วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
เปิดตำนาน 'ไหลเรือไฟนครพนม' จากอดีตถึงปัจจุบันก่อนกลายเป็น 'หนึ่งเดียวในโลก

เปิดตำนาน 'ไหลเรือไฟนครพนม' จากอดีตถึงปัจจุบันก่อนกลายเป็น 'หนึ่งเดียวในโลก

วันอาทิตย์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561, 20.40 น.
Tag : นครพนม ปั้งไฟพญานาค เปิดตำนาน ไหลเรือไฟ ออกพรรษา
  •  

ประเพณีไหลเรือไฟ บางที่เรียกว่า “ลอยเรือไฟ” “ล่องเรือไฟ” หรือ “ปล่อยเรือไฟ” ภาษาถิ่นจะเรียกว่า “ล่องเฮือไฟ” “ลอยเฮือไฟ” เป็นพิธีกรรมทางพุทธศาสนา นิยมทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (วันออกพรรษา) เป็นประเพณีโบราณของชาวอีสาน โดยเฉพาะผู้อยู่อาศัยในแถบลุ่มแม่น้ำโขง โดยมาจากคติความเชื่อว่า คือ การบูชารอยพระพุทธบาท ที่ประทับไว้ริมฝั่งแม่น้ำนัมทานที ประเทศอินเดีย หรือการบูชาพระพุทธเจ้าที่เสด็จกลับมาสู่มนุษย์โลก หลังจากขึ้นไปเทศนาโปรดพระมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือที่เรียกว่า “วันพระเจ้าเปิดโลก” โดยผสมผสานกับคติความเชื่อท้องถิ่น ในการสักการะท้าวผกาพรหม การขอขมาและบูชาพระแม่คงคา ตลอดจนการบูชาพญานาค การขอฝน และการสะเดาะเคราะห์ เผาความทุกข์ให้ลอยไปตามสายน้ำ


ชาวจังหวัดนครพนมเรียนรู้ สั่งสม และสืบทอดภูมิปัญญา ศิลปะการสร้างเรือไฟมาแต่โบราณ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ทุกวันนี้เรือไฟจะมีความยิ่งใหญ่ตามวันเวลา แต่ยังคงมีการอนุรักษ์เรือไฟต้นฉบับแบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาเรือไฟให้ทันสมัยทั้งรูปแบบ ความงาม และเพิ่มเทคนิคการนำเสนอที่ตื่นตาตื่นใจ

ต้นกำเนิดการไหลเรือไฟ ถือว่าเป็นประเพณีของพุทธศาสนิกชนชาวอีสานในลุ่มน้ำโขง ช่วงวันออกพรรษา ที่จัดขึ้นภายในชุมชน หรือหมู่บ้านที่อยู่ใกล้แม่น้ำ โดยมีการสร้างเรือไฟ เพื่อขอขมาลาโทษต่อพระแม่คงคา ภายหลังประมาณปี 2518 ประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ได้หยุดลงชั่วคราว อาจจะเกี่ยวข้องกับที่ประเทศเพื่อนบ้าน มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่มีความปลอดภัยในการลอยเรือไฟ จึงต้องชะงักประเพณีดังกล่าวไว้ก่อน

กระทั่งปี 2526 นายบวร บุปผเวส นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม(ในขณะนั้น)  พร้อมกับหมู่เพื่อนๆ สมาคมเจซี ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ช่วยกันฟื้นฟูประเพณีไหลเรือไฟขึ้นมาใหม่ โดยเทศบาลฯได้ออกประกาศเชิญชวนส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน และชาวคุ้มวัดต่างๆให้ช่วยกันประดิษฐ์เรือไฟ เพื่อประกวดประชันด้านความคิดและความสวยงาม ในปีดังกล่าวมีเรือส่งเข้าชิงชัยถึง 52 ลำ เล่าลือกันว่าปีดังกล่าว มีเรือไฟที่งดงามจากฝีมืออันประณีต ประดับด้วยโคมไฟสวยสะดุดตา เรียงรายอยู่กลางแม่น้ำโขง เป็นภาพที่ประทับใจของชาวนครพนมและผู้มาเที่ยวชมอย่างยิ่ง

ถัดมาในปี 2528 งานประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามลำดับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จึงนำเข้าสู่ปฏิทินเทศกาลท่องเที่ยวไทย เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่กิจกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม โดยเน้นรูปแบบด้านศิลปวัฒนธรรมและประเพณี ช่วงเทศกาลออกพรรษาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

กระทั่งปี 2533 จังหวัดนครพนมได้ขอพระราชทานไฟพระฤกษ์จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่ออัญเชิญมาจุดที่เรือไฟแบบดั้งเดิม เพื่อความเป็นสิริมงคลในการจัดงาน จากนั้นจึงจุดต่อไปยังเรือไฟประกวด และยังคงปฏิบัติสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้

จากวันนั้นถึงวันนี้ จังหวัดนครพนมได้จัดงานไหลเรือไฟเป็นประจำทุกปี ในช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา โดยใช้ชื่องานดังกล่าวว่า “งานไหลเรือไฟและกาชาด” รวม 9 วัน 9 คืน แบ่งการออกเป็น 2 โซน รอบศาลากลางจังหวัดฯเป็นงานกาชาด ส่วนเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขงเป็นการชมไหลเรือไฟที่ยิ่งใหญ่อลังการจาก 12 อำเภอ นอกจากนี้ยังมีการลอยเรือไฟโบราณ ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบเรือไฟในปัจจุบัน ที่ชาวนครพนมทั้ง 25 คุ้ม ร่วมกันอนุรักษ์ไว้อย่างเหนียวแน่น

โดยจุดตั้งขบวนเรือไฟโบราณ จำนวน 12 ลำ ตามปีนักษัตร 12 ราศี อยู่บริเวณริมแม่น้ำโขง หน้าวัดโพธิ์ศรี ถนนสุนทรวิจิตร ใกล้กับองค์พญาศรีสัตตนาคราช คณะผู้จัดจะเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวร่วมอนุรักษ์สืบสานประเพณีเก่าแก่นี้ ด้วยการให้ตัดเล็บ ตัดผม วางไว้ในเรือไฟ ตามคติความเชื่อว่าเพื่อเป็นการขอขมาลาโทษ สะเดาะเคราะห์ให้ชีวิตหมดเคราะห์หมดโศก หายจากโรคภัย สิ่งชั่วร้ายในชีวิตจงไหลไปกับสายน้ำ และมอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวไฟ

โดยเรือไฟโบราณทั้ง 12 ลำ 12 ปีนักษัตร นี้ จะปล่อยลงสู่แม่น้ำโขงในวันที่ 24 ต.ค. เวลาประมาณ 17.30 น. จากนั้นก็จะถึงคิวเรือไฟปัจจุบัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่าเป็นเรือไฟประยุกต์ ส่วนลวดลายบนเรือไฟแต่ละลำขึ้นอยู่กับศิลปินเรือไฟ จะจินตนาการตามความคิด ความเชื่อ ในทางพระพุทธศาสนา  และความจงรักภักดีต่อสถาบัน ตลอดจนสัตว์ในเทพนิยาย

ความแตกต่างระหว่างเรือไฟโบราณกับเรือไฟในปัจจุบันคือ เรือไฟโบราณมีขนาดความยาวไม่เกิน 5 เมตร สูงราว 1 เมตร สร้างจากกาบกล้วย  ตกแต่งด้วยธงทิว ดอกไม้ ของไหว้ขอขมา อาทิ หมากพลู ปั้นข้าวเหนียว ข้าวต้มมัด ผลไม้ อาหารคาวหวาน ใช้เวลาสร้าง 1 วัน

ด้านเรือไฟประยุกต์ ใช้ระยะเวลาสร้างประมาณ 1 เดือน ฐานสร้างจากไม้ไผ่ผูกกับถังน้ำมันมัดเป็นแพ มีความยาวเกือบ 100 เมตร และสูงเท่ากับตึก 10 ชั้น มีตะเกียงไฟราว 20,000-30,000 ดวงเป็นตัวส่องแสงสว่าง แสดงถึงความคมชัดของลวดลาย ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ มีเทคนิคใหม่ๆประกอบการนำเสนอ เช่น พลุ ตะไล ไฟพะเนียง เพื่อเสริมความอลังการ

ปัจจุบันนี้เรือไฟของจังหวัดนครพนม ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลก ที่มีประเพณีทางน้ำในวันออกพรรษายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ร่วมกันสรรค์สร้างตามจินตนาการอันยิ่งใหญ่กลางสายน้ำโขง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'ไข่ผำ\'ซิกเนเจอร์นครพนม เผยขนาน\'นาซ่า\'ยังนำไปศึกษาคุณค่าโภชนาการ 'ไข่ผำ'ซิกเนเจอร์นครพนม เผยขนาน'นาซ่า'ยังนำไปศึกษาคุณค่าโภชนาการ
  • ไม่ธรรมดา! หมอแคนฟันน้ำนมวัย 9 ขวบโชว์ลีลาส่ายเอวสุดแซ่บ สีสันถนนคนเดินธาตุพนม ไม่ธรรมดา! หมอแคนฟันน้ำนมวัย 9 ขวบโชว์ลีลาส่ายเอวสุดแซ่บ สีสันถนนคนเดินธาตุพนม
  • สุดว้าว!!เปิด 8 เมนูอาหารพาแลงแยงเรือไฟซิกเนเจอร์กลุ่มชาติพันธุ์ในงานไหลเรือไฟนครพนม สุดว้าว!!เปิด 8 เมนูอาหารพาแลงแยงเรือไฟซิกเนเจอร์กลุ่มชาติพันธุ์ในงานไหลเรือไฟนครพนม
  • เปิดตำนานก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นน่องจัมโบ้ร้าน\'บ้านเตี๋ยว\'แห่งอำเภอเขาฉกรรจ์ เปิดตำนานก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นน่องจัมโบ้ร้าน'บ้านเตี๋ยว'แห่งอำเภอเขาฉกรรจ์
  • ​\'เปิดถนนข้าวปุ้น\'รับวันสงกรานต์จัดสารพัดน้ำยามาเพียบผู้ว่าฯนครพนมโชว์ลีลาบีบเส้นสดๆ ​'เปิดถนนข้าวปุ้น'รับวันสงกรานต์จัดสารพัดน้ำยามาเพียบผู้ว่าฯนครพนมโชว์ลีลาบีบเส้นสดๆ
  • หนังควายเค็มกึ่งสำเร็จรูป เมนูอีสานดังไกลถึงเมก้า ออเดอร์ล้นผลิตจนมือเป็นระวิง หนังควายเค็มกึ่งสำเร็จรูป เมนูอีสานดังไกลถึงเมก้า ออเดอร์ล้นผลิตจนมือเป็นระวิง
  •  

Breaking News

‘ตำรวจภูธรภาค 1’ทำงานตามสโลแกน‘เป็นหนึ่ง พึ่งได้ ดูแลความปลอดภัย เพื่อประชาชน’

มอง‘ภูมิใจไทย’เป็นฝ่ายค้านครั้งแรก รัฐบาลถือเป็น‘เผือกหวาน’ แค่ผลักเบาๆก็ล้มแล้ว

‘วิปวุฒิสภา’โต้ยื่นสอบซ้ำ‘อิ๊งค์’ แจงทำไม่ได้ เหตุนายกฯ-รมว.วัฒนธรรม ถือเป็นรมต.เหมือนกัน

'แม่ทัพภาค 2' ชวนคนไทย เที่ยว '3 ปราสาท' กระตุ้นเศรษฐกิจช่วยพ่อค้าแม่ค้าชายแดน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved