วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
เปิดตำนานต้นมะขาม100ปี! เคยเป็นจุดพักพิงจอมโจรขมังเวทย์ '3 เสือสุพรรณ' ตอนออกปล้น

เปิดตำนานต้นมะขาม100ปี! เคยเป็นจุดพักพิงจอมโจรขมังเวทย์ '3 เสือสุพรรณ' ตอนออกปล้น

วันพุธ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561, 15.11 น.
Tag : ต้นมะขาม เสือใบ โจรปล้น เสื่อมเหศวร 3เสือสุพรรณ ขมังเวทย์ เสือดำ จอมโจร
  •  

เรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณเกี่ยวกับตำนานขุนโจรพันธุ์เสือ "โรบินฮู้ดเมืองไทย" โดย 3 เสือ ได้แก่ เสือดำ เสือใบ และเสือมเหศวร รวมตัวกันเนื่องจากประสบกับปัญหาชีวิตในรูปแบบเดียวกัน คือ ครอบครัวถูกปล้นและไม่ได้รับการเหลียวแลจากทางราชการ จึงคิดล้างแค้นก่อนหักเหชีวิตเข้าสู่เส้นทางสายโจร

การจะออกปล้นแต่ละครั้งนั้น 3 เสือจะมีกฎระเบียบว่าต้องบอกผู้ที่จะถูกปล้นให้เตรียมตัวก่อน โดยไปติดป้ายประกาศล่วงหน้าที่หมู่บ้านก่อนจะเข้าไปเข้าไปปิดล้อมหมู่บ้านให้ชาวบ้านนำทรัพย์สินใส่กระสอบที่วางไว้รอบหมู่บ้านตั้งแต่ 10.00 น.-17.00 น.จะไม่มีการยิงหรือฆ่าใคร ทรัพย์สินที่ได้จะบริจาคให้วัด โรงเรียน ทุนการศึกษา ซื้อที่ดินให้คนยากจน ซื้อไม้และสร้างบ้านให้คนยากจน ซื้อยาและอาหารให้ชาวบ้าน และส่วนสุดท้ายจะเอาไว้ใช้ไถ่ถอนที่ดินของคนจนจากคนรวย


 

 

ทั้งนี้ การออกปล้นจะแบ่งพื้นที่กันชัดเจน คือ "เสือมเหศวร" จะออกปล้นใน อ.เดิมบางนางบวช ไปจนถึง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี "เสือใบ" จะออกปล้น อ.ดอนเจดีย์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ส่วน "เสือดำ" จะออกปล้นใน อ.เลาขวัญ และ จ.กาญจนบุรี โดยแต่ละคนมีลูกน้องไม่ต่ำกว่า 30 คน

นายยันต์ โอภาสพินิจ อายุ 54 ปี ชาวบ้านหนองสรวง ต.ปลายนา อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ได้เล่าถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่อง 3 เสือที่เขาได้ยินได้ฟังมาจากพ่อของเขาซึ่งได้เสียชีวิตแล้วให้ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ฟังขณะที่นั่งล้อมวงกินข้าวแบบชาวบ้านๆ ในตอนค่ำ พร้อมกับชี้ไปที่ต้นมะขามขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปีที่อยู่บริเวณใกล้บ้านว่า เมื่อสมัยก่อนที่บริเวณใต้ต้นมะขามนี้เคยเป็นที่พักพิงของเสือมเหศวร ที่ออกปล้นในละแวกนี้ และในระแวกใกล้เคียง รวมทั้งบ้านอื่นๆ ถูกปล้นหมด ยกเว้นบ้านของพ่อของตนหลังเดียวเท่านั้นที่ไม่โดนปล้น

 

 

"มีอยู่ครั้งหนึ่งมีโจรจากที่อื่นเข้ามาปล้นควายที่เลี้ยงไว้ เสือใบได้สั่งให้ไปบอกโจรพวกนั้นนำควายมาคืน ไม่นานนักก็มีคนจูงควายกลับมาคืนให้ถึงบ้านเลย ตอนนั้นถือว่าควายมีค่ามากสำหรับชาวบ้านทั่วไป เพราะสามารถใช้แรงงานแทนคนได้ แล้วเสือใบถามพ่อว่าจะให้ยิงทิ้งไหม เพราะมันหยามกัน แต่พ่อบอกว่าไม่ต้องปล่อยเขาไปทุกคนก็รักชีวิต" นายสายันต์ กล่าว

นายยันต์ เล่าต่ออีกว่า ตอนนั้นตนยังเด็กมากจำความได้ไม่หมด อาศัยจำตอนที่พ่อเล่าให้ฟัง เมื่อเสือมาพักใต้ต้นมะขาม พวกเขาจะวางปืนไว้รอบต้นมะขาม เป็นช่วงทำพิธี เรียกว่าตัดไม่ข่มนาม เพื่อสร้างความฮึกเหิมให้กับลูกน้องในการออกปล้น เป็นกระตุ้นลูกน้องไม่ให้กลัวตาย ถ้ามีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทั้ง 3 เสือจะออกปล้นโดยแบ่งเขตกันชัดเจน ซึ่งตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเสือมเหศวรกับพวกถึงตัดสินใจมาพักตรงบริเวณต้นมะขามนี้ หรืออาจจะเห็นว่าที่บริเวณใต้ต้นมะขามมีแอ่งขนาดใหญ่ลึกลงไป ทำให้สามารถอำพรางตัวจากการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

 

 

"พ่อของผมเล่าให้ฟังอีกว่า เสือมเหศวร ได้ชวนพ่อเป็นเพื่อนลงนิ้ว คือ กรีดเลือดดื่มเพื่อเป็นเพื่อนร่วมสาบานด้วย แต่พ่อไม่อยากเป็นโจร สนใจทำเกษตรมากกว่า ที่เสือเลือกมาพักที่บ้านน่าจะเป็นเพราะย่า เนื่องจากเป็นคนใจนักเลง ใจถึง คนในละแวกนี้ไม่กล้าเข้ามาหาเรื่อง และเป็นคนที่ดุมาก พกปืนติดตัวตลอดเวลา เพราะอย่างนี้จึงทำให้เสือมเหศวรถูกใจ และบอกจะให้เงิน ทรัพย์สิน เป็นค่าตอบแทน ที่ทำอาหารให้เสือมเหศวรและลูกน้องกิน แต่ย่าไม่รับเงินและทรัพย์สินเหล่านั้น ย่าบอกว่าเป็นเงินที่ปล้นคนอื่นมา จึงไม่ขอรับ คงเป็นเพราะอย่างนี้บ้านของพ่อจึงไม่ถูกปล้น และผมเชื่อว่าสัจจะมีจริงในหมู่โจร หากพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น และหากกินข้าวบ้านไหน บ้านนั้นจะเป็นผู้มีบุญคุณ" นายยันต์ กล่าว

นายยันต์ ยังเล่าต่ออีกด้วยว่า ตอนที่เสือมเหศวรมางานบวชพระพี่ชายนั้นเขาจะนั่งเอาหลังชนเสา หรือกำแพงเท่านั้น จะระวังแค่ 3 ด้าน คือ ขวา ซ้าย และตรงกลาง เพื่อระวังศัตรู​ที่ไม่คาดคิด ตอนที่เขามานั่งที่บ้านตนก็สงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้มาแล้วนั่งแปลกๆ นั่งเฉยๆ ไม่มองซ้ายมองขวา นั่งนิ่ง จนเขากลับไป พ่อจึงได้บอกว่าเขา คือ เสือมเหศวร เพราะไม่อยากแสดงตัว

 

 

**สำหรับประวัติของ 3 เสือสุพรรณ มีดังนี้ 

"เสือมเหศวร" ชื่อจริงว่า ศวร เภรีวงษ์ เป็นจอมโจรชื่อดังในแถบภาคกลางหลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เสือมเหศวรเกิดเมื่อ พ.ศ.2457 ที่ จ.สุพรรณบุรี เดิมรับราชการทหาร แต่หลังปลดประจำการแล้วนั้น พ่อของเสือมเหศวรถูกกำนันฆ่าตาย จึงเข้าร่วมเป็นสมาชิกของชุมโจรเสือฝ้ายหวังจะแก้แค้นให้พ่อตัวเอง สุดท้ายแยกตัวออกมาเป็นอิสระจากเสือฝ้ายจนกลายเป็นจอมโจรชื่อดังในที่สุด โดยได้ชื่อว่า "มเหศวร" จากการแขวนพระเครื่องมเหศวรไว้ที่คอ ซึ่งได้ชื่อว่าช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย กลับร้ายให้กลายเป็นดี และเมื่อเวลาออกปล้นจะปล้นด้วยความโหดเหี้ยมจนได้รับฉายาว่า จอมโจรมเหศวร เคยโดนตำรวจยิงที่ลำตัวและศีรษะหลายนัดแต่ไม่เข้า 

เสือมเหศวรถูกปราบโดย พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งเป็นผู้เกลี้ยกล่อมให้เสือมเหศวรมอบตัว หลังจากได้รับโทษในเรือนจำแล้ว เสือมเหศวรก็ได้บวชเป็นภิกษุและพราหมณ์ หลังจากนี้ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพักที่ อ.หันคา จ.ชัยนาท โดยทำไร่มันสำปะหลัง แม้มีอายุกว่า 90 แล้ว แต่เสือมเหศวรก็ยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่ และเป็นที่เล่าลือว่าเป็นบุคคลจอมขมังเวทย์ มีชาวบ้านและผู้ที่เชื่อถือแวะเวียนมาพบปะพูดคุยเสมอๆ โดยในเดือนเมษายน พ.ศ.2550 เป็นผู้ทำพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพรุ่นลายเซ็นเสือมเหศวรของวัดแสวงหา จ.อ่างทอง เสือมเหศวรเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 06.15 น.ของวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ที่โรงพยาบาลหันคา จ.ชัยนาท ด้วยโรคชรา อายุได้ 101 ปี

 

 

"เสือดำ" โจรชื่อดังในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันเป็นพระเกจิอาจารย์และนักพัฒนา คือ พระครูสุนทรธรรมวิมล นามเดิม ทวีศักดิ์ ฉายา ชุตินฺธโร เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2478 เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีนวลธรรมวิมล เขตหนองแขม กรุงเทพฯ และรักษาการเจ้าอาวาสวัดชลอรัตนาราม ต.ตานิม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา 

"เสือใบ" มีชื่อจริงว่า ใบ สะอาดดี เป็นชาว จ.สุพรรณบุรี เป็นจอมโจรชื่อดังในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเวลาออกปล้นจะแต่งชุดสีดำ สวมหมวกดำ และปล้นด้วยความสุภาพ จนได้รับฉายาว่า สุภาพบุรุษเสือใบ และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ยังได้เข้าร่วมกับขบวนการไทยถีบ ดักปล้นและถีบสินค้าหรืออาวุธของทางทหารญี่ปุ่นจากขบวนตู้รถไฟด้วย

เมื่อเสือใบถูกจับได้ และกลายเป็นอาชญากร ศาลได้ตัดสินลงโทษให้ประหารชีวิต แต่เจ้าตัวยอมรับสารภาพ จึงได้รับการหย่อนโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต และกลายมาเป็นจำคุกเพียง 20 ปี อีกทั้งในระหว่างที่ต้องโทษ ยังได้ช่วยเหลือพัศดีจากการถูกนักโทษด้วยกันทำร้ายด้วย ในบั้นปลายชีวิต เสือใบอาศัยอยู่กับลูกหลานที่บ้านพักส่วนตัวที่บ้านพันตำลึง ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรรณบุรี

เสือใบ เสียชีวิตในวัย 94 ปี เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง จากอาการเส้นเลือดโป่งไปกดทับทางเดินหายใจ
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

หวดไทยพร้อมลุย! สู้ศึกชิงแชมป์โลกที่คาซัคฯ

'จุลพันธ์'พร้อมคุย'อนุทิน'ทำประชามติ กม.คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่เป็นการเสนอขึ้นมาลอยๆ

จ่ายครบ280ล้าน! 'มาดามแป้ง'เคลียร์เงินสโมสรจบทุกลีก

'สรวงศ์'ขออย่าโยงการเมือง กับการลงโทษ 3 หมอปม 'ทักษิณ' ย้ำไม่เกี่ยว'รัฐบาลอิ๊งค์'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved