต่อรัฐได้ แต่หากใช้อย่างผิดจังหวะ ไม่ถูกวิธีก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ที่เพิ่มแรงปะทะได้
ข่าวลือ: ระเบิดที่ไร้เสียง
กรณีเผาสถานทูตไทยในปี พ.ศ. 2546 เกิดจากข่าวปลอมที่ไม่จริงเรื่องดาราไทยอ้างว่านครวัดเป็นของไทย ส่วนข่าวลือที่ไม่จริงเรื่อง การขับแรงงานเขมรกลับประเทศ การห้ามส่งน้ำมันผ่านแดน และการปิดด่านพรมแดนไทยเขมร ล้วนสร้างความวุ่นวายไปทั่วประเทศกัมพูชา
กรณีสามปราสาท: ความร้าวฉานที่ไม่รู้จบ
ข้อพิพาทเรื่องปราสาทอาจจบลงในศาลโลก โดยฝ่ายไทยอาจพ่ายแพ้ต้องยกสามปราสาทให้เขมร แต่เหตุดังกล่าวจะทำให้ไทยกับเขมรโกรธกันต่อไปอีกเป็นร้อยปี เหมือนกรณีเขาพระวิหารที่คนไทยไม่ลืมเลือน
อาวุธแปลกๆ ของไทยและเขมร เช่น การเรียกแรงงานเขมรกลับบ้าน การห้ามผักผลไม้ไทยผ่านแดน การห้ามคนไทยไปเล่นการพนัน การปิดพรมแดน การหยุดขาย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง เบียร์ และน้ำมันดีเซล อาจกลายเป็นสิ่งที่ทำลายล้างได้มากกว่า ระเบิดนาปาล์ม
ขอให้ช่วยกันคิดว่า "ไทยกับเขมรจะสานสายสัมพันธ์พันปี แล้วอยู่ร่วมกันด้วยหัวใจ ไม่ใช้อาวุธ ได้อย่างไร?"
โดย สุริยพงศ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี