เมืองเกินร้อย...เชื่อมสามัคคี รักษ์ประเพณี ผ่านวิถี‘ลงแขก...’

“ลงแขก...เกี่ยวข้าว ดำนา”

ถือเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมประเพณีของไทย ที่คนโบร่ำโบราณใช้เป็นกุศโลบายในการเชื่อม “ความสามัคคี” ระหว่างชาวบ้าน แต่ปัจจุบันประเพณีดังกล่าวค่อยๆเลือนหายไป ท่ามกลางการเข้ามาแทนที่ของ “เครื่องจักร” ทันสมัย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้พยายามอนุรักษ์ และ “ลงแขก” กลับมาใช้ในหลายๆกิจกรรม เพื่อสร้างความสามัคคีในพื้นที่ ดังเช่นที่...

“อ.จตุรพักตรพิมาน ร้อยเอ็ด”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา นายธรรมนูญ แจ่มใส นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน เปิดการจัดกิจกรรม “ลงแขกดำนา” เพื่อเชื่อมความสามัคคี ที่แปลงนาสาธิต สำนักงานเกษตรอำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตำรวจ ทหาร ผู้บริหารสถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปกครองอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม

นายธรรมนูญ  แจ่มใส นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน กล่าวว่า การจัดกิจกรรมลงแขกดำนา เพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตำรวจ ทหาร ผู้บริหารสถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปกครองอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคีเครือข่ายเอกชน และยังเป็นการอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิมของอาชีพเกษตร ให้ซึมซับในวิถีชีวิตเกษตรกรแบบดั้งเดิมอีกครั้งได้จัดทำเป็นแปลงนาสาธิตเพื่อเป็นตัวอย่างและถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรในชุมชนได้รับองค์ความรู้ ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตข้าวนาปี และจะกลับมาจัดกิจกรรมอีกครั้ง ประมาณ 3 เดือน เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่จะมาถึง

นายพนมกร สินธุวา เกษตรอำเภอจตุรพักตรพิมาน กล่าวว่า กิจกรรมการลงแขก เป็นวัฒนธรรมประเพณีแห่งความเอื้อเฟื้อและเกื้อกูลกันของสังคมคนอีสานในอดีต ที่นับวันจะสูญหายไปเนื่องจากระบบเศรษฐกิจที่ใช้เงินตราเป็นตัวกำหนด เมื่อเทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามาสู่ชุมชนพร้อมกับการส่งเสริมให้มีการปลูกเพื่อขาย ยุคเศรษฐกิจเงินตราเป็นใหญ่จึงทำให้การช่วยเหลือเกื้อกูลกันยังอดีต กลายมาเป็นการว่าจ้างแรงงานแทน และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามอย่าง การลงแขก จึงพลอยสูญหายไปด้วย เพื่ออนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของอาชีพเกษตร จึงต้องการฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม การลงแขกให้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

กิจกรรมการลงแขกดำนาในครั้งนี้ ชาวอำเภอจตุรพักตรพิมาน ทุกภาคส่วน ขานรับนโยบายสร้างความสมัครสมานสามัคคี ของนายอำเภอจตุรพักตรพิมาน โดยร่วมเดินทางมาลงแขกดำนากันทั้ง 13 ตำบล และทีม วีไอพี อีก 1 ทีม โดยแบ่งลู่ดำนาออกเป็น 14 ลู่  ตำบลละ 1 ลู่ รวม 13 ตำบล อีก 1 ลู่ คือ วีไอพี นำโดย นายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจตุรพักตรพิมาน เกษตรอำเภอ เป็นต้น เพื่อแข่งกันดำนา หาทีมผู้ชนะที่ 1 ของอำเภอ

ผลปรากฏว่า ทุกทีมต่างเข้าเส้นชัยในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ท่ามกลางเสียงเชียร์ของกองเชียร์ ลุ้นกันสนุกสนาน และสุดท้าย เสมอกัน ได้รับรางวัล คือ มัดกล้าทีมละหนึ่งมัด