จังหวัดกาญจนบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ อีกทั้งจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ห่างจากกรุงเทพมหานคร เพียงแค่ 129 กิโลเมตร โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่มากกว่า 5 ล้านคน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ฯลฯ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยังคงอยู่อย่างถาวรสืบไป

ครั้งนี้จะกล่าวถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เคยมีชื่อเสียงอันโด่งดังไปทั่วโลกจนมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาเที่ยวกันจำนวนมากในแต่ละวัน แต่แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ปัจจุบันต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดายนั่นคือ "วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน" หรือที่นิยมเรียกกันว่า "วัดเสือ" 

สำหรับวัดเสือ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

เกือบ 20 ปี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เข้าตรวจยึดลูกเสือโคร่งภายในวัดจำนวน 7 ตัว แต่กรมอุทยานฯ ซึ่งขณะนั้นคือกรมป่าไม้ ได้ฝากเสือโคร่งทั้ง 7 ตัวให้พระวิสุทธิสารเถร (ภูสิต ขันติธโร) หรือหลวงตาจันทร์ เป็นผู้ดูแลของกลางเรื่อยมา

ด้วยความที่ขณะนั้นเสือโคร่งของกลางนั้นยังเล็ก อายุยังน้อย ทำให้การเลี้ยงดูนั้นง่าย และไม่มีอันตราย หลวงตาจันทร์คลุกคลี อุ้มและป้อนนมให้เสือทุกวี่ทุกวัน ในที่สุดหลวงตาจันทร์ กับเสือจึงมีความผูกพันกันตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา เสือทุกตัวที่หลวงตาจันทร์ดูแล มีนิสัยไม่ดุร้าย เชื่องยังกับลูกแมว 

ระหว่างที่หลวงตาจันทร์ดูแลเลี้ยงดูเสืออยู่นั้น ได้มีการถ่ายภาพพร้อมคลิปวีดีโอ นำไปเผยแพร่ทางโลกโซเชียลเรื่อยมา เมื่อภาพไปปรากฏสู่สาธารณะ ทำให้สื่อมวลชนจากทั่วโลก รวมทั้งภายในประเทศ ต่างมุ่งหน้ามาที่วัดป่าหลวงตาบัวฯ เพื่อสัมภาษณ์หลวงตาจันทร์ รวมทั้งนำภาพอริยะบทต่างๆไปเผยแพร่ จนโด่งดังไปทั่วโลก อีกทั้งเสือโคร่งได้ขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้วยความเชื่องของเสือโคร่ง ทำให้วัดป่าหลวงตาบัวฯ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรีขึ้นมาในทันที ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมุ่งหน้ามาถ่ายภาพคู่กับเสือ ป้อนนมเสือ อาบน้ำให้เสือ อย่างไม่ขาดสาย ในแต่ละปีวัดป่าหลวงตาบัวฯ มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทเลยทีเดียว

นอกจากนี้ อานิสงค์ของวัดเสือ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังยังส่งผลให้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวสะพัดไปทั้งจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นปั้มน้ำมัน ร้านค้า ร้านอาหาร รวมทั้งร้านจำหน่ายสินค้าของฝาก หรือโรงแรม รีสอร์ต เป็นต้น และที่สำคัญทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ เกษตรกรสามารถนำผลิตผลทางการเกษตร มาจำหน่ายให้กับทางวัดได้ เพราะภายในวัดป่าหลวงตาบัวฯยังมีสัตว์อีกนานาชนิดที่ต้องกินพืชผักเป็นอาหาร เช่น วัว-ควาย-หมูป่า-เก้ง-กวาง ที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 2,000 ตัว ต้องยอมรับว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีวัดเสือแห่งนี้สามารถสร้างงานสร้างรายได้กระจายไปเกือบทั้งจังหวัดอย่างที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้

สุดท้ายจุดจบของวัดเสือก็มาถึง เมื่อมีบุคคลภายในวัดเองออกมาแฉความไม่ชอบมาพากลของหลวงตาจันทร์ และบุคคลที่อยู่ภายในวัดด้วยกันเอง ผ่านสื่อมวลชน เกี่ยวกับการลักลอบขนย้ายเสือโคร่งของกลางที่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน จำนวน 3 ตัว ไปขายให้กับกลุ่มนายทุนที่อยู่ต่างประเทศ นอกจากบุคคลนั้นจะออกมาแฉผ่านสื่อมวลชนแล้ว ยังนำหลักฐานร้องไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อีกด้วย

ดังนั้น เมื่อมีการร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่รับผิดชอบโดยตรง จึงจำเป็นต้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และระหว่างนั้นได้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันขึ้นระหว่างฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐกับฝ่ายวัดป่าหลวงตาบัวฯอย่างรุนแรง ซึ่งสื่อมวลชนทั้งไทย-เทศ ทุกสำนัก ต่างนำเสนอข่าวภาพความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องทุกวัน

ในที่สุดเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ต้องพึ่งพาหมายค้นจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามแต่ สุดท้ายแล้วก็มาถึงจุดจบของวัดเสือ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อกรมอุทยานฯ ตัดสินใจขนย้ายเสือโคร่งของกลางที่มีอยู่ทั้งหมด 147 ตัวไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช่าง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี

การขนย้ายเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ถึงวันที่ 4 มิ.ย.59 นั่นหมายถึง "วัดเสือ" แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี ที่เคยสร้างงานสร้างรายได้เป็นเงินจำนวนมหาศาล จึงถูกปิดตัวลงไปโดยปริยายเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2559 

ทุกวันนี้ใครผ่านไปที่วัดแห่งนี้ก็จะเห็นแต่เพียงรูปเสือขนาดใหญ่ที่บริเวณปากทางเข้าวัดที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น 

หากเข้าไปภายในวัดก็จะพบเพียง วัว-ควาย-หมูป่า-เก้ง-กวาง ที่ดูแล้วค่อนข้างจะผอมแห้งเนื่องจากขาดอาหารไว้คอยให้ชม แต่แทนที่คนที่เข้าไปเที่ยวจะได้ชมสัตว์เลี้ยงเหล่านี้กลับกลายเป็นต้องเกิดความเมตตาสงสารแทน นอกจากนี้ยังมีสิงโตหลงเหลือให้ดูอีกเพียงแค่ 1 ตัว กับซากเก่าๆ ที่เป็นสถานที่เลี้ยงเสือไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น