เป็นอีกเรื่องอื้อฉาวในแวดวงสงฆ์ กับกรณีของ พระครูภาวนา โสภิต (พระครูปลัดนิพนธ์ ธัมมทีโป) อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย จ.นครปฐม ที่มีผู้เข้าร้องเรียนกับทาง พระครูภาวนาวิมล ว. (สุพร ชัย สารธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสระกระเทียม เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม ว่าพระรูปดังกล่าวมีความผิดทั้ง “ทางโลก” ยักยอกเงินญาติโยมบริจาคให้กับวัด และ “ทางธรรม” ผิดวินัยข้อเสพเมถุนซึ่งถึงขั้นปาราชิกพ้นจากความเป็นพระ ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกว่า “สุดอึ้ง” เมื่อพบว่า อดีตพระนิพนธ์ ที่สึกไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 15 ก.พ. 2561 “มีภรรยาถึง 7 คน” ในขณะยังครองผ้าเหลือง
เรื่องนี้ร้อนไปถึง สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ระบุว่า “แม้จะสึกไปแล้วแต่ก็ต้องสืบสวนความจริงให้กระจ่าง” โดยมอบหมายให้ผู้อำนวยการ พศ. พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ติดตามคดีนี้จนถึงที่สุด ซึ่ง พ.ต.ท.พงศ์พร ได้ประสานไปยัง พศ.จังหวัดนครปฐมเพื่อให้ดำเนินการแล้ว
"พระนิกร" พระครูใบฎีกานิกร ธรรมวาที หรือนายธรรมรัตน์ ยศคำจู
ที่มา : อดีตพระนิกร ธรรมวาที เสียชีวิตแล้ว ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก (และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย) ที่วงการสงฆ์ไทยจะมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับกามารมณ์ ที่ผ่านมามีปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ ดังบ้างไม่ดังบ้าง แต่กรณีที่สังคมไทยให้ความสนใจมาก อาทิ พระครูใบฎีกานิกร ธรรมวาที หรือที่คุ้นหูในชื่อ “พระนิกร” เจ้าอาวาสวัดสันปง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ที่ในยุคสมัยหนึ่งมีผู้ไปรอฟังเทศน์อย่างเนืองแน่น และยังมีสำนักปฏิบัติธรรมอีกหลายสาขา
แต่แล้วในปี 2533 สังคมไทยก็ต้อง “ช็อค” เมื่อทราบว่า พระนิกรมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับ อรปวีณา บุตรขุนทอง ถึงขั้นมีบุตรด้วยกัน ในช่วงแรกนั้นบรรดาผู้ศรัทธาไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่ศาลสงฆ์ตรวจสอบพบหลักฐานแน่นหนาที่ชี้ว่าพระนิกรผิดจริงต้องอาบัติปาราชิก อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้เป็นพระสงฆ์แล้ว แต่ชีวิตหลังจากนั้นของอดีตพระนิกร หรือ “ธรรมรัตน์ ยศคำจู” ก็ยังคงนุ่งขาวห่มขาวใช้ชีวิตเยี่ยงนักบวชพร้อมด้วยลูกศิษย์ลูกหาที่ยังเลื่อมใส จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อ 11 ก.ย. 2557 ในวัย 61 ปี ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก
นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตระ (กลาง) พำนักในสหรัฐอเมริกา
ที่มา : อดีตพระยันตระ ผู้เปิดตำนานฉาว สะท้านวงการผ้าเหลือง
รายต่อมา พระยันตระ อมโรภิกขุ (วินัย ละอองสุวรรณ) อดีตฤาษีที่บวชเป็นพระ ซึ่งนาม "ยันตระ" นั้นมีความหมายว่า "ผู้ไกลจากกิเลส" พระยันตระเริ่มครองผ้าเหลืองที่วัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช แต่หลังจากนั้นก็มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถึงขั้นมีลูกศิษย์ลูกหาร่วมสร้างวัดและสำนักสงฆ์ถวายอยู่หลายแห่ง ไม่เฉพาะในประเทศไทยแต่ยังมีสาขาในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย
กระทั่งในปี 2537 เรื่องอื้อฉาวของพระยันตระก็ถูกเปิดเผยขึ้น กรณีมีหญิงสาวเข้าร้องเรียนว่าถูกพระยันตระ ล่อลวงไปมีเพศสัมพันธ์ถึงขั้นมีลูกด้วยกัน และเมื่อมีการสืบสวนไปเรื่อยๆ เรื่องอื้อฉาวที่พบก็ยิ่งมากขึ้น อาทิ การไปเที่ยวสถานบริการทางเพศและอยู่กับสีกาสองต่อสองในต่างประเทศหลายครั้ง ทำให้ต้องปาราชิกขาดจากความเป็นพระ ทว่านายวินัยไม่ยอมรับมติดังกล่าวของมหาเถรสมาคม โดยเดินทางไปพำนักอยู่ที่สหรัฐฯ และได้รับสถานะผู้ลี้ภัย อีกทั้งยังแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ เพียงแต่ไม่ปลงผมโกนหนวด ใช้ชีวิตประหนึ่งนักบวชอยู่ที่นั่นจนถึงปัจจุบัน
"พระเกษม" หรือนายเกษม ดวงแพงมาต (ภาพเล็ก) ขณะยกเท้าเหยียบโต๊ะอาหาร จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ที่มา : ผ่ากรณี 'เกษม" อดีตพระ 'คดีตุ๋ย' สะเทือนศาสนา! : 22 ม.ค. 2558
ถัดมาคือ พระเกษม อาจิณฺณสีโล (เกษม ดวงแพงมาต) ผู้โด่งดังแห่ง "วัดสามแยก" ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ พระเกษมมีชื่อเสียงมากจากการออกมากล่าวว่า "พุทธศาสนิกชนไม่ควรกราบไหว้พระพุทธรูป" และไม่ใช่เพียงการสอนด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ยัง "โชว์กันจะๆ" ด้วยการใช้มือตบเข้าที่พระพักตร์และใช้เท้าเหยียบที่ฐานของพระพุทธรูป ทำให้ถูกดำเนินคดีข้อหาดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนสถาน-ศาสนวัตถุ โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา เหลือแต่เพียงโทษปรับเท่านั้น แต่พระเกษมยังยืนยัน "พระพุทธรูปไม่ใช่ตัวแทนพระพุทธเจ้า" เสมอมา
ด้วยความที่พระเกษมนั้นโด่งดังในยุคที่มีสื่อออนไลน์แล้ว ทำให้มีการแชร์เรื่องราวพฤติกรรมต่างๆ ของพระเกษมเป็นระยะๆ เช่น กรณีการยกขาเหยียบโต๊ะอาหาร และเคยมีการ "ท้าสนทนาธรรม" กับพระชื่อดังอีกรูปคือ พระพุทธอิสระ (สุวิทย์ ธีรธมฺโม) แห่งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่หลายฝ่ายมองเป็นการ "โต้วาที" กันเสียมากกว่า จนเป็นข่าวฮือฮาในปี 2556 ทว่าเส้นทางสายสมณเพศของพระเกษมก็หยุดลง เมื่อออกมายอมรับว่า "มีเพศสัมพันธ์กับลูกศิษย์ชาย" โดยอ้างว่า "ทำไปโดยไม่รู้ตัว" แต่ก็เข้าข่ายเสพเมถุน ต้องปาราชิกขาดจากความเป็นพระไปในปี 2558
"หลวงปู่เณรคำ" หรือนายวิรพล สุขผล กับหนังสือขายดีทั้ง 4 เล่ม
ที่มา : ปรากฏการณ์หนังสือหลวงปู่เณรคำ'ขายดี!' : 19 มี.ค. 2555
เช่นเดียวกับพระอีกรูปที่โด่งดังร่วมยุคสมัยเดียวกับพระเกษม "หลวงปู่เณรคำ" พระวิรพล ฉัตติโก (วิรพล สุขผล) แห่งสำนักสงฆ์ขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าของวลี "ชาติหน้าไม่ขอมาเกิด" จากหนังสือเล่มแรกที่บอกเล่าเรื่องราวของพระรูปนี้ ที่สำคัญยัง "ขายได้เป็นแสนเล่ม" ช่วงปี 2554-2555 ซึ่งปกติแล้วหนังสือธรรมะหรือประวัติพระสงฆ์ไม่เคยขายได้ขนาดนี้ และส่วนใหญ่จะเป็นการพิมพ์แจกฟรีโดยวัดหรือลูกศิษย์ลูกหาเสียมากกว่า
แต่แล้วหลวงปู่เณรคำ ก็ถูกเปิดโปงพฤติกรรมฉาวในเวลาต่อมา เช่น การมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับหญิงวัยรุ่น รวมถึงกรณีหลอกลวงประชาชนโดยโฆษณาขอบริจาคระดมทุนเพื่อสร้างพระแก้วมรกดที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ท้ายที่สุดกลับพบว่าสร้างด้วยวัสดุอื่นที่ราคาถูกกว่า ส่วนเงินบริจาคส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้จ่ายเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตัวเณรคำเอง ท้ายที่สุดหลวงปู่เณรคำ ตัดสินใจหลบหนีไปสหรัฐอเมริกา ก่อนจะถูกจับกุมโดยทางการสหรัฐฯ และส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ในปี 2560
จากทั้งหมดนี้ ดูเหมือนจะมีเพียงกรณีของเณรคำ หรือนายวิรพล สุขผล รายเดียวเท่านั้นที่ถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นเพราะนายวิรพล มีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงอายุไม่ถึง 18 ปี ซึ่งเข้าข่าย "พรากผู้เยาว์" มีความผิดไม่ว่าฝ่ายหญิงจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เช่นเดียวกับความผิดฐาน "ฉ้อโกง" โดยทั้ง 2 กรณีเป็น "ความผิดสากล" ไม่ใช่ความผิดเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง ทำให้ยากจะใช้สิทธิลี้ภัยในต่างแดนได้ ส่วนกรณีอื่นๆ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับพระนั้นอายุมากกว่า 18 ปี จึงไม่มีความผิดอาญาทางโลก ผิดแต่เพียงวินัยสงฆ์ต้องปาราชิกไม่สามารถเป็นพระต่อไปได้เท่านั้น
ส่วนคดี "พระนิพนธ์" จะเป็นอย่างไรก็ต่อไปคงต้องติดตาม แต่ที่อึ้งจริงๆ คือการมีสีการอบกายถึง 7 คน แถมแบ่งหน้าที่แต่ละคนดูแลกิจการงานอีกต่างหาก..ราวกับวัดเป็นบริษัทจำกัดเลยทีเดียว!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี