เสียงเล็กๆวอนขอ‘ถนน’จากคน‘เกาะลิบง’ อีกมุมสะท้อน‘ไทยแลนด์ 4.0’
เรื่องราวของ “ชาวบ้านเกาะลิบง” จ.ตรัง ที่ “ร่ำไห้” เรียกร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยก่อสร้าง “ถนนอุกกาบาต” กลางเกาะให้แล้วเสร็จ หลังชาวบ้านทนทุกข์ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ทั้งๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง แต่เส้นทางเป็นดินลูกรัง ขรุขระ ร่องลึก และเนินสูง ตลอดทั้งสาย
ความทุกข์ระทมของชาวบ้านข้างต้น ในมุมหนึ่งอาจเป็นแค่เรื่อง “ขี้ปะติ๋ว” ของใครบางคน แต่อีกมุมหนึ่ง “เสียงเล็กๆ” ที่เปล่งออกมาเพราะความลำบากของชาวบ้าน อาจสะท้อนให้เห็นถึง “อะไรบางอย่าง” ในสังคมไทย ไม่มากก็น้อย
เรื่องราว “ทุกข์ยาก” ดังกล่าว เริ่มต้นขึ้นจากการดำเนินการก่อสร้าง “ถนนสายแหลมโต๊ะชัย” หมู่ 1 บ้านพร้าว และหมู่ 5 บ้านทุ่งหญ้าคา ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ที่ดำเนินการตาม “ยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด” ภายใต้ความมุ่งหวัง เพื่อสร้าง “ฐานเศรษฐกิจ” ของจังหวัด ด้านเกษตร อุตสหากรรมและการท่องเที่ยว งบประมาณจำนวน 28,704,000บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปี เริ่มเดือน ก.ย.60 แล้วเสร็จวันที่ 30 ก.ย.61
เมื่อโครงการเริ่มต้นขึ้น ชาวบ้านต่างมีความหวังถึงความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น จาก “ถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก” ที่กำลังจะมาถึง ในระยะทางยาว 6.120กิโลเมตร ขนาดความกว้างประมาณ 5 เมตร หนา 0.15 เมตร ไหล่ทางวัสดุคัดเลือกข้างละ 0.50 เมตร
ทว่า...ฝันที่วาดไว้ เริ่มกลายเป็น “ฝันค้าง”!!!
หลังเอกชนผู้รับเหมานำอุปกรณ์เครื่องจักรลงพื้นที่เข้าไปดำเนินการ เพื่อปรับผิวถนนด้วยการขุดตักดินที่อยู่ภายในทาง “เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง” ต่อมามีการร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ “ป.ป.ท.” ว่ามีการก่อสร้างรุกล้ำในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ จากนั้น ป.ป.ท. พร้อมเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง สนธิกำลังหน่วยงานความมั่นคงเข้าตรวจยึดเครื่องจักร และ “จับกุม” คนงาน
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมาจาก “ความขัดแย้งส่วนตัว” ของกลุ่มผลประโยชน์ทาง “การเมืองท้องถิ่น” เพื่อหาช่องทาง “ดิสเครดิต” ข้าราชการสูงระดับจังหวัด และตั้งข้อสังเกตว่าผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จนมีการร้องเรียน ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ จึงต้องทำตามหน้าที่ เข้ามาตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องจักร พร้อมทั้งจับกุมคนงานไปดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีความผิดฐานละเว้นปฎิบัติหน้าที่
โครงการก่อสร้างถนนหยุดชะงักทันที!!!
หลังจากนั้น “ความทุกข์” ก็บังเกิดกับ “ชาวบ้านเกาะลิบง” กว่า 40 ครัวเรือน ที่ต้องระทมทนทุกข์ และได้รับความเดือดร้อนต่อไป กับถนนที่มีสภาพไม่ต่างกับ “อุกกาบาต” กลางเกาะ มีทั้งดินแดง ดินโคลน ลูกรังก้อนหินเล็กใหญ่ ขรุขระ บางช่วงเป็นเนินเขา มีความต่างระดับ บางช่วงเป็นร่องลึก ช่วงหน้าแล้งฝุ่นคละคลุ้งฟุ้งกระจาย
ชาวบ้านต้องสูดดม “มลพิษ” จากฝุ่นละออง เป็นอันตรายต่อสูงภาพ ชาวบ้านและเด็กนักเรียนเกิดอาการเป็น “โรคภูมิแพ้” หน้าฝนเฉอะแฉะ ถนนเป็นโคลนลื่น น้ำท่วมขังบางจุด อันตรายและเกิดอุบัติเหตุให้เห็นบ่อยครั้ง ไม่เว้นแม้แต่ “นักท่องเที่ยว” ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่ประสบอุบัติเหตุบนถนนสายนี้บ่อยครั้ง ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
การออกมาร้องขอ “ความเห็นใจ” และความช่วยเหลือของชาวบ้าน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะระยะเวลาล่วงเลยมานานกว่า 6 เดือน ที่ถนนสายดังกล่าวยังถูกปล่อย “ค้างเติ่ง” ไม่ได้รับการดูแลจากหน่วยงานภาครัฐเลย คงปล่อยให้ชาวบ้านเกาะลิบง ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ด้วยความหวัง “ตั้งตารอ” ว่าเมื่อไหร่ถนนอุกกาบาตสายนี้ จะได้รับการพัฒนาก่อสร้างให้ชาวบ้าน “ชื่นใจ” เสียที
ล่าสุด “เสียงเล็กๆ” จากชาวบ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ร้องขอความช่วยเหลือผ่านมายัง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ก่อสร้างถนนนี้ให้กับชาวบ้านได้ใช้เป็นเส้นทางสัญจรที่มีความสะดวกกว่าที่เป็นอยู่
เริ่มจาก...นางฟีสะ ผ่องศรี อายุ 47 ปี ระบายความอัดอั้นให้ฟังว่า ชาวบ้านอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวมานานกว่า 30 ปี โดยมีผู้เฒ่าคนแก่ช่วยกัน “บุกเบิก” ขุดถางเส้นทางเป็นถนนแคบๆใช้สัญจรในหมู่บ้าน ต่อมามีการพัฒนาเป็นถนนลูกรัง ชาวบ้านได้ใช้ขนน้ำยาง สินค้าการเกษตรออกไปขายภายในหมู่บ้าน และบนฝั่ง โดยสภาพถนนหลุมเป็นบ่อ บางช่วงเป็นร่องลึก บางช่วงเป็นเนินสูง มีสภาพต่างระดับ สภาพเป็นดินลูกรังขรุขระตลอดทั้งสาย
นอกจากชาวบ้านใช้แล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศใช้เส้นทางสายนี้ไม่ต่ำกว่าวันละ 100 คน เด็กนักเรียนในหมู่บ้านใช้เส้นทางเดินทางไปโรงเรียน บางคนประสบอุบัติได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากถนนลื่น ฝุ่นฟุ้งกระจาย เป็นโรคภูมิแพ้ หน้าฝนดินเขาสไลด์ ถนนเต็มไปด้วยดินโคลน ลื่น เดินทางลำบากและเกิดอุบัติเหตุบ่อย
“เมื่อได้งบประมาณก่อสร้างถนนชาวบ้านก็ดีใจ เพราะกว่าจะได้งบประมาณมาก็ลำบากแสนเข็ญ แต่มาเกิดเหตุหยุดชะงัก ยกเลิกการก่อสร้าง อะไรเกิดขึ้นกับถนนสายนี้ ชาวบ้านจะต้องรอไปถึงไหน หรือจะให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต พิการกันก่อน จึงจะเข้ามาก่อสร้างหลายสิบปีที่ผ่านมา เคยมีชาวบ้านประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตและพิการ” นางฟีสะ กล่าว
ด้าน ด.ญ.ออม อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ บอกว่า ตนและเพื่อนนักเรียนในหมู่บ้าน ใช้เส้นทางนี้ไปโรงเรียน บางคนพ่อแม่ขับรถจักรยานยนต์ไปส่ง นักเรียนบางคนก็ขับรถไปเอง สภาพถนนเท่าที่เห็นนั่นแหละ เป็นถนนดินลูกรัง มีสภาพขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้ความระมัดระวังมากๆ บางครั้งรถเสียหลักหกล้ม บาดเจ็บกันไป
“ยิ่งหน้าฝนไม่ต้องพูดถึง เปียกทั้งฝนสกปรกทั้งโคลน เลอะเทอะไปทั้งตัว กว่าจะถึงโรงเรียนทุลักทุเล บางวันไปไม่ถึงโรงเรียนด้วยซ้ำ ตอนที่พ่อแม่บอกว่ามีการก่อสร้างถนนสายนี้ หนูก็ดีใจแต่จู่ๆการก่อสร้างก็หยุดไป หนูไม่ทราบสาเหตุ แต่ที่หนูรู้ก็คือว่า หนูได้รับความเดือดร้อนเหมือนเดิม ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่สามารถมาช่วยหนูได้เลยหรือ” ด.ญ.ออม กล่าว
ส่วนนายอับดุลรอฮีม ขุนรักษา กำนันตำบลเกาะลิบง กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านเกาะลิบงได้เรียกร้องให้มีการก่อสร้างถนนสายดังกล่าว และสอบถามมายังผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ทางเราก็รีบดำเนินการ เนื่องจากชาวบ้านที่ใช้เส้นทางเดือดร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนถนนเป็นโคลน หน้าแล้งมีฝุ่น เด็กนักเรียนที่เดินทางไปโรงเรียนเจอฝุ่น เจ็บป่วยมีอาการโรคภูมิแพ้ หน้าฝนการเดินทางไปโรงเรียนก็ลำบากมาก นักท่องเที่ยวเองก็ประสบอุบัติเหตุจากการล้มรถจักรยานยนต์ และวอนมายัง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องการขออนุญาตก่อสร้าง
“ผมมองว่าถนนดังกล่าวสวนทางกับการพัฒนาประเทศ ยุคไทยแลนด์ 4.0 ในเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่พี่น้องชาวบ้านเกาะลิบงได้รับความเดือดร้อนจากเส้นทางสัญจร และเป็นเส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวในเกาะลิบงอีกด้วย”
ขณะที่นายก่อบีน หวังบริสุทธิ์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลิบง กล่าวว่า การแก้ปัญหาถนนสายดังกล่าวล่าช้ามาก ทั้งที่ได้รับงบประมาณก่อสร้างแล้ว ทราบว่าเรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. ตนในฐานะผู้นำท้องถิ่นไม่ทราบจะช่วยชาวบ้านได้อย่างไร คนที่ได้รับความเดือดร้อนหนีไม่พ้นชาวบ้านและนักท่องเที่ยว
“ขอวิงวอนถึง พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยดูแลชาวบ้านเกาะลิบงด้วย เพราะท่านก็เคยมา จ.ตรัง ประกาศจะให้ความช่วยเหลืออย่างดี เชื่อว่าหากท่านเห็นสภาพถนนสายนี้ ท่านต้องเร่งรัดให้มีการก่อสร้างถนนอย่างแน่นอน”
ขณะที่นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าว่า ขณะนี้ทาง อบต.เกาะลิบง ได้ทำหนังสือไปยังเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ซึ่งก็เห็นควรอนุญาตให้มีการก่อสร้าง จากนั้นส่งเรื่องไปตามลำดับถึงกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ แจ้งมาว่าอยู่ระหว่างปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่าจะพิจารณาให้มีการก่อสร้างได้หรือไม่ในเร็วๆนี้
“ผมเข้าใจความเดือดร้อนของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว แต่ทางกรมอุทยานฯต้องรอกระบวนการทางศาลก่อนกรณีจับกุมผู้รับเหมาที่มีการขุดดินภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ผมปรึกษานายธัญญา และท่านให้ความเห็นว่าถ้าจะไม่รอกระบวนการทางศาลก่อนก็น่าจะได้ และจะกลับมาดูให้ เพราะเป็นความจำเป็นเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่จริงๆ และเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ผมได้กราบเรียน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านรับปากว่าจะดูแลให้ด้วย” ผวจ.ตรัง กล่าว
ปัญหาที่ทุกอย่างมีทางออก...
หากผู้ที่มีความรับผิดชอบทุกภาคส่วน ไม่วางตัวเพิกเฉย ทำเหมือน “ธุระไม่ใช่” ชาวบ้านคงไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน และไม่ต้องออกมาเรียกร้อง ที่เหมือนเป็นการ “ตบหน้า” การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฉกเช่นปัญหาความเดือดร้อนของ “ชาวบ้านเกาะลิบง” ที่ต้องต้องมาพบกับความเดือดร้อนกับการ “ระงับ” ก่อสร้างถนนสายสั้นๆ แต่เป็นความหวังระยะยาวของพวกเขา
จิรศักดิ์ จาตุพรพิพัฒน์ / ตรัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ วอน'บิ๊กตู่'ฟังเสียงเล็กๆจากชาวบ้านเกาะลิบง ซ่อมถนนอุกกาบาต-นทท.อุบัติเหตุซ้ำซาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี