“ที่ไหนไม่สะอาด คนก็ขยาดจะไปเที่ยว” คำพูดนี้คงเป็นเรื่องจริงอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะในปัจจุบันการสร้างแรงดึงดูดให้คนไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เรื่องสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งคงหนีไม่พ้นความสะอาด ยิ่งประเทศไทยตอนนี้ “การท่องเที่ยว” นับเป็นแม่เหล็กหลักในการดูดรายได้เข้าสู่ประเทศ การจะพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแห่ง จำต้องคำนึงเรื่องของความสะอาดมาเป็นลำดับแรก เพื่อสร้างความประทับใจสำหรับผู้เดินทางไปเยือน
ที่ผ่านมาทางกระทรวงมหาดไทย ได้มีการประกาศผลการคัดเลือกจังหวัดที่มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน หรือจังหวัดสะอาดในระดับประเทศ ประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งจังหวัดลำพูน ได้รับรางวัลชนะเลิศจังหวัดสะอาดในกลุ่มของจังหวัดขนาดเล็กและได้รับรางวัลนี้ติดต่อกันตั้งแต่ปี 2560 ทำให้เมื่อไม่นานมานี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยกคณะไปตรวจราชการและประกาศให้ลำพูนเป็นจังหวัดสะอาด และปราศจากโฟม(No Foam) เป็นโครงการต่อยอดหลังจากที่จังหวัดลำพูนได้รับรางวันจังหวัดสะอาดอันดับ 1 ของประเทศ 2 ปีซ้อน เพื่อหวังปั้นให้เป็นจังหวัดต้นแบบของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
นายอรรษิษฐ์สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนกล่าวว่าการที่จังหวัดลำพูนได้รับรางวัล จังหวัดสะอาด ต่อเนื่องมา 2 ปีนั้น เป็นการดำเนินการตามนโยบายขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ “ประเทศไทยไร้ขยะ” ถือเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่ทำให้คนลำพูนเดินหน้ารักษารางวัลนี้ไว้ให้ได้ในปีต่อๆ ไป โดยทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมทั้งบ้านวัดโรงเรียน กำนันผู้ใหญ่บ้านและหน่วยงานท้องถิ่น ดำเนินการในทุกอำเภอ คัดแยกขยะมาตั้งแต่ปี 2547 โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รณรงค์ให้ประชาชนทุกชุมชนคัดแยกขยะบนพื้นฐานหลัก“3 ช : ใช้น้อย ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่” (3Rs: Reduce Reuse และ Recycle)
โดยมีแผนการดำเนินงาน 3 ระยะ ได้แก่ “ต้นทาง” คือ ลดปริมาณและส่งเสริมการคัดแยกขยะ ณ ต้นทาง ก็คือทุกหลังคาเรือน ทุกชุมชน “กลางทาง” คือ การจัดระบบเก็บและขนอย่างมีประสิทธิภาพ และ “ปลายทาง” คือ ขยะมูลฝอยต้องถูกกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักโดยลำพูนเป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน เป็น “จังหวัดสะอาด” ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ตามแนวทางประชารัฐ ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วนที่ได้เข้ามาบริหารจัดการร่วมกัน เช่น 1.การส่งเสริมการจัดการขยะมูลฝอยต้นทาง 2.การทำความตกลงกับร้านค้าต่าง ๆ เพื่อรณรงค์ลด ละ เลิก การใช้ภาชนะโฟมบรรจุอาหารที่ย่อยสลายยาก และมีผลกระทบกับสุขภาพ การคัดแยกขยะเปียกในศูนย์อาหาร ร้านค้า สถานประกอบการ 3.การขับเคลื่อนงานของจิตอาสาและอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) โดยเป็นแกนนำร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรม เพื่อจัดการขยะในชุมชนเป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี 2559 – 2560 จังหวัดได้เร่งดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประเทศไทยไร้ขยะ ทำให้ปริมาณขยะลดลง มีชุมชน หมู่บ้าน ต้นแบบการจัดการขยะ 295 แห่ง , มีการจัดตั้งจุดทิ้งขยะอันตราย ใน 608 หมู่บ้าน , มีการจัดการขยะติดเชื้อและขยะจากอุตสาหกรรมตามหลักวิชาการ มีการดำเนินโครงการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารและขยะเปียก เป็นผลให้จังหวัดลำพูนได้รับรางวัล “ จังหวัดสะอาดอันดับ 1 ของประเทศ “ในที่สุด และในปี 2561 ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนได้มีโครงการ “ ลำพูนเมืองสะอาด ปราศจากโฟม (No FOAM) ” เป็นโครงการต่อยอด เพื่อทำให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ในการส่งเสริมให้จังหวัดลำพูนยังคงเป็นเมืองสะอาดระดับประเทศ และจะกระตุ้นให้จังหวัดใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาจังหวัดลำพูนได้ร่วมกันลดปัญหาขยะล้นเมือง สิ่งนี้ถือเป็นโครงการสำคัญที่จะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวหันมาเยี่ยมชมจังหวัดสะอาดอย่างลำพูน กันมากขึ้น
“นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายเมื่อคราวที่เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดลำพูนว่า เมืองลำพูนเป็นเมืองที่ได้รับรางวัลเมืองสะอาดและได้รางวัลสองปีซ้อนจึงขอให้รักษามาตรฐานนี้ไว้ และเดินหน้าต่อไปเป็นเมืองไร้โฟม เป็นจังหวัดที่มีความสะอาดที่สุดของประเทศไทย เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะจะหลั่งไหลเดินทางเข้ามายังเมืองลำพูนไม่ขาดสาย และเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของประเทศไทยต่อไป” ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี