เข้าสู่วันที่ 4 แล้วสำหรับการปฏิบัติการค้นหาทีมนักเตะเยาวชน "หมูป่า" อายุตั้งแต่ 11-16 ปี พร้อมโค้ช อายุ 25 ปี รวม 13 คน ที่ผลัดหลงอยู่ภายในถ้ำหลวง เขตวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน บ้านจ้องวัด หมู่ 9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา วันนี้ถือเป็นวันที่ 4 แล้วของการค้นหา โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้มี "ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ หน่วยซีล ของกองทัพเรือ" ถูกส่งลงพื้นที่ปฎิบัติภารกิจค้นหาในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทั้งหมด 18 นาย
โดยมี น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 จบการศึกษาหลักสูตรต่างๆ อาทิ นักเรียนนักทำลายใต้น้ำจู่โจม, ผู้บังคับการเรือและยุทธวิธีเรือผิวน้ำ, เสนาธิการทหารเรือ และรับราชการในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ มาโดยตลอด พร้อมทั้งเคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญ คือ รองผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 ผบ.รบพิเศษที่ 1 เสนาธิการ นสร. ผู้อำนวยการกองส่งกำลังบำรุง ทัพเรือภาคที่ 3 และ ผบ.กรมรบพิเศษที่ 1 เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการค้นหา
สำหรับ "หน่วยซีล" ขึ้นชื่อในเรื่องดำน้ำและเป็นนักทำลายใต้น้ำชั้นครู โดยกองทัพเรือ ได้รับการประสานขอให้จัดกำลังพลเข้าไปช่วยค้นหาทีมนักเตะเยาวชน "หมูป่า" พร้อมโค้ช ทั้่งหมด 13 คนที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เนื่องจากสภาพพื้นที่ในถ้ำเป็นอุปสรรคต่อการค้นหาอย่างมาก เนื่องจากระดับน้ำในถ้ำสูงขึ้นหลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายหน่วยงานมีความยากลำบากในการค้นหา
ดังนั้น การค้นหาจึงต้องอาศัยผู้ชำนาญใต้น้ำและเครื่องมือพิเศษในการช่วยค้นหาซึ่งชุดพิเศษที่ว่านี้ก็คือ "หน่วยซีล" ด้วยเหตุนี้ พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ จึงสั่งการให้ น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 ลงพื้นที่กำกับดูแลและจัดชุดปฏิบัติภารกิจสำคัญนี้ โดยให้คัดนักทำลายใต้น้ำฝีมือระดับพระกาฬรวมทั้งหมด 18 นายขึ้นมาปฏิบัติการค้นหาอย่างเร่งด่วนเพื่อแข่งกับเวลา
สำหรับลำดับเหตุการณ์ของทีมนักเตะเยาวชน "หมูป่า" และโค้ชที่หายไปนั้น เกิดขึ้นหลังจากเด็กมาซ้อมฟุตบอล หลังซ้อมบอลเสร็จ ในเย็นวันที่ 23 มิ.ย.โค้ชและเด็กจึงปั่นจักรยานขึ้นมาบนเขตวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เพื่อเข้าไปเที่ยวข้างในถ้ำ ต่อมาเจ้าหน้าที่ผิดสังเกตเห็นจักรยานที่จอดอยู่ข้างหน้าหลายคัน ยังไม่ออกมาคาดว่าเพราะน้ำป่าหลากจึงทำให้ออกมาไม่ได้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะลงมือค้นหาแต่ก็ไม่พบ
จากนั้นในวันที่ 24 มิ.ย.เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานก็ระดมกำลังปูพรมเข้าค้นหาอีกหลายชุดแต่ก็ไม่พบ ก่อนที่กองทัพเรือจะได้รับการประสานขอความฃ่วยเหลือให้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือหน่วยซีล ของกองทัพเรือ ให้จัดกำลังนักทำลายใต้น้ำชั้นครูมาช่วยค้นหา ซึ่งหน่วยซีล ก็ได้เดินทางมาถึงพื้นที่ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย.จนกระทั่งรุ่งเช้าวันที่ 25 มิ.ย.จึงได้วางแผนการค้นหาทันที
แต่การค้นหาก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากตลอดทั้งวันได้มีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในถ้ำสูงขึ้น ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องหยุดการค้นหาฃั่วคราวในช่วงเวลา 21.00 น.คืนวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากฝนตกหนักอีกระลอกหนึ่ง ทำให้อุณภูมิบริเวณนอกถํ้าหลวงอยู่ที่ 23?C ส่วนภายในช่วงกลางของถํ้าระดับนํ้าสูงถึงเพดานถํ้า อีกทั้งระยะทางยาว ไกลมืด และน้ำขุ่น เจ้าหน้าที่ต้องถอยทัพออกมาวางแผนกันใหม่ และรอให้ระดับนํ้าลดลงจึงจะเข้าไปค้นหาน้องๆ กันอีกรอบ
เวลา 21.15 น. คืนวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทีมนักดำน้ำ ซึ่งเป็นคนไทยที่ได้รับการฝึกจากประเทศอิตาลี ได้นำเอาอุปกรณ์ดำน้ำและช่วยชีวิต มาจากประเทศสวีเดนและอิตาลี มาช่วยค้นหาพร้อมเครื่องช่วยหายใจไร้ถังอ๊อกซิเจนสำหรับเด็กๆ
อย่างไรก็ตาม แม้จนถึงขณะนี้การค้นหาจะยังไม่พบทั้ง 13 ชีวิตที่ผลัดหลงอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน แต่ทุกฝ่ายก็เชื่อมั่นว่า ทั้งหมดยังปลอดภัยและยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากในระหว่างปฏิบัติการค้นหาแบบปูพรมของหน่วยซีล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบสิ่งบ่งชี้หลายอย่างที่บ่งบอกถึงการยังมีชีวิตรอดของทั้ง 13 คน เช่น รอยมือ รอยเท้า และมือถือของเด็กทีมนักเตะ เป็นต้น
และหวังว่าภายในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ญาติพี่น้อง และคนไทยทั้งประเทศที่รอลุ้นเอาใจฃ่วยทั้ง 13 ฃีวิตน่าจะได้รับข่าวดี...
สำหรับ "หน่วยซีล" หรือ "หน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม" หรือ "มนุษย์กบ" เป็นหน่วยหนึ่งในหน่วยปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ กองทัพเรือไทย ซึ่งนับเป็นหน่วยที่ได้รับการฝึกที่หนักที่สุดในบรรดาหน่วยรบพิเศษของทุกเหล่าทัพ
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังทางเรือของทั้งฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ต่างก็ได้ส่งหน่วยรบพิเศษซึ่งเป็นหน่วยรบขนาดเล็กที่ได้รับการฝึก ให้มีขีดความสามารถเหนือทหารทั่วไปเข้าปฏิบัติการทำลายกองเรือและสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้าม ทำการก่อวินาศกรรมและปฏิบัติการลับอื่นๆ ซึ่งผลการปฏิบัติของแต่ละฝ่ายต่างก็สร้างความเสียหายให้กับฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก แม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดลงแล้วแต่ภารกิจของหน่วยรบพิเศษก็ไม่ได้จบสิ้นไปด้วย ตรงกันข้ามกลับได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านองค์บุคคล องค์วัตถุและองค์ยุทธวิธี
สำหรับประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2495 กระทรวงกลาโหม ได้มีความคิดที่จะจัดตั้งหน่วยทำลายใต้น้ำขึ้น และได้เชิญผู้แทนเหล่าทัพกับกรมตำรวจไปประชุม เรื่อง การจัดตั้งหน่วยฝึกว่ายน้ำ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทห่ีเรือสหรัฐฯ ประจำหน่วย MAAG (MILITARY ASSISTANCE ADVISORY GROUP) การประชุมคราวนั้นที่ประชุมมีมติให้ กองทัพเรือ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดตั้งหน่วยฝึก และจากการหารือระหว่าง กองทัพเรือ กับ MAAG ซึ่งได้แนวความคิดในการจัดตั้งหน่วยฝึก
พ.ศ. 2558 หน่วยนี้ยังได้ให้การฝึกแก่นักกีฬาสโมสรฟุตบอลราชนาวี ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันไทยลีกคัพ
การฝึกในหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ของหน่วยซีล ใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 เดือน นับเป็นการฝึกหลักสูตรทางทหารที่มีระยะเวลานานที่สุดของไทย แบ่งออกเป็น 5 ช่วง ได้แก่ การแนะนำการฝึกเบื้องต้น ฝึกการออกกำลังกายและการฝ่าอุปสรรคต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์, การฝึกจริง ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์, การฝึกแบบเข้มข้น หรือเรียกว่า "สัปดาห์นรก" ใช้เวลา 120 ชั่วโมงโดยไม่มีการหยุดพัก, การฝึกสอนยุทธวิธีต่างๆ และ การฝึกยุทธวิธีในสภาพจริง ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
เมื่อสำเร็จหลักสูตรจะได้ประดับตราความสามารถ ซึ่งออกแบบโดย พลเรือโทพัน รักษ์แก้ว โดยส่วนประกอบของตรามีความหมายดังนี้ "ปลาฉลาม สีขาว หรือสีน้ำเงิน" หมายถึงจ้าวแห่งท้องทะเล ดุร้าย น่าเกรงขาม สง่างาม แข็งแกร่ง "คลื่น" หมายถึง ความน่ากลัวของทะเลที่มีเกลียวคลื่นตลอดเวลา หรืออุปสรรคของคลื่นหัวแตก แต่ฉลามก็ไม่ได้หวั่นเกรง "สมอเรือ" หมายถึง ทหารเรือ ในอดีตหลักสูตรจะรับเฉพาะทหารเรือเท่านั้น แต่ในปัจจุบันทางหน่วยได้รับทหารบก ทหารอากาศ และตำรวจเพิ่มด้วย "ธงชาติ" หมายถึง การยอมพลีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
กฎสำคัญของเหล่านักเรียนนักทำลายใต้น้ำจู่โจม คือ มีจิตใจที่เข้มแข็ง กล้าที่จะเผชิญปัญหาต่างๆ ตัดสินใจด้วยความเด็ดขาด รวดเร็ว แม่นยำ ถูกต้อง เอาตัวรอดได้โดยไม่ทิ้งเพื่อนหรือพวกพร้อง ที่สำคัญมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
การจะเข้าเป็นหนึ่งในหน่วยซีลไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ถ้าใครได้เข้ามายังหน่วยแล้วจะสร้างความภาคภูมิใจให้แก่พ่อแม่และวงศ์ตระกูลไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี