พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนผู้ถือปฏิบัติอย่างจริงจัง รวมถึงให้ความสนพระทัยศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ โดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ ได้กรุณาเล่า "วิธีฝึกปฏิบัติสมาธิของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า...
"คนไทยเรามีพระเจ้าอยู่หัวที่วิเศษสุด เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่มีบ้านไหนเมืองไหนเหมือน พระองค์ทรงศึกษาและปฏิบัติธรรมโดยตลอดและต่อเนื่อง รวมทั้งทรงประยุกต์ธรรมะเข้ากับพระองค์เองในการประกอบพระราชกรณียกิจทุกอย่างทั้งน้อยและใหญ่ได้เป็นอย่างดี จึงทรงสามารถเผชิญกับพระราชภาระอันหนักในตำแหน่งพระมหากษัตริย์ได้
"พระเจ้าอยู่หัวทรงฝึกสมาธิจนเป็นพระนิสัย เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรก็ตาม พระสมาธิก็จะไปกำกับการกระทำต่างๆ โดยอัตโนมัติ อย่างเวลาทรงงาน พระองค์ท่านก็จะทรงทำอย่างจดจ่อ ถ้างานไม่เสร็จก็ไม่หยุด ต่อให้เป็นงานที่ต้องใช้กำลังกายกำลังใจมากๆ อย่างการพระราชทานปริญญาบัตร ที่ต้องทรงประทับอยู่ในที่ประชุม 4 ชั่วโมงเต็มๆ พระเจ้าอยู่หัวท่านก็ทรงได้โดยไม่มีปัญหา และไม่ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถเลย ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับไปถึงพระตำหนักจิตรลดารโหฐานในตอนค่ำวันนั้น พระเจ้าอยู่หัวยังทรงออกพระกำลังบริหารพระวรกายด้วยการวิ่งในศาลาดุสิดาลัยอีก ผู้ที่ทำแบบนี้ได้ต้องมีสมาธิเยี่ยมจริงๆ เท่านั้น"
ด้วยการที่พระองค์ทรงถือปฎิบัติอย่างจริงจังสม่ำเสมอนี้เอง จึงได้ทรงกลายเป็นแบบอย่างให้บรรดาข้าราชสำนัก ข้าราชบริพารหลายคน ทั้งฝ่ายพลเรือนและนายทหารราชองครักษ์ พลอยเห็นถึงคุณค่าของการประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม รวมทั้งเจริญรอยตามพระยุคลบาทด้วยการฝึกสมาธิและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ว่าจะทรงสอนข้าราชบริพารด้วยการปฏิบัติให้ดูเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องทางธรรม พระองค์ทรงส่งเสริมให้ประชาชนยึดมั่นในพุทธศาสนา เพื่อให้เกิดสังคม ที่ดีงาม โดยทรงให้เริ่มต้นจากการพัฒนาภายในใจให้ได้เสียก่อน จากนั้นจึงนำไปสู่การพัฒนาภายนอกต่อไป
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เคยอธิบายเรื่องการกำหนดพระอัสสาสะ (ลมหายใจเข้า) และพระปัสสาสะ (ลมหายใจออก) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเอาไว้ใน "พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว" ดังนี้
หายใจเข้าครั้งที่หนึ่ง..นับหนึ่ง
หายใจเข้าครั้งที่สอง..นับสอง
หายใจเข้าครั้งที่สาม..นับสาม
หายใจเข้าครั้งที่สี่..นับสี่
หายใจเข้าครั้งที่ห้า..นับห้า
และวนกลับมา
หายใจออกครั้งที่หนึ่ง..นับหนึ่ง
หายใจออกครั้งที่สอง..นับสอง
หายใจออกครั้งที่สาม..นับสาม
หายใจออกครั้งที่สี่..นับสี่
หายใจออกครั้งที่ห้า..นับห้า
เมื่อถึงห้าแล้ว หากจิตยังไม่สงบ ก็นับถอยหลังจากห้าลงมาหาหนึ่ง แล้วนับจากหนึ่งขึ้นไปหาห้าใหม่ กลับไปกลับมาเช่นนั้น จนกว่าจิตจะสงบ ทรงมีกระแสรับสั่งว่า... "ที่เห็นพระองค์ประทับอยู่นิ่งๆ นั้น พระจิตทรงอยู่กับหนึ่งเข้าหนึ่งออกตลอดเวลา..."
นี่เป็น "วิธีการกำหนดลมหายใจ" แบบง่ายๆ ที่เราทุกคนสามารถนำมาปฏิบัติและนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้ เช่นเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำสำเร็จมาแล้ว
แหล่งข้อมูล : หนังสือพ่อหลวง พ่อของแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี