อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมกับเทศบาลตำบลร่องคำ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดยิ่งใหญ่ตระการตางานมหกรรมเส็งกลองร่องคำ แข่งขันประชันกลองพื้นบ้านอีสาน สู่มหกรรมกลองอาเซียน ประจำปี 2562
ที่สนามหน้าเทศบาลตำบลร่องคำ อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายกล้าณรงค์ พงศ์สิทธิคุณ นายอำเภอร่องคำ นายประยงค์ โมคภา รองนายก อบจ.กาฬสินธุ์ ดร.พูลสวัสดิ์ นาทองคำ นายกเทศมนตรีตำบลร่องคำ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา ประชาชนกว่า 10,000 คน ร่วมจัดกิจกรรมและเปิดงานมหกรรมเส็งกลองร่องคำ แข่งขันประชันกลองพื้นบ้านอีสานสู่มหกรรมกลองอาเซียน ประจำปี 2562 ซึ่งอำเภอร่องคำร่วมกับเทศบาลตำบลร่องคำ อบจ.กาฬสินธุ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดขึ้น เพื่ออนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาขนบธรรมเนียมประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น สร้างความตระหนักในคุณค่ากลองเส็ง และส่งเสริมการละเล่นกลองพื้นบ้านอีสาน
ทั้งนี้ ยังเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยววิถีไทยอีสานของอำเภอร่องคำ ตลอดจนเป็นการประชันของดีและขยายตลาดจำหน่ายผลผลิต ทั้งด้านพืช และสัตว์ ของเกษตรกรในโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และกลุ่มอาชีพในพื้นที่ โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ 2562 บริเวณสนามหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลร่องคำ อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์
โดยพิธีเปิดเริ่มตั้งแต่การรำบวงสรวงเจ้าปู่กุดลิงร่องคำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอร่องคำ โดยมีนางรำร่วมกว่า 1,000 คน จากนั้นมีขบวนแห่ฟ้อนรำ ขบวนแห่กลองเส็ง กลองยาว และการแสดงโชว์ตีกลอง การแข่งขันประชันกลอง ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจ และสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และผู้มาร่วมงานอย่างมาก
นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า อำเภอร่องคำถือเป็นพื้นที่ของกลองเส็ง ซึ่งมีเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ที่โดดเด่นแห่งเดียวในโลกก็ว่าได้ เพราะงานมหกรรมเส็งกลองร่องคำ แข่งขันประชันกลองพื้นบ้านอีสานสู่มหกรรมกลองอาเซียน นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นแล้วยังเป็นการสร้างความแข็งแรง ความรัก ความสามัคคีให้กับคนในชุมชน เนื่องจากกลองเส็งนอกจากจะเป็นการละเล่นแข่งขันด้านพละกำลัง ความอดทน มีน้ำใจเป็นนักกีฬา นอกจากนี้ในงานยังมีการนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ของดีต่างๆมาประชันกัน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นอีกด้วย
ทั้งนี้ ในสมัยก่อนกลองเส็งยังใช้ตีบอกสัญญาณจากในวัดถึงชุมชน ใช้เป็นสัญญาณออกรบ และเป็นการละเล่นบุญเดือน 3 และบุญเดือน 6 โดยสืบทอดต่อกันมานานกว่า 160 ปี ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักและให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ เห็นคุณค่าของกลองเส็ง ทุกภาคส่วนจึงร่วมกันจัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีสร้างความตระหนักในคุณค่ากลองเส็งให้อยู่คู่ลูกคู่หลานต่อไป
ด้าน ดร.พูลสวัสดิ์ นาทองคำ นายกเทศมนตรีตำบลร่องคำ กล่าวว่า กลองเส็ง หรือบางพื้นที่ของจังหวัดในภาคอีสานเรียกกลองกิ่ง ซึ่งคำว่า “เส็ง”ในภาษาอีสานมีความหมายว่า “แข่งขัน” ซึ่งการเส็งกลองเป็นการแข่งขันตีกลองพื้นบ้านของชาวอีสานที่มีมาตั้งแต่โบราณมีการแข่งขันกันในแทบทุกจังหวัดของภาคอีสานและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ การเส็งกลองของชาวอีสานนิยมแข่งขันกันในงานบุญประเพณีต่างๆ เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ บุญออกพรรษา
สำหรับงานมหกรรมเส็งกลองร่องคำ ”แข่งขันประชันกลองพื้นบ้านอีสานสู่มหกรรมกลองอาเซียน” ครั้งที่ 6 ประจำปี 2562 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่สนามหน้าสำนักงานเทศบาลตำบาลร่องคำนั้นถือเป็นงานประจำปีอันยิ่งใหญ่ระดับประเทศของพี่น้องชาวอำเภอร่องคำ
โดยในงานจะมีการรำบวงสรวง แข่งกลองเส็งหน้ากว้าง กลองเส็งหน้าแคบ ซึ่งเดินทางมาจาก 12 จังหวัดในภาคอีสาน และประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา และ สปป.ลาว มีขบวนแห่และพิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่ตระการตาแข่งขันสนูว่าวลีลา การแข่งขันกลองยาวระดับแชมป์ประเทศไทย การเดินแบบผ้าไทย การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจากอำเภอต่างๆ แข่งขันบาสโลป แข่งขันกลองตุ้มจากหลายจังหวัดในภาคอีสาน วงโปงลาง การประกวดธิดากลองเส็ง การจัดนิทรรศการ ออกร้านจากส่วนราชการและเอกชน กลุ่ม OTOP นวัตกรรมวิถี และอื่นๆอีกมากมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี