นายธนัท ชัยวชิระศักดิ์ หรือนัท แฟนพันธุ์แท้ แชมป์จตุคามรามเทพปี 2550 เปิดเผยกับ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับวงการพระสงฆ์ และการบุกเข้าจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระว่าในโลกโซเชียลขณะนี้ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการกระทำ 2 มาตรฐานเพราะได้กระทำกับอดีตพระพุทธะอิสระ แต่ตนอยากจะบอกว่าพฤติกรรมของอดีตพระสงฆ์ทั้งหลายมีความแตกต่างกัน ในส่วนของอดีตพระพุทธะอิสระนั้น มีพลังอำนาจ สามารถที่จะยึดถนนแจ้งวัฒนะได้ มีบอดี้การ์ด มีอาวุธหนักและอาวุธเบา สามารถป้องกันฝ่ายตรงข้ามจากการชุมนุม กปปส.ครั้งนั้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเล็งเห็น ว่าไม่ใช่พระธรรมดา
นายธนัท กล่าวอีกว่า ตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คิดวิเคราะห์ในส่วนหนึ่งแล้ว การเปรียบเทียบกันระหว่างการเข้าไปล้อมจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ กับการเข้าไปจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ มีความแตกต่างกันมาก เพราะขณะที่เข้าไปจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่วัดอื่นๆ ไม่ได้มีกองกำลังเหมือนวัดอ้อน้อย ทางกองปราบปรามคงได้ประเมินแล้วว่าไปในวินาทีที่ถูกกฎหมายที่สุด ก็ต้องไปตามอำนาจหมายศาล ซึ่งในวันนั้นหมายออกตอนเย็นก็ต้องไปในช่วงเช้าของอีกวันหนึ่ง โดยในช่วงเช้านั้นทางวัดยังไม่มีลูกศิษย์ยังไม่มีบอดี้การ์ด มากเท่าไรนัก เพราะถ้าหากวันนั้นไปแล้วไปเจอลูกศิษย์จำนวนมาก ตำรวจก็จะกลับยาก อาจจะเป็นกรณีเดียวกันกับวัดธรรมกายก็ได้ ในขณะที่ตำรวจไปเป็นกองร้อย แต่ไม่สามารถที่จะเข้าวัดได้ เพราะมีการนำคนมานั่งล้อมไว้ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
นายธนัท กล่าวต่ออีกว่า ตนเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปบุกจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ กับอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ ความแตกต่างเห็นได้ชัด ตามความเป็นจริง ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหมายจับแล้วไม่ต้องเคาะห้องก็ได้สามารถที่จะบุกเข้าไปได้เลย เพราะหากไปเคาะเรียกแล้วถูกยิงสวนออกมาแล้วจะทำอย่างไร แต่ต้องบอกอย่างนี้ว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของลูกศิษย์อดีตพระพุทธะอิสระหรือผู้ที่ติดโซเชียล ก็ต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ในวันนั้นถ้าหากอดีตพระพุทธะอิสระ รู้หมายจับแล้วไม่หนีถือว่าน่าชื่นชม เพราะยอมสู้คดี แต่ถ้าไม่รู้แล้วโดนจับ ก็ไม่รู้จะยังไง แต่เห็นอดีตพระพุทธะอิสระออกมาบอกว่าเจ้าหน้าที่ทำถูกต้องแล้ว ทำดีแล้ว เราสมควรแล้วที่จะถูกดำเนินการอย่างนี้ เพื่อที่จะได้มาสู้คดีตามทางโลกต่อไป
นายธนัท กล่าวต่ออีกว่า อดีตพระพุทธะอิสระสามารถที่จะกลับมาบวชได้ ถ้าหากสู้คดีแล้วสิ้นสุดว่าไม่ได้กระทำผิดจริง ไม่มีข้อหาปาราชิก ไม่ได้ลักทรัพย์ ไม่ได้ประพฤติผิดในกาม หากไม่เข้าข้อหาดังกล่าว ก็สามารถกลับมาบวชได้ ในมุมมองของตนเห็นว่าอดีตพระพุทธะอิสระทำบางสิ่งบางอย่างไม่เหมาะสมกับการเป็นพระสงฆ์ และไม่ใช่กิจของพระสงฆ์ที่จะต้องมาเดินขบวน ซึ่งในวินาทีนั้นถ้าหากว่าท่านไม่มาเดินขบวนก็ได้ เพราะว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำม๊อบอยู่ในขณะนั้น เมื่อถามว่าถ้าไม่มีอดีตพระพุทธะอิสระมาชุมนุมในครั้งนั้นจะทำให้ม๊อบ กปปส. ล้มหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ล้ม เพราะไม่มีอดีตพระพุทธะอิสระก็ได้เพราะแกนนำตัวจริง คือ นายสุเทพ หากวันนั้นเปลี่ยนตำแหน่งกัน อดีตพระพุทธะอิสระเป็นแกนนำคนแรก แล้วนายสุเทพ มาร่วมสนับสนุน งั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้ เห็นพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป ที่มีเส้นมีสาย สามารถหนีการจับกุม แน่นอนพระเหล่านี้ผิดอยู่แล้ว ซึ่งหากไม่ผิดจริงแล้วจะหนีทำไม มาสู้กันทางกฎหมายดีกว่า พระคือผู้ที่เสียสละ และละทางโลกแล้ว แต่ยังมีเงินในบัญชีเป็นร้อยล้าน มันไม่เหมาะสม
"ทองเมื่อมันโดนไฟไม่ว่าจะร้อนแค่ไหนมันก็เป็นทอง เพราะฉะนั้นทองดีไม่ต้องกลัวไฟ ก็เหมือนกันถ้าหากเป็นพระดีก็ไม่ต้องกลัว ผมเห็นว่าการทำแบบนี้คือการปฏิวัติวงการพระสงฆ์อย่างจริงจัง ผมเห็นความเปลี่ยนแปลง เมื่อพระมีเงินจำนวนมากก็ตามมาด้วยอำนาจ และการอ้างรวมถึงการเข้าใกล้ผู้มีชื่อเสียง ผู้มีบารมี แล้วก็เอาตัวเอง อ้างว่าเป็นอาจารย์ของผู้มีชื่อเสียงเหล่านั้น มาอวดอ้างสรรพคุณ แล้วก็มาทำให้เกิด อำนาจในตัว ซึ่งตัวเองเป็นแค่ดาวเคราะห์ไม่ใช่ดาวฤกษ์ มนุษย์ที่โกนหัวแล้วเอาผ้าสีเหลืองมาสวมใส่ ที่ยังกระทำผิดทางศีล และผิดในกามอยู่ ก็เท่ากับเป็นคนที่เกาะผ้าเหลืองของพระหากิน ผมว่าคงมีพระอีกหลายรูปที่จะถูกจับกุม" นายธนัท กล่าว
นายธนัท กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "ผมเห็นด้วยหากเจ้าหน้าที่พบเห็นการทุจริตที่เกี่ยวกับพระสงฆ์ก็ให้จับกุมไปเลย ไม่ต้องกลัว จะกลัวอะไร ในเมื่อเขาทำผิด ดีเสียอีกเท่ากับเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะฉะนั้นต้องรีบจับกุมพระที่ประพฤติผิดให้หมดไป"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี