วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปลัดกระทรวง อว. ลงพื้นที่ “ห้วยแถลง - จักราช” จ.นครราชสีมา ชู “วิจัยติดดิน กินได้” มอบ “มทส. - มรภ.นครราชสีมา - มทร.อีสาน” พร้อมหน่วยงานวิจัยในพื้นที่นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีช่วยพี่น้องประชาชนทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม พัฒนาทักษะอาชีพเพื่อทำให้นครราชสีมาก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรม” ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
15 ธันวาคม 2568 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) พร้อมผู้บริหาร อาทิ น.ส.วราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัด อว. นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี รักษาการรองปลัด อว.และผู้บริหารหน่วยงานกระทรวง อว.ลงพื้นที่วัดหลุ่งประดู่ อ.ห้วยแถลง และวัดป่าหนองบัวเกาะเพชร อ.จักราช จ.นครราชสีมา เพื่อติดตามผลการขับเคลื่อนงานด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมหรือ อววน. ว่าได้ถึงมือพี่น้องประชาชนแล้ว โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานในพื้นที่ให้การต้อนรับ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการนำนิทรรศการนวัตกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทุกหน่วยงานในกระทรวง อว. มาจัดแสดงพร้อมมีการออกหน่วยจากสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาให้บริการทางการแพทย์และด้านสุขภาพแก่ประชาชนที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวเปิดงานว่า กระทรวง อว. มีมหาวิทยาลัยในการดูแลถึง 154 แห่งทั่วประเทศ เฉพาะจังหวัดนครราชสีมาก็มีหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส.) มหาวิทยาลัยราชภัฎฺ(มรภ.) นครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชงคล(มทร.)อีสานรวมทั้งหน่วยงานวิจัยอีกหลายแห่งที่จะมาช่วยพี่น้องประชาชนโดยการนำ อววน.มาช่วยทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม อาชีพ สุขภาพ การพัฒนาทักษะอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยตลอดสองเดือนที่ผ่านมา กระทรวง อว.ได้ขับเคลื่อนนโยบาย Quick Win เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ประชาชนจับต้องได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุม 5 ด้านสำคัญ กลุ่มแรก “วิจัยติดดิน กินได้” โครงการ “โดรนคนละครึ่งพลัส สู่สมาร์ทฟาร์มมิ่ง” ที่ช่วยเกษตรกรลดต้นทุน ลดแรงงาน ลดเวลา และลดความเสี่ยงจากสารเคมี เป็นการนำนวัตกรรมลงสู่ไร่นาอย่างแท้จริง กลุ่มที่สอง “วิทย์พิชิตภัย” นำเทคโนโลยีชั้นสูง ทั้งดาวเทียม THEOS ระบบThaiWater และ GeoAI มาตรวจจับ ชี้พิกัด และเตือนภัยน้ำท่วมได้อย่างแม่นยำ พร้อมบูรณาการการช่วยเหลือผ่านระบบ Traffy Fondue เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงไม่ตกหล่น
ปลัด อว.กล่าวต่อว่า กลุ่มที่สาม “มหาวิทยาลัยสีเขียว สู่ Net Zero ปี 2050” ผ่านโครงการ “จากครัว…สู่เครื่อง” สนับสนุนมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้ว มาผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยาน กลุ่มที่สี่ “Upskill–Reskill ครั้งใหญ่” มอบโอกาสใหม่ให้ผู้ตกงานและแรงงานไทยได้เสริมทักษะสำคัญผ่านมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัย และระบบออนไลน์ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ตลาดงานยุคใหม่และกลุ่มที่ห้า “AI love U: เร่งพลังอนาคตไทย” ยกระดับการเรียนการสอนด้าน AI ในมหาวิทยาลัย สนับสนุนภาคธุรกิจด้วย “AI คนละครึ่ง” และขยายผลระบบ “AI Chest X-ray” เพื่อคัดกรองสุขภาพปอดประชาชนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
“ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยพลังของ อววน. และความร่วมมือของชาวโคราช จะสามารถทำให้จังหวัดนครราชสีมาก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรม” ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พร้อมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน” ศ.ดร.ศุภชัย กล่าว

ด้านนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมา มีเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด มุ่งสู่การเป็นมหานครแห่งโอกาสการสร้างสรรค์นวัตกรรม เกษตร อุตสาหกรรม ท่องเที่ยวและกีฬา ก้าวสู่สังคมคุณภาพสูง และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ถือเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมทั้งด้านทรัพยากรมนุษย์ กลไกการพัฒนา และสถาบันอุดมศึกษาที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่จำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิตของประชาชน ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมามีความพร้อมอย่างยิ่ง ที่จะบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวง อว. และทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม และส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน
จากนั้น ศ.ดร.ศุภชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวง อว.ได้นำวิทยาศาสรร์ วิจัยและนวัตกรรมมาช่วยประชาชนในพี้นที่ต่างทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การนำผลผลิตทางธรรมชาติมาเพิ่มมูลค่า และมีการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ อย่าง จ.นครราชสีมา ก็จะมี มทส. - มรภ.นครราชสีมา - มทร.อีสาน ซึ่งมีภารกิจบริการทางวิชาการให้กับประชาชน เอาความรู้ที่มีมาช่วยพี่น้องประชาชนซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยในพื้นที่จะเข้าใจประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการอะไรและเอาความรู้ที่มีมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตามตนจะขอให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่นำงานวิจัยาช่วยพี่น้องประชาชนให้มากขึ้นตามนโยบายวิจัยติดดิน กินได้
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี