อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) หรือ 1 ในกลุ่มโรค “ภาวะสมองเสื่อม” ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบคือ อลอยส์ อัลซไฮเมอร์ (Alois Alzheimer) จิตแพทย์ชาวเยอรมัน เมื่อปี 2499 โดยพบมากในประชากรสูงวัย ตั้งแต่อายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยจะมีอาการ “หลงๆ ลืมๆ” แม้กระทั่งสิ่งที่เพิ่งทำเสร็จไปเมื่อชั่วครู่ที่ผ่านมา หรือที่ร้ายแรงถึงขั้นจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ดังที่ปรากฏมีข่าวผู้สูงอายุใช้ชีวิตเร่ร่อนข้างถนนเนื่องจากออกมาจากบ้านแล้วจำไม่ได้ว่าบ้านของตนอยู่ที่ใด หรือมีใครเป็นญาติของตนบ้าง ทำให้ผู้ที่ต้องการช่วยเหลือไม่สามารถพากลับบ้านได้
ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในปี 2558 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ประมาณ 600,000 คน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,117,000 คน ในปี 2573 โดย“ข่าวร้าย” คือ ณ ขณะนี้ “ยังไม่มีหนทางรักษาให้หายขาด” ดังนั้น สิ่งที่พอจะทำได้คือการ “ตรวจคัดกรองความเสี่ยง” ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อหวังว่าจะสามารถป้องกันไว้ก่อนมีอาการ หรือหากพบอาการในระยะแรกๆ ก็จะได้ประคับประคองไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น
ศ.ดร.นพ.ธีรวัฒน์ เหมาะจุฑา ผู้เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและระบบประสาท คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในงานแถลงข่าว “โครงการตรวจคัดกรองสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ครบวงจรในคนไทย” ณ อาคารศูนย์การแพทย์มะเร็ง โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ย่านหลักสี่ กทม. ว่า อัลไซเมอร์เป็นสาเหตุหลักของโรคสมองเสื่อมซึ่งพบมากขึ้นในคนอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยผู้ป่วยมีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป จะเป็นอัลไซเมอร์ประมาณ ร้อยละ 5-8 และมีอายุ 80 ปีขึ้นไปจะพบมากถึงร้อยละ 50
ซึ่งโครงการตรวจคัดกรองสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ครบวงจรในคนไทย ให้ความสำคัญต่อปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ทั้งในด้านพันธุกรรมและด้านองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาการชะลอโรค ให้บริการตรวจวินิจฉัยด้านต่างๆ เช่น ประเมินภาวะสมองเสื่อม เจาะเลือดเพื่อประเมินสุขภาพขั้นพื้นฐาน ตรวจประสิทธิภาพการทำงานของสมองด้วยเครื่องสร้างภาพสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Brain MR Imaging) การตรวจประเมินการสะสมของโปรตีนในสมองด้วยเครื่องเพท-ซีที สแกน (PET-CT Scan)
การตรวจหารหัสพันธุกรรมในคนไทยด้วยเครื่องอ่านรหัสพันธุกรรมสมัยใหม่ (Next Generation Sequencing Technology) ทั้งนี้ “คนไทยอายุระหว่าง 55-85 ปี จัดเป็นกลุ่มเสี่ยง” ก่อนที่จะมีอาการป่วย โดยสามารถบอกแนวโน้มความรุนแรงจากปัจจัยต่างๆ เช่น อาหาร หรือพันธุกรรม ที่มีผลในการชะลอโรคว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยข้อมูลทั้งหมดจะนำมาพัฒนาให้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับสังคมไทยเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม รวมไปถึงการดูแลรักษาตนเองและการลดภาระของครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุในประเทศ
“จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (ปี 2560-2565) ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์เมื่อสิ้นสุดแผน ดังนั้น ประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุ” นพ.ธีรวัฒน์ ระบุ
ขณะที่ ศ.ดร.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการโครงการตรวจคัดกรองสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ครบวงจรในไทย เปิดเผยว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ ได้มีโอกาสตรวจคัดกรองวิเคราะห์การทำงานและประสิทธิภาพของสมองด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่มีอยู่ให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือการบูรณาการองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ที่ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง เป็นเครื่องตรวจที่สามารถวัดค่าได้
โครงการนี้จะนำไปสู้การเป็นแหล่งข้อมูลภาพสมอง และรหัสพันธุกรรมขนาดใหญ่ของคนไทยที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และการดำเนินของโรคอัลไซเมอร์ พร้อมกับหาปัจจัยเสี่ยงทางด้านโภชนาการที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อโรค ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ จนนำไปสู่การค้นหานวัตกรรมที่สามารถปรับเปลี่ยนชีวิตของคนที่กำลังจะเกิดโรคทางความจำและสมองเสื่อม และเพิ่มคุณภาพของชีวิตคุณภาพของชีวิตของผู้ที่เริ่มมีอาการหรือมีอาการเกิดขึ้นอีกทั้งยังชะลอโรคได้อีกด้วย
ด้าน ผศ.นพ.สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไชย อาจารย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว ภาวะโรคสมองเสื่อมในผู้สูงวัยมีทั้งรักษาได้ซึ่งสาเหตุมักมาจากการได้รับผลข้างเคียงของการใช้ยา เช่น การกินยาแก้แพ้อาจส่งผลให้ความจำ ไม่ดี ไทรอยด์ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน หากมีการรักษาก็หายจากอาการได้
“การกินวิตามินเสริมอย่างแคลเซียม วิตามินดี ยาโรคกระเพาะ โรคกรดไหลย้อน ติดต่อกันเป็นเวลานานนอกจากเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดอัลไซเมอร์แล้ว ยังก่อให้เกิดโรคไต รอยเส้นเลือดในสมองได้ แต่อาการเหล่านี้หากมีการรักษาก็จะหายจากอาการ ส่วนที่รักษาไม่ได้อย่างการเป็นอัลไซเมอร์คือความบกพร่องเรื่องความทรงจำ แต่หากมีการทำสมาธิ เล่นชี่กง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะเดินวันละเพียง 22 นาที รวมถึงการกินอาหาร เช่น สลัด น้ำมันมะกอก ถั่วเปลือกแข็ง และปลา ก็จะช่วยป้องกันการเกิดอัลไซเมอร์ได้” นพ.สุขเจริญ กล่าว
รายงาน “สถานการณ์ผู้สูงอายุไทยประจำปี 2558” ซึ่งจัดทำโดย มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ระบุว่า ในปี 2558 ประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปราว 10.3 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรทั้งหมดในปีนั้น 65.1 ล้านคน โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ในปี 2564 และร้อยละ 28 ในปี 2574 ดังนั้น การทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ
อย่างน้อยๆ ให้สามารถดูแลตนเองไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตจึงเป็นเรื่องสำคัญ!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี