(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
สถานการณ์ทางการออมของสังคมไทย การออมยังเป็นสภาพปัญหาของสังคมไทย เนื่องด้วยประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอิสระ หรือ จัดอยู่ในกลุ่มแรงงานนอกระบบ ประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดความตระหนักถึงความสำคัญของการออม ประกอบกับสังคมไทยเป็นสังคมแบบหลวม (Loose Society) คุ้นเคยกับความเป็นอยู่แบบง่ายๆ ชอบความสะดวก ความสบาย ความสนุกสนาน ขาดวินัย ไม่มองการณ์ไกล ขาดการวางแผนรองรับอนาคต ประกอบกับครอบครัวสังคมไทย เป็นครอบครัวใหญ่ มีบุตรหลายคน มีความคิดว่าบุตรหลานสามารถพึ่งพิงได้ในยามวัยชรา การออมในสังคมไทย จึงเป็นประเด็นปัญหาที่สำคัญ
จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ วัยแรงงานร้อยละ ๔๐ ไม่มีการออมเพื่อวัยเกษียณ ผู้สูงอายุ ร้อยละ ๖๔.๕ไม่มีเงินออม การออมของครัวเรือนเฉลี่ยต่อเดือน ลดลงจาก ๕,๗๕๘ บาท ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็น ๕,๐๗๖ บาท ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ หนี้สินครัวเรือน เพิ่มจาก ๑๕๖,๗๗๐ บาท เป็น ๑๗๗,๑๒๘ บาท ในช่วงเวลาเดียวกัน
จากรายงานผลการศึกษาของ Deloitte & Touche Consulting Group พบว่า มีเพียงกลุ่มข้าราชการที่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญแบบเดิม และ กบข. ที่มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพหลังเกษียณที่ ร้อยละ ๕๐-๗๐ ของเงินเดือนสุดท้าย ส่วนกลุ่มที่มีเงินได้ในกลุ่มการออมแบบอื่น มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพหลังวัยเกษียณ มีความเสี่ยงอยู่ในภาวะยากจน และข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ รัฐใช้งบประมาณด้านการชราภาพ รวม ๒.๙๑ แสนล้านบาท และ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ต้องใช้งบประมาณ ๓.๑๘ แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๒ ต่อปี ในปีพ.ศ.๒๕๕๗ บริษัทกลุ่มอลิอัลซ์ จัดทำดัชนีความยั่งยืนของระบบบำนาญ (The Allianz Pension Sustainability Index : PSI) พบว่าประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ต่ำสุดของเอเชีย และ ของโลก จาก ๕๐ ประเทศ
ข้อพิจารณาต่อปัญหาการออมของสังคมไทยการออมของประชาชนส่งผลต่อการดำรงชีวิต อย่างมีคุณภาพในวัยเกษียณ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ งบประมาณและการคลังของประเทศ ภาครัฐและทุกภาคส่วนสังคมต้องตระหนักและให้ความสำคัญ ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจ รณรงค์ กระตุ้นให้ประชาชน ทุกภาคส่วนสังคม ตระหนักและตื่นตัว รัฐบาลต้องกำหนดนโยบาย ตลอดจนมาตรการต่างๆ ให้ชัดเจน เช่น การลงทุนเพื่อการออมของประชาชนในทุกระดับรายได้ ควบคู่กับมาตรการทางภาษี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบการออม ทั้งภาครัฐและเอกชน ประสานงานกัน ตลอดจนบูรณาการ
การดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้ระบบการออมของประเทศบรรลุวัตถุประสงค์ อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
(๓) มาตรการทางภาษี
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่นประเทศในยุโรป ประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย รัฐบาลกำหนดอัตราภาษีสูงมาก เพื่อเป็นรายได้ภาครัฐมาจัดสวัสดิการให้กับประชาชนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นปัญหาภาวะทางสังคมทั่วโลก ประเทศเหล่านี้ซึ่งจัดว่าเป็นรัฐสวัสดิการ จึงไม่ค่อยประสบปัญหาการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ แตกต่างจากประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย รวมทั้งประเทศไทยซึ่งกระทรวงการคลัง ได้กำหนดมาตรการต่างๆ ทางภาษีเพื่อกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ นับตั้งแต่สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหลายมาตรการ ดังนี้
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนรายได้ผู้สูงอายุ มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีอายุ ๖๕ ปี ขึ้นไป ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับดอกเบี้ยธนาคาร ประเภทฝากประจำ ผู้มีอายุ ๕๕ ปี บริบูรณ์ ลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับผู้อุปการะบิดา-มารดา ยกเว้นภาษีบำเหน็จดำรงชีพ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้เงินกองทุน ยกเว้นภาษีเงินได้ผู้บริจาคให้กองทุนผู้สูงอายุ และยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่นายจ้างที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งรับผู้สูงอายุที่มีอายุหกสิบปีขึ้นไปเข้าทำงาน
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมเพื่อการชราภาพ มาตรการลดหย่อนเงินสมทบที่จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมฯ ลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ลดหย่อนเงินที่จ่ายเป็นเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพฯ ลดหย่อนเงินที่จ่ายเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญฯ ลดหย่อนเงินที่จ่ายเป็นเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญฯ ลดหย่อนเงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ลดหย่อนเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ครูฯ ลดหย่อนเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
มาตรการภาษีเพื่อการส่งเสริมการดูแลสุขภาพและการประกันชีวิต มาตรการลดหย่อนเงินสมทบที่จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับบุตรที่จ่ายเบี้ยประกันภัยสำหรับบิดามารดาฯ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินที่จ่ายเป็นเบี้ยประกันชีวิต
แผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม ประเด็นปฏิรูปที่ ๑ การปฏิรูปการออม สวัสดิการสังคม และการลงทุนเพื่อสังคม โดยวิธีการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ส่วนหนึ่งคืนให้กับผู้เสียภาษี ตามเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อเป็นการออมของผู้เสียภาษีจนอายุครบ ๖๐ ปี ทั้งนี้กำหนดให้มีกฎหมาย ภายใน ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นการออมโดยตรงให้กับประชาชน
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร.๐๒-๘๓๑ ๙๒๒๕-๖ โทรสาร๐๒-๘๓๑ ๙๒๒๖
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี