นางดวงจันทร์ วลิวงศ์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ที่ 10 บ้านดงบัง ต.น้ำปลีก อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ หนึ่งในต้นแบบของสตรีชาวนาไม่ยอมอยู่เฉยแม้จะอยู่ในช่วงทำนาปลูกข้าว หากว่างก็จะปลูกพืชผักหลายชนิดขายเสริมรายได้หาเงินมาจุนเจือครอบครัว โดยไม่หวังพึ่งการกู้ยืมเงินแม้แต่บาทเดียว
นางดวงจันทร์ วลิวงศ์ แม่บ้านคนขยัน เล่าว่า มีอาชีพทำนามาตั้งแต่พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย เมื่อหมดฤดูทำนาก็ไม่อยู่เฉย หรือแม้กระทั่งระหว่างทำนา หรือว่างทำนา ก็จะมองหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ควบคู่กับการทำนาปลูกข้าว โดยแบ่งที่นาจำนวน 1 ไร่ จาก 10 ไร่ทำการเพาะปลูกพืชผักต่างๆ เช่น พริก มะเขือ ผักบุ้ง ต้นหอม ผักชี ข้าวโพด เป็นต้น ซึ่งผักที่ปลูกจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำเอง จึงรับประกันได้เลยว่าพืชผักที่นี่จึงปลอดสารเคมี 100% เป็นที่ต้องของตลาดเป็นอย่างมาก เพราะนำไปวางขายช่วงเย็นในตลาดตำบลน้ำปลีก ไม่ถึง 1 ชั่วโมงขายหมดทุกวัน ประกอบกับเป็นคนชอบช่วยเหลือสังคม เป็น อสม. จิตรอาสา อปพร. และคณะกรรมการชุมชนคือชอบช่วยเหลือสังคม ผักต่างๆ ที่นำไปขายจึงมีราคาไม่แพงเพื่อต้องการให้คนในตำบลน้ำปลีก ได้บริโภค ผักปลอดสารพิษ เพื่อสุขภาพในราคาที่เหมาะสม
นางดวงจันทร์ วลิวงศ์ บอกว่า ปลูกพืชผักขายหลังทำนา หรือระหว่างทำนาปลูกข้าวมากว่า 20 ปี รวมถึงทำนาจำนวน 10 ไร่ ซึ่งเป็นการปลูกข้าวอินทรีย์ก็ไม่หวังกำไรมากนัก เพราะต้องการให้มีข้าวกิน โดยไม่พึ่งตลาด ที่สำคัญได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการทำนาและดำรงชีวิต คือ อยู่อย่างพอเพียง ทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขมาก
นางดวงจันทร์ วลิวงศ์ กล่าวว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แม่บ้านชาวนาในหมู่บ้านดงบัง มองเห็นความสำคัญ ในการทำอาชีพเสริมเพิ่มรายได้หลังทำนา หรือระหว่างทำนาก็มีการจัดประชุมกันในบรรดาแม่บ้านดงบัง ตกลงให้มีการจัดตั้งกลุ่มปลูกผักอินทรีย์ขึ้นมามีสมาชิก 30 คนโดยคัดเลือกให้ตนเป็นประธานกลุ่มปลูกผักอินทรีย์ด้วยการปลูกผักหลายชนิด เช่น ผักบุ้ง ผักกาด ต้นหอม ผักชี เป็นต้น โดยใช้ที่ว่างเปล่าจำนวน 2 ไร่ใกล้กับสระน้ำสาธารณะโดยการปรับพื้นดินทำเป็นแปลงผักใช้ท่อซีเมนต์ สำหรับพักน้ำที่ใช้มอเตอร์สูบน้ำจากสระแล้วต่อท่อพีวีซี ไปตามแปลงผักใช้สปริงเกอร์รดน้ำทุกเช้าเย็นให้ทั่วทุกแปลงผัก และช่วงเย็นก็จะเก็บขายที่ตลาดในเขตเทศบาลตำบลน้ำปลีก เพียงแค่ 1 ชั่วโมงก็ขายหมดแล้ว สร้างรายได้เป็นอย่างดี
นางดวงจันทร์ วลิวงศ์ ประธานกลุ่มปลูกผักอินทรีย์บ้านดงบัง กล่าวทิ้งท้ายว่า จัดตั้งกลุ่มปลูกผักอินทรีย์มากว่า 2 ปีปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 30 คนและมีผู้นิยมบริโภคผักเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น จึงต้องมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกออกไปอีก 1 ไร่ รวม 3 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการเข้าหุ้นกันคนละ 1,000 บาทเงินกำไรก็จะเก็บไว้เป็นกองกลาง สิ้นปีก็จะมีการจ่ายเงินปันผลและหากสมาชิกขัดสนก็จะให้กู้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยเพื่อต้องการให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี