ใครรู้บ้างว่าเหตุใด "อดีตพระพรหมเมธี" หรืออดีตเจ้าคุณจำนงค์ หรือพระจำนงค์ ธมฺมจารี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) และรองเลขาธิการคณะธรรมยุต ถึงได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่กองปราบปรามในคดีร่วมกันฟอกเงินอุดหนุนโครงการศูนย์กลางเผยแพร่พระพุทธศาสนา หรือ คดีทุจริตเงินทอนวัด ล็อตที่ 3 จากวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร กรุงเทพฯ ไปตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.2561
แต่สุดท้ายก็หนีไปไม่รอด เมื่อมีรายงานข่าวว่า อดีตพระพรหมเมธี โดนควบคุมตัวได้ขณะไปโผล่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานของตำรวจไทยเพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยในวันที่ 6 มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ หากไล่เรียงเส้นทางการหลบหนีของอดีตเจ้าคุณจำนงค์จะพบว่าผ่านถึง 6 ประเทศด้วยกันรวมต้นทางจากไทย คือ 1.ไทย 2.ลาว 3.กัมพูชา 4.เวียดนาม 5.กาตาร์ และ 6.เยอรมนี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนขยายผลว่า มีใคร หรือขบวนการใด ช่วยเหลือในการหลบหนีครั้งนี้หรือไม่
ส่วนเส้นทางการหลบหนีออกจากประเทศไทยของอดีตพระพรหมเมธี หลังถูกออกหมายจับ พบว่า เมื่อระหว่างวันที่ 29-30 พฤษภาคมได้หลบหนีข้ามจากชายแดนฝั่งจังนครพนม ไปยัง สปป.ลาว จากการช่วยเหลือของกลุ่มลูกศิษย์ จากนั้นได้ลักลอบข้ามแดนเข้าไปในประเทศกัมพูชา ขึ้นเครื่องบินจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา แวะจอดสนามบินโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม แวะพักสนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์ เปลี่ยนเครื่อง ออกจากประเทศกาตาร์ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
มีคำถามว่า "ถ้าอดีตเจ้าคุณจำนงค์ ไม่มีความผิดในคดีร่วมกันฟอกเงินอุดหนุนโครงการศูนย์กลางเผยแพร่พระพุทธศาสนา หรือคดีทุจริตเงินทอนวัด แล้วเจ้าคุณจำนงค์ จะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ทำไม? และถ้าอดีตเจ้าคุณจำนงค์ ถูกจับกุมแล้วมาปฎิเสธภายหลังว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในแง่ของกฎหมายอาจจะหาพยานหลักฐานมาหักล้างกันได้
แต่ในแง่ของสังคมนั้นอดีตพระพรหมเมธี ได้สร้างตราบาปให้กับตัวเองแล้วและทำให้สังคมเชื่อด้วยว่า "กระทำผิดจริง...เพราะถ้าไม่ผิดก็คงจะไม่หนี" แล้วทำไมตัวอดีตพระพรหมเมธี เองซึ่งเป็นถึงพระเถระชั้นผู้ใหญ๋ บวชเรียนมานานถึง 77 พรรษา รู้หลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้หลักพระะรรมวินัยเป็นอย่างดีนับตั้งแต่เป็นสามเณรจนเป็นถึง "พระธรรมเมธี" ยังไม่รู้จักกลัวบาปกรรม ไม่กลัวนรก ???"
นอกจากคำถามข้างต้นแล้วยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับอดีตพระพรหมเมธี ที่หลายคนยังไม่รู้มาก่อนอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี!!!
อดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) มีนามเดิมว่า จำนงค์ เอี่ยมอินทรา เกิดที่บ้านริมน้ำนครชัยศรี ปากคลองบางระทึก ต.บางระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2484 บรรชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 11 ขวบที่วัดราษฎร์บำรุง เขตบางแค กรุงเทพฯ โดยบรรชาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2495 มีพระครูวิศาลปริยัติคุณ (งาม จันทเทโว) วัดสามัคคยาราม จ.ปทุมธานี เป็นพระอุปัชฌาย์
เข้าพิธีอุปสมบทเป้นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2504 ที่วัดสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ มีพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเทพปัญญามุนี เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระเนกขัมมมุนี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ธมฺมจารี มีความหมายว่า ผู้ประพฤติธรรม
จนกระทั่งวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2553 เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ พระราชทานสถาปนา พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัณยบัฏ ที่ "พระพรหมเมธี" ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม โฆษกมหาเถรสมาคม และผู้ช่วยแม่กองธรรมสนามหลวง
ส่วนผลงานการทำหน้าที่นอกเหนือไปจากงานคณะสงฆ์ที่ได้รับมอบหมายแล้ว อดีตพระพรหมเมธี ยังมีงานพิเศษอีกหลายอย่าง อาทิ เป็นกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลฝ่ายสงฆ์ เป็นกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการดำเนินการจัดงานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระ เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พุทธมณฑล อีกทั้งได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการพิพิธภัณฑ์ทางพระพุทธศาสนา
นอกจากการทำงานด้านพระศาสนาแล้วอดีตพระพรหมเมธี ยังมีงานทางด้านสาธารณประโยชน์ก็มี เช่น จัดหาทุนเพื่ออบรมลูกเสือชาวบ้านค่ายสัมพันธวงศ์ 2 รุ่น จัดหาทุนและออกแบบ "สร้างเหรียญของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ" วัดดอยแม่ปั๋งให้แก่ทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติ โดยเฉพาะเหรียญรุ่น "เราสู้" ได้รับความนิยมอย่างสูงในแวดวงนักนิยมสะสมพระเครื่อง
อีกทั้ง ยังมีความรู้ในวิชาโหราศาสตร์สามารถชักนำประชาชนทั่วไปให้เข้ามาสู่วัดวา เป็นโอกาสให้ได้แนะนำหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา มาแก้ปัญหาชีวิตและให้เข้าใจหลักธรรมะ ดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าสาระ แสดงให้ประจักษ์ถึงผลงานและคุณสมบัติต่างๆ เป็นที่ยกย่องเชิดชูมากมาย ทั้งในด้านการบริหารและด้านวิชาการ จนเป็นที่ยอมรับและเลื่อมใสศรัทธา
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) โฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ในขณะนั้นได้ออกมากล่าวถึงรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดเรื่องของพระให้พระจัดการกันเองว่า "อาตมาเห็นด้วยว่านายกฯพูดเข้าท่าที่ให้คณะสงฆ์เป็นผู้จัดการกันเองภายในเรื่องลดความขัดแย้งเรื่องตั้งสมเด็จพระสังฆราช ทั้งนี้ มส.จะนำไปหารือในที่ประชุม มส.เร็วๆ นี้ ส่วนฝ่ายบ้านเมืองก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเหมือนกัน
"พระสงฆ์มีข้อจำกัดในการถือกฎหมาย 5 อย่างได้แก่ 1.พระธรรมวินัย 2.กฎหมายบ้านเมือง 3.พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 4.จารีตประเพณี และ 5.มหาสมณนิยม ซึ่งการที่นายกฯออกมาพูดเช่นนี้ตรงกับคำที่พระราชาเคยตรัสว่า "ราชูนัง อนุวัตติตุง" คือให้พระสงฆ์อนุวัติตามพระราชา หรือหมายถึงเรื่องภายในของพระสงฆ์ให้พระสงฆ์จัดการกันเอง แต่กลัวว่าพวกที่มาร้องแรกแหกกระเชอ ข้างล่างเป็นคน ข้างบนเป็นพระ คือไม่เป็นพระทั้งองค์ ดังนั้น สังคมไม่ควรเอาพระเกเรมาเป็นแบบอย่าง"
อย่างไรก็ตาม สำหรับพฤติการณ์ด้านลบของอดีตพระพรหมเมธี ที่ทำให้ต้องหนีการจับกุมแบบเอาตัวรอดสุดชีวิตในครั้งนี้ เนื่องจากในช่วงที่อดีตพระพรหมเมธี เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ในปี 2557 นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ในขณะนั้นได้เซ็นเช็คอนุมัติงบประมาณ 5 ล้านบาทมอบให้นายบุญเลิศ โสภา ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา แล้วส่งเข้าบัญชีวัดสัมพันธวงศาราม เพื่อจัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในช่วงที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถร) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กำลังอาพาธ และมีอดีตพระพรหมเมธี เป็นผู้บริหารจัดการภายในวัดชั่วคราว
แต่กลายเป็นว่าเข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตพระพรหมเมธี โดยที่ไม่ได้นำไปใช้จัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรมแต่อย่างใด แล้วต่อมาก็โยกเงินจำนวน 3.5 ล้านบาท ไปเข้าบัญชีที่ 2 ของอดีตพระพรหมเมธีอีกด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า อดีตพระพรหมเมธี ยังมีพฤติกรรมรับเงินจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 70 ล้านบาทเชื่อมโยงกับห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่งในการผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ จนโดนแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินกรณีกระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม
อีกทั้ง จากการตรวจสอบข้อมูลของตำรวจชุดสืบสวนติดตามจับกุมยังพบว่า อดีดพระพรหมเมธี ที่เดินทางหลบหนีเข้าประเทศเยอรมัน โดยมีเป้าหมายคือ สำนักงานผู้อพยพและผู้ลี้ภัยในเยอรมันนั้นก็เพื่อจะขอยื่นเรื่องเป็นผู้ลี้ภัย ส่วนสาเหตุที่พระพรหมเมธี ต้องหลบหนีและต้องขอสิทธิ์เป็นผู้ลี้ภัยให้ได้เนื่องจากรู้ตัวว่ากระทำผิดร้ายแรง ไม่ใช่แค่คดีทุจริตเงินทอนเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องเสื่อมเสียที่ร้ายแรง โดยเฉพาะมีสีกาใกล้ชิดและอยู่กินเป็นภรรยา นอกจากนี้ ยังให้สีกาคนนี้ออกงานใหญ่ร่วมกันเสมอๆ ด้วย ไม่เว้นงานพิธีสำคัญ ทำให้รู้ตัวว่าจะต้องโดนลงโทษหนัก เพราะทำเสื่อมเสียอย่างรุนแรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี