พระวัดห้วยหมูรวมพลังสร้างอาคารเรียนและศูนย์พัฒนาการเด็กพิเศษกันเอง เนื่องจากทางวัดมีงบน้อยมีไม่พอที่จะไปจ้างโยมช่างมาทำ หลังเสร็จหวังเป็นที่เรียนและที่พัฒนาอาชีพเด็กๆและญาติโยมที่ยากไร้อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่าย
19 ธ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซลเชียลต่างร่วมอนุโมทนาบุญกับนายรังสรรค์ ศรีรัตนปิ่นทอง อายุ 51 ปี พ่อค้าในตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ที่ได้บริจาคโฉนดที่ดินพร้อมด้วยที่ดินถวายให้กับพระครูจันทสีรากร เจ้าอาวาสวัดห้วยหมู จำนวน 79 ตารางวา ซึ่งอยู่ติดกับวัดหลังรับซื้อจากชาวบ้านที่นำไปขายให้และไม่ทราบว่าที่ดินผืนดังกล่าวอยู่ติดกับวัด ภายหลังจากรับซื้อแล้วจึงเดินทางมาถวายให้กับทางวัดเพื่อให้ทางวัดนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ในทางพระพุทธศาสนาและกิจการทางชุมชนและเห็นสมควรตามเจ้าอาวาสจะทำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้ชาวโซเชียลต่างร่วมอนุโมทนาบุญกันจำนวนมาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดห้วยหมู ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 9 ตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เป็นวัดอยู่ในพื้นที่ชุมชนขนาดเล็ก พบเห็นพระภิกษุสงฆ์ภายในวัดกำลังช่วยกันก่อสร้างอาคารหลังหนึ่งอย่างขมักเขม่น โดยมีพระครูจันทสีรากร เจ้าอาวาสวัดห้วยหมู เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างด้วยตนเอง
โดยที่พระสงฆ์ของวัดที่มีฝีมือช่างทั้งพระบวชแก่พรรษา และพระที่เข้ามาบวชใหม่ ร่วมกับชาวลูกศิษย์วัดและนักศึกษาจากสถาบันอาชีวะศึกษาจำนวนหนึ่ง มาช่วยกันก่อสร้าง โดยการขุดหลุม ตอกเสาเข็ม และขึ้นโครงเหล็ก วางแบบคานล่างของตัวอาคาร เพื่อเตรียมที่จะขึ้นโครงสร้างของตัวอาคารเพื่อที่จะตั้งโครงหลังคา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอาคารหลังดังกล่าว
พระครูจันทสีรากร เจ้าอาวาสวัดห้วยหมู เปิดเผยถึงสาเหตุที่พระสงฆ์ต้องลงมือก่อสร้างอาคารหลังนี้เองว่า อาคารหลังดังกล่าวที่พระสงฆ์กำลังช่วยกันก่อสร้างนี้ เป็นอาคารเรียนของเด็กพิเศษ หรือเด็กออทิสติก ซึ่งเป็นเด็กที่อยู่ภายในชุมชนหรือชุมชนใกล้เคียง และที่กำลังจะก่อสร้างควบคู่กันคือศูนย์พัฒนาการหรือศูนย์ที่ใช้ฝึกอาชีพ ศูนย์จำหน่ายสินค้าจากเด็กและผู้ปกครอง เด็กพิเศษ เด็กออทิสติก รวมไปถึงผู้ยากไร้ เพราะเดิมอาคารหลังเดิมที่ใช้เป็นศูนย์เด็กพิเศษวัดห้วยหมู อยู่ติดกับเมรุเผาศพ ส่งผลให้เด็กๆ พิเศษเกิดอาการหวาดกลัว บางรายร้องไห้ ไม่กล้าที่จะมาเรียน
อีกทั้งที่วัดเริ่มมีญาติโยมนำผู้เสียชีวิตมาประกอบพิธีสวดอภิธรรมศพและฌาปนกิจศพจำนมาก บางครั้งต้องนำโลงศพมาตั้งอยู่ติดกับศูนย์เด็กๆ ตกใจและกลัวกัน ทำให้อาตมาต้องหาที่ก่อสร้างศูนย์ขึ้นใหม่ทำแทน จึงมาใช้พื้นที่ดินตรงนี้ โดยมีโยมใจดีถวายโฉนดที่ดินและที่ดินนี้ให้ทางวัดจึงได้เริ่มลงมือก่อสร้างทันที หลังจากที่ทางวัดได้จัดงานทอดกฐินเมื่อช่วงออกพรรษาที่ผ่านมา มีเงินที่ญาติโยมถวายมาจำนวนหนึ่งจึงได้แบ่งมาจัดซื้อวัสดุและอุปกรณ์และลงมือสร้างทันที โดยใช้พระภิกษุที่จำพรรษาที่วัดและเป็นพระที่มีความรู้ความชำนาญด้านฝีมือช่าง อีกทั้งมีพระที่บวชใหม่ก็มีความรู้และเคยเป็นช่างมาก่อน จึงได้มาร่วมกันทำ
เจ้าอาวาสวัดห้วยหมู กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุผลที่พระสงฆ์ของวัดลงมือช่วยกันก่อสร้างเอง เนื่องจากต้องการลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เพราะงบประมาณของวัดมีจำนวนจำกัด เนื่องจากวัดห้วยหมูเป็นวัดภายในชุมชนขนาดเล็ก อีกทั้งระยะเวลาการก่อสร้างเร่งด่วน เพราะได้ขนย้ายเด็กและอุปกรณ์การเรียนมาไว้ที่โรงทานของวัดชั่วคราว ก็หวังจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อนช่วงเดือนเมษายน เพราะอากาศจะเริ่มร้อนมากเด็กๆ และผู้ปกครอง เด็กพิเศษจะลำบากกัน โดยระยะเร่งด่วนจะใช้งบประมาณเกือบ 3,000,000 บาท และอาคารอีกฝั่งที่จะต้องดำเนินการสร้างต่อ เพื่อให้เป็นที่ฝึกปฏิบัติธรรมของญาติโยมที่ต้องการมารักษาศีลหรือฝึกปฏิบัติธรรมที่วัด
"คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่ออีก งบประมาณเกือบ 3,000,000 บาทเช่นกัน แต่เป็นราคาที่ช่างรับเหมาประเมินมาให้ ขณะนี้พระทำกันเองยังไม่สามารถประเมินราคาได้ คงต้องรอให้อาคารเสร็จถึงจะสามารถสรุปราคาจริงได้ ขณะนี้ทางวัดจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างไปแล้วราว 3-4 แสนบาท และบางส่วนมีญาติโยมผู้ใจบุญที่ทราบข่าว และมาทำบุญที่วัดซื้อ หิน ทราย ปูน และเหล็กเส้นมาถวาย คนละถุงสองถุง"
พระครูจันทสีรากร กล่าวว่า ศูนย์พัฒนาเด็กพิเศษวัดห้วยหมู นับเป็นบ้านหลังที่ 2 และเป็นโรงเรียนที่พัฒนาฝึกเด็กพิเศษและเด็กออทิสติกที่มีฐานะยากจน ให้มีพัฒนาการสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่ไปเป็นภาระของสังคม โดยความตั้งใจก่อนที่อาตมาจะมารณะภาพไป สถานที่แห่งนี้จะเป็นศูนย์ที่มีระบบและมีแบบแผนเป็นฐานที่มั่นคงที่คนรุ่นๆต่อไป หรือจะเป็นเจ้าอาวาสรุ่นต่อๆไปได้สืบสานต่อ
"เพราะเด็กเหล่านี้น่าสงสารหากไม่มีศูนย์รวมหรือที่ฝึกให้เขาสามารถดูแลตนเองได้ต่อไปก็จะเกิดเป็นภาระของสังคมอย่างแน่นอน ศูนย์นี้อาจจะช่วยได้ พัฒนาพวกเขาได้ เรามีเงินตายไปมรณะไปก็เอาไปไม่ได้ เอามาช่วยพัฒนาและช่วยเหลือพวกเขาดีกว่า"
พระครูจันทสีรากร กล่าวต่อว่า เมื่อ 11 ปีก่อน โรงเรียนวัดห้วยหมูซึ่งอยู่ติดกับวัดห้วยหมู ได้เริ่มเปิดรับเด็กพิเศษและเด็กออทิสติก โดยเป็นเด็กในชุมชนตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.6 ในขณะนั้นได้เป็นกรรมการของสถานศึกษาจึงได้สัมผัสกับเด็กพิเศษและเด็กออทิสติก ด้วยความเมตตา ความรักและความสงสารบรรดาเด็กเหล่านี้ที่หลังจากเรียนจบ ป.6 ไม่สามารถออกเรียนต่อที่ไหนได้ ทำให้ไม่มีการได้รับการพัฒนาจนให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างปกติทั่วไป
ปัจจุบันหลังจากที่ทางวัดได้ใช้ศาลาที่อยู่ติดกับเมรุเผาศพเป็นศูนย์พัฒนาเด็กพิเศษและเด็กออทิสติก เด็กๆพิเศษเริ่มมี สมาธิ เริ่มฝึกอาชีพที่ไม่อันตรายละสามารถทำได้อาทิ ทำดอกไม้จันทน์และขนมจัดเบรก (อาหารว่าง) ล่าสุดได้ประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์และพวงหรีดที่ทำจากใบสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัล ทำให้เด็กๆ สมาธิมากขึ้นได้เรียนรู้การคัดแยกใบสลาก เรียนรู้การพับการขึ้นรูปของพวงหรีด อีกทั้งยังได้อยู่ผู้ปกครองและจิตอาสาที่มาช่วยงานภายในศูนย์ด้วย
"ถึงแม้ว่าวัดห้วยหมูจะอยู่ในอำเภอเมือง แต่ชุมชนที่อยู่โดยรอบๆ วัดบางส่วนมีฐานะยากจน บางส่วนจะเป็นโรงงาน หรือ ทำนา แต่ก็จะไปขอบิณฑบาต ญาติโยม ก็จะถูกข้อครหาว่า สร้างแล้วสร้างอีก ส่วนเหตุผลที่พระสงฆ์ลงมือทำเองเนื่องจากพอมีความรู้เรื่องช่างอยู่บ้าง จึงลงมือทำร่วมกับลูกศิษย์วัด และโชคดีที่โยม อาจารย์จากวิทยาลัยการอาชีพ โปลีเทคนิคราชบุรี ได้นำนักเรียนด้านช่างมาร่วมกันสร้าง เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณของวัดที่มีอยู่จำกัดเพื่อหวังให้ ศูนย์เด็กพิเศษและเด็กออทิสติก และอาคารพัฒนาฝีมือ จะแล้วเสร็จได้เป็นประโยชน์กับพุทธศาสนิกชนต่อไป" พระครูจันทสีรากร กล่าว
สำหรับท่านที่มีความประสงค์จะร่วมทำบุญสร้างศูนย์พัฒนาการและฝีมือเด็กพิเศษ และอาคารเรียนเด็กพิเศษวัดห้วยหมู ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2562 สามารถสอบถามได้ที่พระครูจันทสีรากร เจ้าอาวาสวัดห้วยหมู โทร 086-0209978 หรือร่วมทำบุญผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี วัดห้วยหมู บัญชีเลขที่ 736-1-08910-0
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี