วันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
หนึ่งในประเด็นร้อน ที่พูดกันทั่วโลกตอนนี้ ไม่พ้น “สแกมเมอร์ -คอลเซ็นเตอร์ –อาชญากรรมข้ามชาติ” ซึ่งท่าทีนานาชาติเห็นพ้องตีกรอบล้อมวงบีบ “กัมพูชา” ซึ่งถูกมองเป็นแหล่งพักพิง “สแกมเมอร์ - อาชญากรรมออนไลน์” ที่อาละวาดสร้างความเดือดร้อนให้คนทั่วโลกมานาน ถึงคราวต้องร่วมมือกันปราบปรามกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้อย่างจริงจังเสียที
การตื่นตัวรุกคืบไล่ล่าแก๊งสแกมเมอร์ที่เด็ดขาดเป็นรูปธรรม น่าจะเริ่มจากรมว.ต่างประเทศของเกาหลีใต้ เรียกทูตกัมพูชาประจำกรุงโซลเข้าพบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม เพื่อแสดงความกังวลร้ายแรงต่อกรณีการหลอกลวงไปทำงาน กักขังหน่วงเหนี่ยวชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังมีรายงานการลักพาตัวชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา ที่เชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลวงไปทำงานเพิ่มสูงขึ้นมากช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม เพื่อกวาดล้างปราบปรามขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ให้สิ้นซาก และขอให้ประสานความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างตำรวจสองประเทศ
ความเคลื่อนไหวนี้ มีขึ้นหลังมีรายงานนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ ถูกลักพาตัวและทรมานอย่างรุนแรงโดยกลุ่มอาชญากรรมในกัมพูชาจนเสียชีวิต เมื่อเดือนสิงหาคม สร้างความตกตะลึงให้สังคมเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก ซึ่งผู้นำเกาหลีใต้ไม่ทน ที่จะปล่อยให้พลเมืองตัวเองถูกกระทำป่าเถื่อนเช่นนี้ ซึ่งเคสนักศึกษาเกาหลีใต้ผู้นี้ ไม่ใช่เคสแรกแน่นอน
จากรายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ระบุถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในศูนย์หลอกลวงของกัมพูชาเกิดขึ้นระดับกว้างมาก ด้วยจำนวนศูนย์หลอกลวงอย่างน้อย 53 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ก่ออาชญากรรมค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงาน กักขังและกดขี่ราวกับทาส พร้อมกล่าวหาว่ารัฐบาลกัมพูชาเพิกเฉยและมีส่วนร่วมเอาเปรียบแรงงานเหล่านี้ด้วย
ไม่นานผู้นำเกาหลีใต้ ประกาศเดินเกมเร็วรุกฆาต ส่ง“ทีมพิเศษ” เข้าไปในกัมพูชา เพื่อช่วยคนเกาหลีใต้ที่ถูกแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้หลอกลวงกักขัง ได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ พูดแล้วทำทันทีไม่มีไหว้ครู!!!
ขณะที่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กองทัพเมียนมา เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างสแกมเมอร์ ในพื้นที่ “เคเค พาร์ค” ใกล้ชายแดนไทย กระทั่งควบคุมพื้นที่สำเร็จ บุกยึดโซนสำคัญ ส่งผลให้ชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและอินเดียหนีกันจ้าละหวั่น แห่ข้ามฝั่งแม่น้ำเมยอันเชี่ยวกราก เข้ามาในเขตแดนไทยจำนวนมาก วันละเฉียดพันคนทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเมียนมา ยังเดินหน้ากวาดล้างเว็บพนัน-โต๊ะบอลออนไลน์ในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า เป็นการสร้างภาพต่อประชาคมโลก ก่อนมีการประชุมสุดยอดอาเซียนปลายเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งรัฐบาลไทยก็ต้องเตรียมรับมือการหนีตายจากกลุ่มคนเหล่านี้ให้ดี
ไล่เลี่ยกัน ที่ประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU) สมัยที่ 151 ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ได้พิจารณาร่างญัตติว่าด้วยอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติและอาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามแบบผสมผสานต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เสนอโดย “ผู้แทนรัฐสภาไทย”และชาติพันธมิตร ขอให้บรรจุเป็น "วาระเร่งด่วน" ในระเบียบวาระการประชุมใหญ่ของ IPU ปรากฏว่า ชาติสมาชิก IPU กว่า 100 ประเทศ เทคะแนนให้เสียงสนับสนุนเกิน 2 ใน 3 ของที่ประชุมฯ ประเด็นดังกล่าว จึงได้รับการบรรจุเป็นระเบียบวาระเร่งด่วน เพียงเรื่องเดียวในปีนี้ ถือเป็นความสำเร็จชิ้นโบว์แดงของรัฐสภาไทยเลยทีเดียว
ซึ่งในวาระการลงคะแนนโหวตร่างมติดังกล่าว ตัวแทนจาก “เขมร” ไม่ได้เข้าร่วม!!!
สาระสำคัญของการเสนอร่างมติฯของไทย โดย “รังสิมันต์ โรม” สส.พรรคประชาชน คณะผู้แทนสภาไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า ร่างมตินี้ครอบคลุมถึงอาชญากรรมองค์กร ครอบคลุมปัญหาอาชญากรรมดิจิทัล การโกงทางการเงิน อาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของสแกมเมอร์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มีผู้ถูกหลอกลวงนับแสนคน มีผู้ถูกกักขัง ถูกละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ สร้างความเสียหายมากกว่า 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากนิ่งเฉยองค์กรอาชญากรรมเหล่านี้จะขยายตัวต่อไป จึงขอให้สหภาพรัฐสภาสร้างความร่วมมือที่ราบรื่นร่วมกัน หลัง “รังสิมันต์” อภิปรายจบ ได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้องจากเวทีประชุมแห่งนี้
มติ IPU เป็นยากระตุ้นเพิ่มแรงกดดันให้ “เขมร” ต้องร่วมมือนานาชาติเดินหน้ากวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ อาชญากรรมออนไลน์ ให้เกิดผลสัมฤทธิเร็วที่สุด เพราะแต่ละประเทศ มีประชาชนของตัวเอง เดือดร้อนจากแก๊งเหล่านี้ไม่น้อย
การที่นานาชาติตื่นตัวขั้นสุดกับการอาละวาดของแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ หรืออาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติใดๆ น่าจะเป็นโอกาสทองของไทยเราหรือไม่ เรียกเป็น “ความได้เปรียบ”ได้แล้วหรือยัง ที่จะรุกไล่ “เขมร” เคลียร์ให้จบ ว่ากันตามจริง ไทยเป็นประเทศแรกๆที่เดือดร้อนสาหัสมานาน ถูกแก๊งเหล่านี้ที่ฝังตัวในประเทศข้างบ้าน ใช้เป็นฐานมารุกราน คนไทยตกเป็นเหยื่อ เสียเงินเสียทรัพย์ เสียชีวิตไปเท่าไหร่
เมื่อรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย เข้ามาบริหารประเทศ จึงต้องงัด “ไม้แข็ง-ความเด็ดขาด”มาใช้ ลุยปราบจริงจัง เลิกไหว้ครูหรือเรียกแขก ที่สำคัญห้าม!!แผ่วปลาย ต้องล้างบางให้เหี้ยน จังหวะทองแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ
ถึงแม้จากนโยบายกวาดล้างแก๊ง “สแกมเมอร์ - คอลเซ็นเตอร์ - อาชญากรรมข้ามชาติ” ของรัฐบาล อนุทินที่ประกาศเอาจริงเอาจัง ยกเป็นวาระแห่งชาติ ต้องกวาดล้างให้หมดจากประเทศไทย กลับเป็น “เผือกร้อน”ในมือรัฐบาลด้วยเช่นกัน เมื่อมีชื่อรัฐมนตรีบางคนถูกนำไปเชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์
แต่น่าจะเป็นโอกาสดี ที่นายกฯอนุทินต้องพิสูจน์ฝีมือความกล้าหาญ จัดการให้ได้อย่างที่ประกาศกร้าว เร่งฟื้นศรัทธา เรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ล้างภาพลักษณ์ประเทศไทย
งานใหญ่ที่รอช้าไม่ได้ 4 เดือนในการบริหารประเทศ หากทำสำเร็จ “ภูมิใจไทย” มีแต้มต่อทางการเมือง ในการหาเสียงเลือกตั้งรอบหน้าเพิ่มขึ้นมาเป็นกอง
- ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี