แนวหน้าวิเคราะห์ : อย่าให้‘ทุ่นระเบิดด้าน’ ช้าเกินไป‘ไทย’อาจเสียเชิง‘เขมร’
เห็นสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรช่วงนี้เงียบเชียบ ไร้เสียงตูมตาม อย่าเพิ่งไว้วางใจ
เรื่องนี้ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ที่ วปอ.เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเมินสถานการณ์ชายแดนให้ฟังว่า “ยัง 50-50 ตามภาพข่าว ประเทศเขมร ก็เป็นไปตามที่เราเข้าใจ ไม่มีอะไรที่เราไว้ใจได้!!! ปัจจุบันเหล่าทัพพร้อม ทั้งที่จะคุยกันแบบมิตรภาพ ถ้ามีเหตุจะปะทะกันอีก....ก็พร้อม”!!!
ที่แม่ทัพภาค2ว่า เหมือนจะบอก “ในความสงบ ใช่จะไร้คลื่นใต้น้ำ” หลังการเจรจาหยุดยิง ซึ่งเป็น1 ใน 13 ข้อตกลงจากเวทีทวิภาคี “จีบีซี” ที่มาเลย์ เขมรรับปากบนโต๊ะ พอแยกย้ายกลับบ้าน พี่หันมาใช้ “ทุ่นระเบิด” เป็นอาวุธลอบทำร้ายไทย หรือบินโดรนเข้ามาสอดแนม พร้อมระดมปล่อยเฟคนิวส์รัวๆมุ่งดิสเครดิตไทยรายวัน แสดงพฤติกรรมยั่วยุหาเรื่องหวังจุดไฟชายแดนให้ปะทุขึ้นอีก
พอเห็นไทยโต้กลับได้ทุกเม็ด ตัวเองกลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เพราะจำนนด้วยหลักฐานที่ไทยตรวจเจอในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะวัตถุหลักฐาน “ทุ่นระเบิด” ที่เป็นของใหม่ เพิ่งนำมาวาง เขมรยิ่งก้นร้อนไปอีก กับการที่ทหารไทยไปเจอโทรศัพท์ปริศนา ข้างในมี “คลิป” ทหารเขมรกำลังวางทุ่นระเบิดในเขตไทย มัดตัวดิ้นไม่หลุด รัฐบาลโดย ศบ.ทก.ส่งต่อให้กระทรวงต่างประเทศนำไปฟ้องประชาคมโลก กับภาคีอนุสัญญาออตตาวา เพราะเป็นการทำผิดกฎร้ายแรงชัดเจน!!!
เขมรจึงปรับแผน ใช้“พลเมือง”ของตัวเองเป็นกำแพงมนุษย์ รุกล้ำอธิปไตยไทย ยั่วยุกดดันทหารไทยให้รื้อรั้วลวดหนามที่ติดตั้งตลอดแนวชายแดนออก เจ้าหน้าที่ทหารต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างหนัก ไม่ให้กระทบกระทั่ง ช่วงที่หลายเวทีเจรจาทวิภาคีกำลังเกิดขึ้น
ไทยย้ำจุดยืนความเป็น “สุภาพบุรุษ” หวังใช้เวทีเจรจากดดันเขมร ให้มาร่วมมือเก็บกู้ระเบิด – หยุดข่าวปลอม –หยุดการยั่วยุ โดยนำประเด็นต่างๆ เข้าที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรืออาร์บีซี ไทย-กัมพูชา 22 สิงหาคม ซึ่งเห็นชอบ 13 ข้อตกลงจากประชุมจีบีซีที่มาเลเซีย และตอบรับอีก 3 ข้อเสนอใหม่จากไทยคือ “เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ และตั้งชุดประสานงาน(Coordinating Group: CG) และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee: TBC)” เป็นกลไกรองรับของคณะอาร์บีซี ในการแก้ปัญหาระดับพื้นที่ แต่เขมรไม่ตอบรับแก้ปัญหา MOU 43
ครั้งนี้ ก็ต้องติดตามผลตอนต่อไป จะทำได้ตามข้อตกลงหรือไม่?
จะเหมือนหลังเจรจาทวิภาคี จีบีซี ที่มาเลเซีย 7 สิงหาคมหรือไม่ ที่คุยจบ
ทุ่นระเบิดโผล่มาอีกอื้อ!!!
ส่วนที่รัฐบาล โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติ “ฟ้องผู้สั่งการเขมร” ในเหตุปะทะชายแดนที่เขมรใช้อาวุธหนักยิงถล่มไทย พลเรือนเจ็บตาย บ้านเรือนทรัพย์สินเสียหายไม่น้อย ซึ่งสมช.-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ- หน่วยงานกฎหมาย ร่วมหารือคำฟ้องยื่นต่อ “ศาลไทย” เอาผิดทั้งทางอาญาและเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเหมือนบอกว่า มองแนวทางยื่นฟ้องเขมรต่อศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซีไว้
จึงมีคำถามตามมาว่า ทำไมถึงไม่ใช้กลไกยื่นฟ้อง “ศาลอาญาระหว่างประเทศ” (ICC) อย่างที่บอกแต่แรก ให้สืบสวน พิจารณาคดีบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมร้ายแรงที่สุดที่ประชาคมโลกกังวล ได้แก่ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมรุกราน
เรื่องนี้ “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนเป็นอีกหนึ่งคนที่ตั้งคำถาม เพราะเห็นว่า ตอนนี้เรามีแต้มต่อเยอะมาก แต่อยู่ที่ว่าจะใช้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ต่อให้ไม่มีภาพคลิปในโทรศัพท์นั้น เราก็มีหลักฐานเพียงพออยู่แล้ว แต่การมีเพิ่มขึ้น ถือเป็นข้อมูลหนึ่ง ที่เป็นประโยชน์ต่อฝั่งเราแน่นอน
ถึงกัมพูชาจะสู้กลับว่า “เป็นการจัดฉาก” ก็เชื่อมั่นว่าด้วย “เครดิต”ของไทย ชี้แจงนานาชาติให้เข้าใจ “ความจริงที่มีหนึ่งเดียว” ได้ไม่ยาก
แนวทางลากเขมรมารับผิดชอบความเสียหาย จากเหตุโจมตีเป้าหมายพลเรือนฝั่งไทย โดยยื่นฟ้อง“ศาลอาญาระหว่างประเทศ”น่าสนใจไม่น้อย เพราะเราสามารถขยายผลเอาผิดไปได้อีกหลายมิติ แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติหลายเรื่องไปพร้อมกัน ทั้งล้างบางคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ที่เขมรใช้ไทยเป็นฐาน “ฟอกเงิน”มานาน น่าจะมีทรัพย์สินของเครือข่ายพวกนี้อยู่ในไทยมหาศาล ถ้าไม่ใช้โอกาสนี้ ลุยตรวจสอบ ยึดทรัพย์ เพื่อล้างบาง ก็น่าเสียดาย ยิงปืนใหญ่นัดเดียว ได้นกตัวเดียว ไม่คุ้มกระสุน แต่ถ้าทำสำเร็จ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย สร้างสันติภาพตามแนวชายแดนได้ระยะยาว
ถ้าเปรียบเชิงมวย ไทยเหนือกว่าเขมรทุกด้านทั้ง “อาวุธ-กำลังคน-เครดิต” ในสังคมโลก ยิ่งตอนนี้ จะเอา “เขมร”มารับผิดชอบพฤติกรรมอันธพาล ที่อยู่ๆก็ลากปืนมายิงบ้านคนอื่น ไทยก็แต้มต่อกินขาด เพราะพยานหลักฐานทั้งตัวบุคคล ภาพคลิปเสียง ทุ่นระเบิด คลิปในมือถือปริศนา ถ้าเรา “ตีเหล็กตอนร้อน” เดินหน้าจริงจัง รวดเร็วจัดการ “เขมร” อย่างเด็ดขาด ทุกอย่างที่มีในมือจะไม่เสียเปล่าแน่
ถึงแม้รัฐบาลจะมองการใช้ศาลไทยฟ้องเอาผิด “ผู้นำเขมร” ในฐานะคนสั่งการได้ แต่ถ้าทำเหมือน “ออมๆมือ” ก็จะกลายเป็นแค่การส่งสัญญาณ “เตือน”
เสียดายโอกาสดีๆ
ข้อมูลหลักฐานแน่นๆ ที่กำไว้ ไม่แค่สูญเปล่า แต่ยังเสียเชิง
จัดการเขมรไม่อยู่หมัดซะที!!!
#ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี