วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
แปลก..แต่จริง! ชวนเที่ยวชมโบสถ์เก่า100ปี'วัดสะเดา'สิงห์บุรี ประดับประดาด้วยเครื่องสังคโลก

แปลก..แต่จริง! ชวนเที่ยวชมโบสถ์เก่า100ปี'วัดสะเดา'สิงห์บุรี ประดับประดาด้วยเครื่องสังคโลก

วันอังคาร ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561, 10.24 น.
Tag : Like สาระ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี วัดสะเดา หลวงพ่อฟุ้ง โบสถ์เก่า100ปี ท่องเที่ยว
  •  

วัดสะเดา ตั้งอยู่ที่ ม.1 ต.แม่ลา อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี โดยห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรี ประมาณ 6 กม. ซึ่งนอกจากจะมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจแล้ว บริเวณวัดยังคงความร่มรื่นของแมกไม้ริมลำแม่ลาที่เต็มไปด้วยต้นสะเดาน้อยใหญ่ขึ้นอยู่ในบริเวณวัดเป็นจำนวนมาก มีปลาชนิดต่างๆ มากมายที่อยู่หน้าวัดแล้ว ยังมีของดีที่ล้ำค่าอีกอย่างหนึ่งของวัดนี้นั่นก็คือ โบสถ์เก่าที่ผนังโดยรอบประดับประดาไปด้วยถ้วยชามเก่า ที่สำคัญยังมีภาพหนังสือพิมพ์เก่า แสดงถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นร่วมอยู่ด้วย ว่ากันว่าของทุกชิ้นเป็นสมบัติส่วนตัวของหลวงพ่อฟุ้ง (พระอธิการฟุ้ง อุตฺตโม)  อดีตเจ้าอาวาส เกจิชื่อดังของจังหวัดสิงห์บุรี


พระครูวรธรรมโสภณ เจ้าคณะตำบลเชิงกลัด เจ้าอาวาสวัดสะเดา ได้เล่าให้ฟังว่า วัดสะเดานี้ เดิมชื่อวัดแม่ลา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดสะเดา” เนื่องจากว่ามีพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่งได้การตรวจการคณะสงฆ์ถึงวัดนี้และเห็นสภาพวัดมีต้นสะเดาใหญ่ (วัดโดยรอบต้น 8 เมตร สูงประมาณ 1 เส้น) และต้นเล็กอีกเป็นจำนวนมากขึ้นอยู่ในบริเวณวัด จึงได้ปรารภกับ หลวงพ่อฟุ้ง ว่าควรจะถือเอาต้นสะเดานี้เป็นสัญลักษณ์ของวัด จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดแม่ลา มาเป็นวัดสะเดา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและได้รับพระราชทานเป็นที่วิสุงคามสิมา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2461 โดยอุโบสถวัดสะเดาหลังนี้ หลวงพ่อฟุ้ง ซึ่งท่านได้เป็นผู้ควบคุมงานเอง ได้สร้างเมื่อปี 2461 จนถึงปัจจุบันนี้ก็เป็นเวลา 100 ปี พอดี

สำหรับถ้วยชามเก่าที่ติดตามผนังโบสถ์นี้คือมีญาติโยมมาถวายท่าน เพราะท่านเป็นพระเกจิดัง แล้วท่านก็มีแนวคิดที่จะนำถ้วยชามเหล่านั้นเอามาติดผนังโบสถ์พร้อมทั้งภาพหนังสือพิมพ์เก่าที่แสดงเหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนั้นเพื่อให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ดู โดยมีทั้งหมดที่ติดเกือบพันใบ แต่ถ้วยชามที่ญาติโยมมาถวายท่านเมื่อสมัยนั้นก็ยังเหลืออีกเยอะที่ทางวัดยังเก็บไว้และบริเวณรอบโบสถ์เมื่อก่อนจะมีเหล็กล้อมรอบ พอมาถึงรุ่นอาตมา มีความเห็นว่ามันดูทึบเลยมารื้อเหล็กที่ล้อมรอบออกเอาไม้ใหญ่มาเป็นเสาแทน

จึงอยากเชิญญาติโยมที่ได้ดูข่าวได้มาเยี่ยมชมโบสถ์เก่าและมาสักการะรูปปั้นหลวงพ่อฟุ้ง ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสและเป็นเกจิชื่อดังของจังหวัดสิงห์บุรีและที่วัดสะเดานี้ยังมีปลาที่เลี้ยงไว้อยู่หน้าวัดซึ่งเป็นเขตอภัยทาน มีปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาตะเพียน เพื่อให้ญาติโยมนำอาหารมาเลี้ยงปลาเป็นทานได้และขอบอกบุญเชิญชวนญาติโยมมาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างมณฑป “หลวงพ่อฟุ้ง อุตุตโม” หลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมมาก  ในวันที่ 29 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา  สอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์อาตมา 092-9059647

สำหรับประวัติหลวงพ่อฟุ้ง เกจิชื่อดังของ จ.สิงห์บุรี นั้น หลวงพ่อท่านเกิด ในตระกูล นิลวัฒนา เมื่อวันอาทิตย์ แรม 12 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง หรือตรงกับวันที่ 18 กันยายน 2435 โยมบิดาของท่านชื่อ หลง โยมมารดาชื่อ ฉ่ำ ท่านเกิดที่บ้านตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อเยาว์วัยได้เข้าเรียนหนังสืออยู่กับพระที่วัดบางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาขอม มีความรู้พอแก่วิชาที่เรียนแล้วได้ออกจากวัดมาอยู่ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพตามตระกูลเดิมคือ ทำนา และการประมงในลำแม่ลา อันเป็นถิ่นที่มีปลาชุกชุม รสดี สีสวย ของจังหวัดสิงห์บุรี  ท่านได้ช่วยบิดา-มารดา ประกอบอาชีพทำมาหากินด้วยความอุตสาหะมานะบากบั่นเป็นอย่างดี

มาจนอายุได้ 19 ปี ถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหารเป็นรั้วของชาติ (เป็นทหารช่างอยู่อยุธยา) อยู่ 2 ปี ครั้นปลดประจำการแล้วบิดามารดาประสงค์จะให้บวชเรียนสืบอายุพระศาสนา เมื่อตกลงที่จะบวชแล้วบิดาก็ได้นำไปฝากอยู่กับพระอาจารย์ที่วัดบางกระบือ อันเป็นวัดที่ใกล้บ้าน โดยมีท่านพระครูศรีวิระยะโสภิต (หลวงพ่อพระครูศรี) วัดพระปรางค์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เป็นพระ เมื่ออุปสมบทแล้วอุปัชฌาย์ใต้ตั้งนามให้ว่า อุตฺตโม เมื่อออกจากพระอุโบสถแล้วก็เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดราษฎร์บำรุง ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี  เป็นที่รักเป็นที่วางใจแก่พระอุปัชฌาย์ คือ หลวงพ่อพระครูศรี

ขณะนั้นหลวงพ่อพระครูศรีฯ ท่านเป็นเถระคณาจารย์ผู้เรืองวิทยาคม มีเวทมนตร์คาถาอาคมในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และวาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อนี้มีเรื่องเล่าเอาไว้มากมาย หลวงพ่อศรีท่านเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่โด่งดังในสมัยนั้น โดยชื่อเสียงของท่านดังไปทั่วทั้งภาคกลาง โดยเฉพาะแถบสิงห์บุรี, อ่างทอง, ชัยนาทและนครสวรรค์  เมื่อหลวงพ่อฟุ้งท่านใกล้ชิด และเป็นศิษย์ที่ท่านอุปสมบทให้ด้วยตัวของท่านเอง ย่อมเป็นโอกาสดีที่จะได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อศรีและทราบว่า หลวงพ่อฟุ้งได้รับการถ่ายทอดมาจนครบทุกวิชาของหลวงพ่อศรี  ศิษย์ของหลวงพ่อศรี อีกรูปหนึ่งที่ยังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ขณะนี้ เมื่อเอ่ยชื่อเสียง ทุกท่านต้องรู้จักดี คือ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อแพท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อศรีรุ่นหลังหลวงพ่อฟุ้งมาก เพราะพรรษาต่างกันประมาณ 20 พรรษา หลวงพ่อฟุ้ง จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ที่วัดราษฎร์บำรุงเป็นเวลา 5 พรรษา จึงได้มาอยู่ที่วัดแม่ลา (วัดสะเดา) ต.แม่ลา หลวงพ่อท่านเป็นพระที่ใฝ่ใจศึกษาหาความรู้พระธรรมวินัยและตั้งใจปฏิบัติสม่ำเสมอ ด้วยดีเสมอมา เป็นผู้ประกอบด้วยอินทรีย์สังวรสำรวมและมีอิริยาบถอันนิ่มนวล สงบเสงี่ยมเรียบร้อย

ในปี พ.ศ.2467 วัดสะเดาว่างเจ้าอาวาสลงคณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้หลวงพ่อฟุ้งท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทน เมื่อเป็นเจ้าอาวาสแล้วหลวงพ่อท่านก็ริเริ่มดำเนินการพัฒนาวัด ด้วยการซ่อมแซมปรับปรุงเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมให้มีสภาพมั่นคงขึ้นและจัดการสร้างเสนะที่สำคัญขึ้นมาใหม่ด้วยความอุตสาหะอันแรงกล้ายอมสละกำลังกาย สติปัญญา และความสามารถทุกอย่างเพื่อความเจริญของวัดและโดยเหตุที่ท่านมีความรู้ในทางช่างเป็นอย่างดี การก่อสร้างภายในวัดจึงจัดทำเอง โดยขอแรงชาวบ้านในท้องถิ่นบ้าง ต่างถิ่นบ้างมาช่วยกันโดยไม่ต้องเสียค่าจ้าง ท่านรับภาระหนักในการพัฒนาวัดเป็นอย่างมากแทบจะกล่าวได้ว่า วัดสะเดายิ่งใหญ่ขึ้นมาในยุคสมัยที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสอยู่

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • พบต้น \'ดอกมะลิดิน\' ไม้ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์กำลังบาน เผยมีสรรพคุณทางยา พบต้น 'ดอกมะลิดิน' ไม้ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์กำลังบาน เผยมีสรรพคุณทางยา
  • \'ตาแปแยะ\' ขนมพื้นเมือง ชายแดนไทย-มาเลเซีย 'ตาแปแยะ' ขนมพื้นเมือง ชายแดนไทย-มาเลเซีย
  • ช่วงหยุดยาว!!! ร่วมลงแขกดำนา-ท่องเที่ยวสวนอินทผาลัม ช่วงหยุดยาว!!! ร่วมลงแขกดำนา-ท่องเที่ยวสวนอินทผาลัม
  • ยะลาเตรียมพร้อมก่อนถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียน ผลักดันมาตรการป้องกันแก้ปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ ยะลาเตรียมพร้อมก่อนถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียน ผลักดันมาตรการป้องกันแก้ปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ
  •  

Breaking News

รวบคาบ้าน! อดีตข้าราชการระดับสูง เอี่ยวขบวนการออกโฉนดรุกป่าชายเลน

‘ธรรมนัส​’โผล่ทำเนียบรัฐบาล​ อ้างแค่แวะกินกาแฟ​

TRUE แจงด่วน! ขออภัยเหตุขัดข้องที่เกิดขึ้น กำลังเร่งแก้ไข ยันดีแทคใช้ได้ปกติ

‘โรม’อัดรัฐบาลอืดอาด ไร้น้ำยาแก้ปัญหาสารพิษ‘แม่น้ำกก’ ชี้ช่องคุยจีน-ฟ้องศาล

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved