หลังปรากฏภาพ “พระจำนงค์ ธัมมจารี” หรือ “อดีตพระพรหมเมธี” ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด เมื่อปี 2561 ฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เดินทางกลับจากเยอรมันถึงประเทศไทยช่วงเช้าวันพฤหัสที่ผ่านมา หลังลี้ภัยอยู่เยอรมนีถึง 7 ปี โดยมีลูกศิษย์ลูกหาใกล้ชิดจำนวนหนึ่งไปรอรับ
การกลับมาครั้งนี้ เพื่อเข้ามอบตัวต่อคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สู้คดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้อดีตพระพรหมเมธี รับทราบ 2 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันฟอกเงิน และสนับสนุนเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
หลังสอบปากคำอดีตพระพรหมเมธีให้การปฏิเสธ ส่วนรายละเอียดคำให้การจะเรียบเรียงเป็นลายลักษณ์อักษรส่งมอบให้พนักงานสอบสวนอีกครั้ง ก่อนยื่นคำร้องขอประกันตัวในขั้นสอบสวน เป็นเงินสด 4 แสนบาท ต่อมาพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่าอดีตพระพรหมเมธี เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีพฤติกรรมยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน จึงอนุมัติให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
สำหรับ อดีตพระพรหมเมธี ปัจจุบันอายุ 84 ปี เป็นพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีลูกศิษย์ศรัทธาจำนวนมาก เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์ไทยมากมาย อาทิ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม เป็นต้น
ย้อนที่มาที่ไปก่อนถูกจับกุมและออกหมายจับ พระชั้นผู้ใหญ่ ในคดีที่พบความผิดปกติในการใช้เงินอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ที่ส่งไปยังวัดต่างๆ แต่กลับมีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ รวมถึง “เงินทอน” ที่ไม่ได้ถูกส่งกลับเข้าคลังหลวง กลายเป็นที่มาของคำเรียกว่า “เงินทอนวัด”
ง่ายๆ คือ เงินส่วนต่างที่วัดได้รับเงินอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯให้นำไป “เพื่อใช้ปฏิบัติ - เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม-เพื่อการเผยแผ่และเพื่อบำรุงศาสนา” แต่เมื่อกฎหมายมีช่องโหว่ เอื้อให้การทุจริตเกิดขึ้น
จุดเริ่มจากกลางปี 2560 ต่อเนื่องถึง 2561 คดีทุจริต "เงินทอนวัด" สร้างความฮือฮาเขย่าวงการพระพุทธศาสนาครั้งใหญ่ของเมืองไทย กระแทกศรัทธาพุทธศาสนานิกชนอย่างแรง กรณีกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด 40 วัดดังทั่วประเทศ และมีการนำกำลังเข้าตรวจค้นทั้งอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เชื่อมโยงพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป
โดยเดือนมิถุนายน 2560 เจ้าอาวาสวัดห้วยตะแกละ จ.เพชรบุรี เข้าแจ้งความ ปปป.เปิดโปงพิรุธข้าราชการที่โอนเงินให้วัด เพื่อสร้างอุโบสถ 10 ล้านบาท แต่ต้องโอนกลับคืนให้ข้าราชการ 9 ล้านบาท ส่อพฤติกรรมพิรุธ เจ้าหน้าที่ พศ.จึงเข้าตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัด กับ ปปป.แบ่งการทำงานเป็นชุดๆ
ชุดแรกลงพื้นที่ตรวจค้น 10 จุด เป็นบ้านพักข้าราชการระดับสูงของพศ. ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด พบเอกสารการทุจริตงบบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดตั้งแต่ปี 2555 - 2559 เบิกจ่ายไป 33 วัด พบทุจริต 12 วัด มีข้าราชการระดับสูงของพศ.และพลเรือนเกี่ยวข้อง 10 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท
ชุดสอง เป็นการตรวจสอบงบปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด งบอุดหนุนเพื่อเผยแผ่ศาสนา และงบศึกษาพระปริยัติธรรม พบทุจริตเงินทอนวัด 23 วัด มูลค่าความเสียหาย 141 ล้านบาท มีผู้เกี่ยวข้อง 19 คน เป็นข้าราชการ 3 คน พลเรือน 2 คน และพบพระสงฆ์เกี่ยวข้อง 4 รูป
ชุดที่สาม ทำสังคมอึ้งเป็นอย่างยิ่ง เพราะพบทุจริตในกทม. 3 วัดคือ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสัมพันธวงศาราม และวัดสามพระยา ส่วนข้าราชการ พศ.ที่ร่วมทุจริต ยังเป็นกลุ่มเดียวกับการตรวจสอบชุดแรก ชุดที่สองและชุดที่สาม
ซึ่งปฎิบัติการตรวจสอบชุดที่สามนี้ เป็นการตรวจสอบพระเถระชั้นผู้ใหญ่ถึง 7 รูป คือ 1.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 2.พระพรหมเมธี (จํานงค์ เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม 3.พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา 4.พระราชอุปเสณาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระเมธีสุทธิกร) (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 5.พระราชกิจจาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์) (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 6.พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา 7.พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คํามา) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ความผิดปกติที่พบ เกี่ยวข้องกับการเขียนโครงการเบิกงบประมาน แต่นำไปใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์ นำไปสู่การถอดถอนสมณศักดิ์พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 7 รูป 1 ในนั้นคือ "พระพรหมเมธี" อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ที่หนีไปอยู่เยอรมนีถึง 7 ปี ทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ขณะนั้น ต้องบินไปประสานทางการเยอรมนีขอรับตัวกลับมา แต่ไม่เป็นผล
เมื่อคดีเงินทอนวัด เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ในที่สุดคำพิพากษาศาลออกมาว่า พระเถระของวัดสระเกศและวัดสามพระยา ไม่พบการทุจริต ไม่มีความผิดเข้าข่ายอาบัติปาราชิก จนต้องพ้นจากความเป็นสงฆ์ จึงได้มีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมณศักดิ์อดีตพระเถระทั้ง 5 รูป ให้กลับมาดำรงสมณศักดิ์เดิม ให้ถือว่าไม่เคยถูกถอดถอนสมณศักดิ์มาก่อน
ทีมข่าวแนวหน้า
ภาพจาก : เพจเฟซบุ๊ก "ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา V.3"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี