วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
แปลก..แต่จริง! ชวนเที่ยวชมโบสถ์เก่า100ปี'วัดสะเดา'สิงห์บุรี ประดับประดาด้วยเครื่องสังคโลก

แปลก..แต่จริง! ชวนเที่ยวชมโบสถ์เก่า100ปี'วัดสะเดา'สิงห์บุรี ประดับประดาด้วยเครื่องสังคโลก

วันอังคาร ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561, 10.24 น.
Tag : จ.สิงห์บุรี ท่องเที่ยว วัดสะเดา หลวงพ่อฟุ้ง อ.บางระจัน Like สาระ โบสถ์เก่า100ปี
  •  

วัดสะเดา ตั้งอยู่ที่ ม.1 ต.แม่ลา อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี โดยห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรี ประมาณ 6 กม. ซึ่งนอกจากจะมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจแล้ว บริเวณวัดยังคงความร่มรื่นของแมกไม้ริมลำแม่ลาที่เต็มไปด้วยต้นสะเดาน้อยใหญ่ขึ้นอยู่ในบริเวณวัดเป็นจำนวนมาก มีปลาชนิดต่างๆ มากมายที่อยู่หน้าวัดแล้ว ยังมีของดีที่ล้ำค่าอีกอย่างหนึ่งของวัดนี้นั่นก็คือ โบสถ์เก่าที่ผนังโดยรอบประดับประดาไปด้วยถ้วยชามเก่า ที่สำคัญยังมีภาพหนังสือพิมพ์เก่า แสดงถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นร่วมอยู่ด้วย ว่ากันว่าของทุกชิ้นเป็นสมบัติส่วนตัวของหลวงพ่อฟุ้ง (พระอธิการฟุ้ง อุตฺตโม)  อดีตเจ้าอาวาส เกจิชื่อดังของจังหวัดสิงห์บุรี


พระครูวรธรรมโสภณ เจ้าคณะตำบลเชิงกลัด เจ้าอาวาสวัดสะเดา ได้เล่าให้ฟังว่า วัดสะเดานี้ เดิมชื่อวัดแม่ลา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดสะเดา” เนื่องจากว่ามีพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่งได้การตรวจการคณะสงฆ์ถึงวัดนี้และเห็นสภาพวัดมีต้นสะเดาใหญ่ (วัดโดยรอบต้น 8 เมตร สูงประมาณ 1 เส้น) และต้นเล็กอีกเป็นจำนวนมากขึ้นอยู่ในบริเวณวัด จึงได้ปรารภกับ หลวงพ่อฟุ้ง ว่าควรจะถือเอาต้นสะเดานี้เป็นสัญลักษณ์ของวัด จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดแม่ลา มาเป็นวัดสะเดา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและได้รับพระราชทานเป็นที่วิสุงคามสิมา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2461 โดยอุโบสถวัดสะเดาหลังนี้ หลวงพ่อฟุ้ง ซึ่งท่านได้เป็นผู้ควบคุมงานเอง ได้สร้างเมื่อปี 2461 จนถึงปัจจุบันนี้ก็เป็นเวลา 100 ปี พอดี

สำหรับถ้วยชามเก่าที่ติดตามผนังโบสถ์นี้คือมีญาติโยมมาถวายท่าน เพราะท่านเป็นพระเกจิดัง แล้วท่านก็มีแนวคิดที่จะนำถ้วยชามเหล่านั้นเอามาติดผนังโบสถ์พร้อมทั้งภาพหนังสือพิมพ์เก่าที่แสดงเหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนั้นเพื่อให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ดู โดยมีทั้งหมดที่ติดเกือบพันใบ แต่ถ้วยชามที่ญาติโยมมาถวายท่านเมื่อสมัยนั้นก็ยังเหลืออีกเยอะที่ทางวัดยังเก็บไว้และบริเวณรอบโบสถ์เมื่อก่อนจะมีเหล็กล้อมรอบ พอมาถึงรุ่นอาตมา มีความเห็นว่ามันดูทึบเลยมารื้อเหล็กที่ล้อมรอบออกเอาไม้ใหญ่มาเป็นเสาแทน

จึงอยากเชิญญาติโยมที่ได้ดูข่าวได้มาเยี่ยมชมโบสถ์เก่าและมาสักการะรูปปั้นหลวงพ่อฟุ้ง ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสและเป็นเกจิชื่อดังของจังหวัดสิงห์บุรีและที่วัดสะเดานี้ยังมีปลาที่เลี้ยงไว้อยู่หน้าวัดซึ่งเป็นเขตอภัยทาน มีปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาตะเพียน เพื่อให้ญาติโยมนำอาหารมาเลี้ยงปลาเป็นทานได้และขอบอกบุญเชิญชวนญาติโยมมาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างมณฑป “หลวงพ่อฟุ้ง อุตุตโม” หลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมมาก  ในวันที่ 29 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา  สอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์อาตมา 092-9059647

สำหรับประวัติหลวงพ่อฟุ้ง เกจิชื่อดังของ จ.สิงห์บุรี นั้น หลวงพ่อท่านเกิด ในตระกูล นิลวัฒนา เมื่อวันอาทิตย์ แรม 12 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง หรือตรงกับวันที่ 18 กันยายน 2435 โยมบิดาของท่านชื่อ หลง โยมมารดาชื่อ ฉ่ำ ท่านเกิดที่บ้านตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อเยาว์วัยได้เข้าเรียนหนังสืออยู่กับพระที่วัดบางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาขอม มีความรู้พอแก่วิชาที่เรียนแล้วได้ออกจากวัดมาอยู่ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพตามตระกูลเดิมคือ ทำนา และการประมงในลำแม่ลา อันเป็นถิ่นที่มีปลาชุกชุม รสดี สีสวย ของจังหวัดสิงห์บุรี  ท่านได้ช่วยบิดา-มารดา ประกอบอาชีพทำมาหากินด้วยความอุตสาหะมานะบากบั่นเป็นอย่างดี

มาจนอายุได้ 19 ปี ถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหารเป็นรั้วของชาติ (เป็นทหารช่างอยู่อยุธยา) อยู่ 2 ปี ครั้นปลดประจำการแล้วบิดามารดาประสงค์จะให้บวชเรียนสืบอายุพระศาสนา เมื่อตกลงที่จะบวชแล้วบิดาก็ได้นำไปฝากอยู่กับพระอาจารย์ที่วัดบางกระบือ อันเป็นวัดที่ใกล้บ้าน โดยมีท่านพระครูศรีวิระยะโสภิต (หลวงพ่อพระครูศรี) วัดพระปรางค์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เป็นพระ เมื่ออุปสมบทแล้วอุปัชฌาย์ใต้ตั้งนามให้ว่า อุตฺตโม เมื่อออกจากพระอุโบสถแล้วก็เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดราษฎร์บำรุง ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี  เป็นที่รักเป็นที่วางใจแก่พระอุปัชฌาย์ คือ หลวงพ่อพระครูศรี

ขณะนั้นหลวงพ่อพระครูศรีฯ ท่านเป็นเถระคณาจารย์ผู้เรืองวิทยาคม มีเวทมนตร์คาถาอาคมในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และวาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อนี้มีเรื่องเล่าเอาไว้มากมาย หลวงพ่อศรีท่านเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่โด่งดังในสมัยนั้น โดยชื่อเสียงของท่านดังไปทั่วทั้งภาคกลาง โดยเฉพาะแถบสิงห์บุรี, อ่างทอง, ชัยนาทและนครสวรรค์  เมื่อหลวงพ่อฟุ้งท่านใกล้ชิด และเป็นศิษย์ที่ท่านอุปสมบทให้ด้วยตัวของท่านเอง ย่อมเป็นโอกาสดีที่จะได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อศรีและทราบว่า หลวงพ่อฟุ้งได้รับการถ่ายทอดมาจนครบทุกวิชาของหลวงพ่อศรี  ศิษย์ของหลวงพ่อศรี อีกรูปหนึ่งที่ยังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ขณะนี้ เมื่อเอ่ยชื่อเสียง ทุกท่านต้องรู้จักดี คือ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อแพท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อศรีรุ่นหลังหลวงพ่อฟุ้งมาก เพราะพรรษาต่างกันประมาณ 20 พรรษา หลวงพ่อฟุ้ง จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ที่วัดราษฎร์บำรุงเป็นเวลา 5 พรรษา จึงได้มาอยู่ที่วัดแม่ลา (วัดสะเดา) ต.แม่ลา หลวงพ่อท่านเป็นพระที่ใฝ่ใจศึกษาหาความรู้พระธรรมวินัยและตั้งใจปฏิบัติสม่ำเสมอ ด้วยดีเสมอมา เป็นผู้ประกอบด้วยอินทรีย์สังวรสำรวมและมีอิริยาบถอันนิ่มนวล สงบเสงี่ยมเรียบร้อย

ในปี พ.ศ.2467 วัดสะเดาว่างเจ้าอาวาสลงคณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้หลวงพ่อฟุ้งท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทน เมื่อเป็นเจ้าอาวาสแล้วหลวงพ่อท่านก็ริเริ่มดำเนินการพัฒนาวัด ด้วยการซ่อมแซมปรับปรุงเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมให้มีสภาพมั่นคงขึ้นและจัดการสร้างเสนะที่สำคัญขึ้นมาใหม่ด้วยความอุตสาหะอันแรงกล้ายอมสละกำลังกาย สติปัญญา และความสามารถทุกอย่างเพื่อความเจริญของวัดและโดยเหตุที่ท่านมีความรู้ในทางช่างเป็นอย่างดี การก่อสร้างภายในวัดจึงจัดทำเอง โดยขอแรงชาวบ้านในท้องถิ่นบ้าง ต่างถิ่นบ้างมาช่วยกันโดยไม่ต้องเสียค่าจ้าง ท่านรับภาระหนักในการพัฒนาวัดเป็นอย่างมากแทบจะกล่าวได้ว่า วัดสะเดายิ่งใหญ่ขึ้นมาในยุคสมัยที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสอยู่

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • จากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก!! สืบทอดสูตร\'ขนมรางรถไฟ\'ที่ขายมานานกว่า35ปี ชาวเมืองสงขลารู้จักดี จากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก!! สืบทอดสูตร'ขนมรางรถไฟ'ที่ขายมานานกว่า35ปี ชาวเมืองสงขลารู้จักดี
  • พบต้น \'ดอกมะลิดิน\' ไม้ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์กำลังบาน เผยมีสรรพคุณทางยา พบต้น 'ดอกมะลิดิน' ไม้ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์กำลังบาน เผยมีสรรพคุณทางยา
  • \'ตาแปแยะ\' ขนมพื้นเมือง ชายแดนไทย-มาเลเซีย 'ตาแปแยะ' ขนมพื้นเมือง ชายแดนไทย-มาเลเซีย
  • ช่วงหยุดยาว!!! ร่วมลงแขกดำนา-ท่องเที่ยวสวนอินทผาลัม ช่วงหยุดยาว!!! ร่วมลงแขกดำนา-ท่องเที่ยวสวนอินทผาลัม
  • ยะลาเตรียมพร้อมก่อนถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียน ผลักดันมาตรการป้องกันแก้ปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ ยะลาเตรียมพร้อมก่อนถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียน ผลักดันมาตรการป้องกันแก้ปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ
  •  

Breaking News

(คลิป) สรุป! เหตุปะทะ 'ปราสาทตาเมือนธม' 'มนุษย์ป้าเขมร' หรือ แผนเช็คกำลังทหารไทย

'รสนา'วอนศาลเมตตา'ฟ้า สุทธินี' จำเลยคดี ม.112 ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ

'ภูมิธรรม' ถือเค้กอวยพรวันเกิด 'ปลัดมหาดไทย' ชมช่วยทำงานผลักดันนโยบายสำคัญ

‘ทักษิณ’น่าจะรอด? ‘อ.ไชยันต์’วิเคราะห์คดี‘ม.112’ หลังศาลนัดชี้ชะตา 22 สิงหา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved